ลดชั่วเพิ่มดีที่ทำให้ชีวีมีสุขคือ ลดโกธเพิ่มเมตตา ลดความริษยาเพิ่มความยินดี ลดรังเกียจเพิ่มให้เกียรติ ลดความเห็นแก่ตัว ลดความพยาบาท ทำได้เท่านี้ก้ดีแล้ว
ปกตินิสัยคนเรามักโทษผู้อื่นคือโทษคนอื่นว่าผิดไว้ก่อน...ฉันไม่เคยทำผิด ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเธอทำ... ร้อยเหตุผลและสารพัดข้อสนับสนุนที่จะนำมาแก้ตัว ให้พ้นความผิดพลาดหรือโทษที่ตนเองทำ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจหทัยและดวงกมลของคนอีกคน...ไม่แยแสต่อจิตวิญญาณดวงกมลและภราดรภาพของผู้ใด
หลายคนปากบอกว่าเราทำเพื่อส่วนรวม... เอาเข้าจริงก็ทำเพื่อตนเอง... ขนาดคนติดคุกศาลตัดสินแล้ว เวลาเราถามท่านทำอะไรผิดถึงมาติดคุก..คำตอบคือเขาหาว่าผมทำ....

เมื่อคนสองคนมีเรื่องไม่ดีหรือทะเลาะกัน แต่ละคนจะโทษกันและกันว่า ขี้บ่น ขี้ปด ขี้ตอแย ขี้จุ๊ เป็นคนไม่ดี ใจร้าย ลำเอียง เสเพล ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ฉันเบื่อเธอแล้วฉันระอาฉันเกลียดชัง...คุณไปวัดประจำแต่ไม่มีคุณธรรมในใจ.....?

โดยปกติ คนเราไม่ว่าจะดีหรือเลวทุกคนต้องการบางสิ่งเหมือนกันเช่นความสุข ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจฯลฯ เพราะฉะนั้น เพื่อความสุขของชีวิตเราต้องยอมเปลี่ยนนิสัยหรือลดนิสัยเสียหรือนิสัยไม่ดีของเรออกบ้างแล้วเพิ่มสิ่งที่ดีนิสัยที่ดีขึ้นให้มากกว่าเดิม แล้วเราจะไม่ต้องไปบ่นให้อายเทวดา...
นิสัยไม่ดีคืออะไร? เราจะเปลี่ยนนิสัยอะไรที่ไม่ดีบ้าง? แล้วเราจะเพิ่มอะไรที่ดีบ้าง? นักปราชญ์ได้สรุปความเลวที่ต้องลดละเลิกไว้และความดีที่ควรทำเพิ่มทุกวันไว้ดังนี้คือ:-

