<p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>
เมื่อวานนี้ มหาวิทยาลัยมหาสารคามนับว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก ได้จัดโครงการมหกรรมการจัดการความรู้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เชิญบุคลากรในสถาบันมาเดินหน้าหาความจริง ว่าจะจัดการความไม่รู้ในองค์กรได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็วางแผนว่าจะเพิ่มนักจัดการความรู้สายพันธุ์Bloggerได้อย่างไร เพื่อที่จะยกฐานะให้เป็นองค์กรแห่งภูมิปัญญา ให้สมกับที่ว่าจังหวัดนี้เป็นตักสิลานครแห่งภาคอีสาน
ท่านอธิการบดี คณาจารย์ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง มีการนำผลงานเสนอนับ10โครงการ และจัดนิทรรศการละลานตา ให้บุคลากรภายในและภายนอกมาพิสูจน์ความก้าวหน้าว่าแต่ละปีเราทำเรื่องดีๆที่น่าชื่นชมอะไรบ้าง ช่วงท้ายมีรายการที่เยี่ยมมาก ให้Bloggerที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของสถาบัน ได้ขึ้นไปเล่าเรื่องความตระหนักที่เกิดจากการเขียนBlog เป็นการอธิบายว่า..เขียนBlogแล้วได้อะไร ดียังไง ประโยชน์อยู่ตรงไหน ทำไม(พพร.) เขาถึงส่งเสริมให้ใช้Blogเป็นเครื่องมือ ในการอธิบายเรื่องราวต่างๆของบุคคลและสถาบัน
<div style="text-align: center"></div> <div style="text-align: center"></div> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal">อาจารย์รศ. ดร.อรรณพ วราอัศวปติ (Panda) คุณวิชิต ชาวะหา ผู้ชายป้ายเหลือง คุณแผ่นดิน คุณอนงค์ Blogger(มมส.)ทำการบ้านมาอย่างดี ช่วยกันเล่าเร้าพลังให้เห็นว่าเมื่อตนเองได้เข้าสู่โลกกว้างแห่งการเรียน Blogได้นำไปสู่จิตวิญญาณของโลกIT.อย่างไร ตรงจุดนี้ผมคิดว่าสำคัญมาก ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่าเรากำลังก้าวไปอยู่ในโลกของICT. ใครไม่เรียนรู้ระบบนี้อย่างถ่องแท้จะตกขบวนรถคันสุดท้าย จะเอาแค่ใช้คอมพิวเตอร์เป็น ค้นงานได้ หรือใช้ทำรายงาน ถ้าทำได้แค่นี้ก็อยู่ในระดับเด็กประถมและมัธยมเท่านั้น</p>
<div style="text-align: center"></div><p align="center">(ในห้องพักผม มีการชุมนุมก๊วนเฮฮาศาสตร์เสมอ) </p>
ระดับอุดมศึกษา ควรให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้มากๆ อย่างน้อยควรเขียนBLogได้ และพัฒนาไปเป็นBloggerให้ได้ แล้วท่านจะเป็นมนุษย์แห่งยุคสมัย ไม่งมโข่งอยู่กับระบบเรียนรู้แบบชามสังคโลกอีกต่อไป ในเมื่อความรู้เก่าตกรุ่นเร็ว ความรู้ใหม่ไหลบ่ามาท่วมท้นทุกวินาที ถ้าไม่รู้วิธีจัดการความรู้ ก็อย่ามาคุยว่าตัวเองเป็นนักบริหารการศึกษา นักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญชำนาญการอะไร เพราะความรู้ที่ท่านอนุรักษ์ไว้นั้นตกรุ่นไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว มันไม่ต่างกับท่านยังนุ่งโจงกระเบน ในขณะที่คนอื่นเขาแต่งชุดใหม่ๆ คนที่นุ่งโจงกระเบนไม่ดีตรงไหน ก็ดีครับ แต่..เขาให้คอยไปเปิด-ปิด ประตูโรงแรม ซึ่งตำแหน่งนี้รับจำนวนจำกัดเสียด้วย
ประเด็นหนึ่งที่ผมได้ยินมานานมาก เกี่ยวกับการใช้เวลาเขียนBlog จะมีคนท้วงติงว่าอย่าเอาเวลาราชการไปเขียนBLog ผมว่านี่แหละคือตัวชี้วัดว่าเราอยู่ในโลกICT.ระดับใด แสดงว่าคนที่พูดและคิดอย่างนี้มีวิสัยทัศแค่ไหน เราจะไปแข่งขันกับใครได้ ถ้าทรัพยากรมนุษย์เรายังเล่นแง่และมีปัญหากับการใช้เครื่องมือในการยกระดับความรู้ของตนเอง โลกเขาไปถึงไหนแล้ว สร้างเครื่องมือIT.ไม่เป็น แถมให้ใช้ ก็ยังใช้ไม่เป็นอีก เต่าหนอเต่า..
อานุภาพของBlog นี่นะ มันสามารถเปลี่ยนควายให้เป็นคนได้ เมื่อก่อนนี้ผมนี่แหละเป็นควายตัวโตที่สุด อาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช ได้เคียวเข็นลงปฏักอย่างหนัก จนกระทั่งความเป็นควายในตัวตนค่อยๆลดลง เข้าใจว่าความเป็นคนก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาบ้าง เพราะได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง ดังนั้นใครที่พูดว่าอย่าเอาเวลาราชการไปเขียนBlog พูดผิดพูดใหม่ได้นะจ๊ะ ไม่มีใครว่าตัวเองเซ่อหรอก ชาวBlog เขาไม่ถือสาและให้อภัยเสมอ
ในเมื่อBlogเป็นเครื่องมือในการพัฒนาความรู้ ค้นความรู้ เชื่อมโยงกับผู้รู้ และนำเสนอความรู้ของตนออกสู่โลกสาธารณะ เราจะมาจำกัดวิธีและเวลาเรียนรู้ให้ความโง่เซาะอยู่กับตัวนานๆไปทำไม ถ้าใครไม่มีเวลา ไม่เขียน ไม่สนใจ ก็ควรจะยุให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจและเปิดโอกาสให้เขาพัฒนาตัวเองเต็มที่ อย่าตัวทำเป็นหมาหางด้วนเลย เดี๋ยวพรรคพวกที่ท่าแร่สกลนครรู้ข่าว เอาครุถังมาแลกไม่รู้ด้วยนะ
ถ้าเป็นผม ผมจะปูผ้าขาว แล้วกราบบุคลากรที่เขียนBlogในเวลาราชการ เพราะเขาได้ใช้เวลาราชการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พัฒนาตนเองเชิงรุก สามารถบริหารเวลาไปเพื่อการเพิ่มเติมความรู้ ดีกว่านั่งซุบซิบนินทาเจ้านายเป็นไหนๆ หรือไม่ก็ประเภทเดินไปเดินมารับห้าหมื่น ทำยังกับว่าเวลาราชการนั้นรัดตัวจนทำการอื่นที่มีประโยชน์ไม่ได้ ลองทำการวิจัยชี้วัดดูไหมละ ว่าคนทีเขียนBlogกับคนที่ไม่เขียนBlog จะมีอานุภาพแตกต่างกันอย่างไร ถ้า(กพร.)ต้องการจะพัฒนาระบบราชการให้เข้าที่เข้าทาง ก็ควรวัดจำนวนBloggerในแต่ละสถาบันด้วย อย่าเอาแค่มากำหนดว่าต้องประเมินโน่นนี่1-2-5ก็พอแล้ว ถ้าคิดและทำแค่นี้ เราจะไม่ได้เห็นก้าวหน้าหรือมาตรฐานการพัฒนาองค์กรที่แท้จริง ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าที่มาเกี่ยวข้องกับKM. เพราะเป็นไฟล์บังคับของ(กพร.) ขอให้หันไปดูภาคเอกชนว่าเขาไปถึงไหนแล้ว ภาคราชการนี่แหละที่เดินยี่ยักยี่หย่อนโยกหน้าโยกหลังเหมือนปีศาจสุรา