๑. ลดโกรธเพิ่มเมตตา(Decrease angry become kindness) อย่าบอกนะว่า ฉันใจดี๊ดี ไม่เคยโกรธใคร.. อายตุ๊กแก อายจิ้งจก เมื่อเราโมโหรู้ว่าโกรธบ่อยๆลองหัดลดมานะทิฏฐิลง ว่างๆอยู่บ้านหัดมองกระจกและทำหน้าเหมือนตอนที่เราโมโหคนอื่นที่เราว่าบ้าง ดูซิว่าหน้าตาเราน่ารักไหมหรือน่ากลัว ถ้าคนอื่นทำเราจะรับได้ไหม...อย่าว่าแต่กับบุคคลอื่นคำพูดของลูกบางคน เวลาโกรธแม่พูดกับแม่ราวกับแม่เป็นทาส
ปกติคนทั่วไปย่อมมีความชัง มีความโกรธ มีความอาฆาตพยาบาทกันด้วยเหตุต่อไปนี้คือ มีความเกลียดชังโกรธ อาฆาตพยาบาทว่า ๓ ประเภทคือ
๑.๑. โกรธว่าเขาได้ทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์(ความพินาศ เสียหาย เสื่อมเสีย)แก่เรา... เขากำลังทำหรือจะทำความเสียหายแก่เรา...
๑.๒.โกรธอาฆาตพยาบาทว่าเขาได้ทำสิ่งที่เสียหาย เสื่อมเสียแก่คนที่เรารัก กำลังทำหรือจะทำความเสียหายแก่คนที่เรารัก....
๑.๓.มีความโกรธ อาฆาตพยาบาทว่าเขาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่คนที่เราชัง กำลังทำหรือจะทำสิ่งที่ดีแก่คนที่เราชังก็เลยชัง
๑.๔.ชังหรือโกรธโดยไม่มีเหตุผลโกรธในสิ่งที่ไม่ใช่ฐานะ... (ใครมีความโกรธข้อใดยกมือขึ้น ถ้ามีทุกประเภทก็ไปทำบุญสักหน่อย...)
(ฮักแพงแบ่งปัน)
๒. ลดริษยาเพิ่มความยินดี (Decrease jealousy become sympathetic joy) คือหัดแสดงความยินดีเมื่อเพื่อนร่วมงานที่ได้ยศฐาบรรดาศักดิ์บ้าง หัดชื่นชมคนที่เรารักบ้าง "แหวนดีญ้อนหัว ผัวดีญ้อนเมีย" คนจะดีเพราะมีคนดึงมีคนดันมีคนสนับสนุน ผู้ใหญ่ดึง ผู้น้อยดัน คนเสมอกันสนับสนุนเพื่อนร่วมงานที่แสนดีบางครั้งเราก้มองไม่เห็น พ่อแม่ที่แสนดีเราก็มองข้ามพ่อแม่จึงกลายเป็นคนดีที่ถูกลืมให้อยู่บ้านโดยลำพัง ถ้าเราแก่เราถูกทิ้งเช่นนั้นบ้างจะรู้สึกอย่างไร
อนึ่ง เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเป็นผู้บริหารแล้วให้ลูกน้องมาเตือนหรือจะให้รอใครมาเตือนก็คงยาก เพราะยิ่งเรียนสูงหรือตำแหน่งสูงยิ่งไม่มีใครบอกได้ เพราะ อีโก้มันสูงตาม...จนมีคำกล่าวว่า "เถียงผู้ใหญ่ เป่าไฟทวนลม ลูบของคมไม่มีฝักอนตราย" คนไทยจึงมีแต่พูดว่า "ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน" ผู้ใหญ่ต้องมีความยุติธรรมแก่ผู้ใบงคับบัญชา แม่ตายก็ปล่อยให้เขากลับไปเผาบ้าง คนไทยถือความกตัญญูรู้ไหม...
๓.ลดรังเกียจเพิ่มให้เกียรติ (Decrease dislike become accreditation) คือลดความชิงชังคนอื่น หัดให้เกียรติคนอื่นมากขึ้น หัดชมเชยบ้าง(ญ้องยอ) หัดสรรเสริญคนบ้าง...คนอื่นจะได้รักเราบ้าง...จงเป็นคนจริงใจอย่าให้เหมือนคำว่าหัวใจคนนั้นยิ่งลึกลับ บางคนเห็นงานตนเองเป็นใหญ่ไม่คำนึงถึงหัวใจคนคิดว่าค่าตอบแทนซื้อใจคนได้บางทีอยากลวนลามลูกน้องที่เป็นสตรีโดยปราศจากการให้เกียรติ เอาลูกน้องมาเป็นกิ๊ก มาเป็นภรรยาน้อยใช้อำนาจขู่เข็น....
ฉะนั้น แค่การยกย่องมันทำยากมากหรือไง ถ้ามันทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกินข้าวลองดูสักสามวัน ถ้าให้เกียรติคนอื่นได้ ยิ้มให้คนอื่นได้ สรรเสริญหรือคิดหาสิ่งดีของคนอื่นพบก็ค่อยทานข้าวดีไหม ถ้าคิดหาไม่เจอก็ยอมมาอดข้าวตายดีไหม อยู่ไปก็อายฟ้าดิน หรืออยู่ไปก็รกโลกหนักโลกเฉยๆ …หัดให้ความจริงใจ ให้เกียรติ ไม่เหยียดหยามกัน....รักกันดีกว่าชังกัน รักกันอยู่สุดขอบฟ้าเขาเขียว เสมือนอยู่หอเดียวร่วมห้อง ชังกันนี้ไม่เหลียวแลตาต่อกันนา เหมือนป่าไม้มาป้องขอบฟ้ามาบัง...แล้วเราจะเลือกรักกันหรือชังกันจึงจะเป็นสุข

๔. ลดการเห็นแก่ตัวเพิ่มการเห็นแก่ส่วนรวม (Decrease selfishness become sympathizer) คือมีงานอะไรที่พอช่วยได้ก็ช่วยกันบ้าง ช่วยด้วยให้สิ่งของยามเขาขัดสน คำแนะนำยามเขาคิดไม่ออก ไม่เป็นศัตรู มีงานส่วนรวมอะไรก็หัดช่วยกันบ้าง มิใช่แค่นั่งดูหรือไปเอาเท้าราน้ำให้อีกฝ่ายซ้ำใจ หัดเปลี่ยนนิสัยตระหนี่เป็นนิสัยเสียสละบ้างก็จะสร้างมนุษยสัมพันธ์และความรักแก่กันและกันโดยไม่ต้องไปหามนต์เสน่ห์...ม่านบังตาบางอย่างทำให้เราเห็นผิดเป็นชอบ

๕.ลดพยาบาทเป็นให้อภัย (Decrease revenger become forgiver)ที่จริงข้อนี้มีความชัดเจนในตัว คงไม่ต้องอธิบายว่าการให้อภัยคืออะไร ถ้าไม่รู้จักการให้อภัยผิด และไม่คิดที่จะลืมซึ่งความหลัง ก็จะหารักยืนยาวลำบากจัง เพราะพลาดพลั้ง ย่อมมีทั่วทุกตัวคน....บางครั้งเราทำผิดต่อคนหลายคนบางครั้งแม้แต่แม่เรายังทำผิดกับท่านได้จนแก้ไขไม่ได้เข้าทำนองที่ว่าโตเกินกว่าที่จะร้องไห้ เจ็บปวดเกินไปที่จะหัวเราะ
คนเราเดินไปเหยียบสิ่งของหาว่าเขาเก็บไม่ดี พอคนอื่นเหยียบบ้างหาว่าไม่มีตาหรือไง อย่างนี้ไม่เรียกว่าอภัยดอกนายจ๋า....