ประเด็นที่เอาเวลามาเขียนBlogนี่ละ ควรจะฟันธง! ลงไปเลยไหมว่าต้องเอาเวลาไหนไปทำอะไร แหม..ข้าราชการไทยไร้สามัญสำนึกขนาดนั้นเลยเชียวหรือ ถ้าเป็นเด็กมัธยมก็ไปอีกอย่าง นี่เป็นถึงครูบาอาจารย์ เป็นผู้ที่อยู่กับความรู้ ถ้ายังจะต้องมาขายขี้หน้าตัวเองไม่รู้ไม่ชี้แล้วยังมาชี้ ไม่ยอมให้เขารับผิดชอบในการบริหารเวลา ว่าช่วงไหนเขาควรจะใช้เวลาไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์ ก็แสดงว่าคนพูดนั่นแหละเป็นที่ไม่พัฒนาระบบการเรียนรู้ของตนเอง อยู่กับโลกเก่าคิดเก่าๆแบบนี้ควรจะไปเป็นหมอดู จะได้ดูอะไรซ้ำๆซากๆสมใจนึก
ท่านใดที่ยังข้องใจเรื่องประเด็นนี้ ขอเรียนเชิญไปพบกันในงานมหกรรมKM.ภูมิภาคครั้งที่1 ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร วันที่ 29 ศกนี้ รับรองสนุก อิอิ
</span>
ธุครับ งามๆครับพ่อ
อิอิ ผมก็ยังรู้สึกเป็นควายอยู่ครับ...แต่ก็เรียนรู้ขึ้นเยอะทีเดียว ควรบริโภคหญ้าแบบไหนที่ไม่ระคายเคืองคอ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพของผม
บันทึกนี้โดนใจครับ...
ท่านที่ยังเพิ่งเข้ามาในโลกเสมือนแห่งนี้จะได้เริ่มต้นเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพตนเองอย่างมีพัฒนาการ และมีเครือข่ายมิตรภาพในสังคมจริงด้วยครับ
ยังอยู่ดีมีสุขค่ะพ่อ หลังจากปรับจิต ปรับสุข ในตัวเองให้สมดุล .... ค่อยคลายค่ะ ....ไม่ยาก ...ให้เวลาดูแลใจกันนิดหน่อยค่ะ....
.............
เอาเวลางานมาเขียน blog ยังสยองอยู่เหมือนกัน
แต่ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันค่ะ
บริบทแต่ละที่ต่างกัน การสร้างใจร่วมกัน จึงมีหลายวิธีการ แต่ที่ดีที่สุด ทดลองแล้ว ปฏิบัติแล้ว ได้ผลแล้ว เกือบร้อยเปอร์เซ็น คือ ใช้ใจ และใช้เวลาค่ะ
แล้วเจอกันคะพ่อ
สวัสดีครับพ่อครูบา
เห็นด้วยครับ การบันทึก การเขียน แม้ในเวลาใดก็เกิดประโยชน์ ในอดีตคนไทยเราไม่ชอบจด ไม่ชอบเขียน และไม่บันทึก
ประวัติศาสตร์ก็สอนกันมาแบบหลอกให้เด็กรักในความเป็นไทยเท่านั้น (ชาตินิยมศาสตร์) โดยไม่ได้สอนให้ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ เกลียดเพื่อนบ้าน (พม่าเป็นตัวอย่างสำคัญ)
ดังนั้นการเขียน การบันทึก ในเวลาราชการ นอกเวลาราชการ เวลาว่าง พักแป๊บหนึ่ง ก็ย่อมเกิดประโยชน์กับผู้คนในวงกว้างได้เช่นเดียวกัน
การทำงานมีหลายรูปแบบ การที่เรามีการแลกเปลี่ยน สกัดขุมความรู้ออกมา แล้วเผยแพร่เป็นสิ่งที่ดี เป็นกุศลอย่างมาก ผู้ที่บอกว่าไม่ให้ใช้เวลาราชการไปเขียนblogสงสัย ตนเองใช้คอมไม่เป็นน้อพี่อครู
มือใหม่หัดเขียน
กะว่าจะชะแว๊บอ่านแล้วชะแว๊บไป
แต่บันทึกโดนใจจังค่ะ...
วิธีเขียนบล็อกให้เนียนในเวลาราชการ(ที่มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่(แฮ่ๆ) คือ....
พิมพ์ลงword ทำท่ายุ่งๆ ใครคุยด้วยก็ทำอือ อา เป็นพิธี....อิอิ...เขานึกว่ากำลังพิมพ์รายงาน.....
ส่วนการให้ความเห็นต้องเป็นนินจาบ้าง ...มีความว่องไวในการลดหน้าจอลง
เฮ้อ...มันเครียดอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ค่ะกับการใช้เวลาบนอินเตอร์เนตเขียนบล็อก
ทั้งๆที่เวลาที่สูญไปกับเรื่องอื่นๆ ของบางคนเช่นไปกินข้าวข้างนอกสำนักงานชั่วโมงกว่าสองชั่วโมง ไปทำธุระธนาคารเป็นครึ่งค่อนวัน(เราไม่รวยอย่างเขามั่งให้มันรู้ไป) ไปกินเลี้ยงปิดเทอม นั่งนินทาลูกน้อง นินทาอาจารย์ นินทาเพื่อน นินทาสามี ไปสัมมนา(ใช้เงินเที่ยวนอกสถานที่) ฯลฯ มันมากกว่าด้วยซ้ำ...
อิอิ...ยายแก่ทำบ่นตอนสายๆ ....
ขอแว๊บละค่ะ.....
ใช้เวลาราชการอ่านและเขียนบล็อกอยู่พอดีค่ะ ช่วงนี้ส่วนใหญ่ไปเขียนอยู่ที่ Learners เลยไม่ได้มาทักทายเพื่อนๆ ที่ G2K คิดถึงค่ะ
แวะไปอ่านบันทึกถึงป้าเจี๊ยบแล้วค่ะ หนังสือพวกนั้นพอไปอยู่กับพ่อครูแล้วเป็นประโยชน์มากกว่าจริงๆ แหละ
ถ้าจะบอกว่ารักพ่อครูเช่นกัน จะเป็นไรมั๊ยเนี่ย???
เช่นกันครับ.....
ตอนนี้ก็กำลังเขียน Blog ในเวลาราชการ ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ใช่ข้าราชการ.....
แต่เอ....มันแปลกตรงไหนเหรอ? อ๋อ...นึกออกแล้วหละครับ ทำไมบางคนถึงไม่อยากให้เขียน Blog ในเวลาราชการ (หรือเวลาทำงาน) คงเพราะ
ซึ้งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อองค์กรโดยรวมโดยเฉพาะราชการได้ เพราะอาจจะยังถือหลักที่ว่า....ทำงานแบบข้าราชการ ต้องเช้าชาม เย็นชาม...(ฮา...มั้ยเนี่ย)
ด้วยความเคารพรัก
สวัสดีค่ะพ่อ
ถูกใจบันทึกนี้มากเลยค่ะ แล้วค่อยแวะเวียนมาให้ความเห็นอีกรอบค่ะ
ฝากพ่อแวะไป ที่นี่ด้วยค่ะ
สวัสดีครับท่านครู
สบายดีไหมครับ เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ แต่สรุปๆ แล้ว ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่า
พ่อครูบาคะ
นานาจิตตังค่ะ แต่ว่าต้อมออนไลน์เกือบทั้งวัน อิอิ
ความรู้มันอยู่ที่คนเราต้องมีวิธีการอันแยบยลในการเลือกหยิบนำไปใช้ด้วย จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
ตั้งแต่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นมาหลายปี ต้อมว่า..ที่ G2K เนี่ย เจ๋งที่สุดค่ะ เป็นดั่งขุมทรัพย์ทางปัญญาจริง ๆ ให้ได้เรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขอขอบพระคุณค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะพ่อ
ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ
อานุภาพของBlog นี่นะ มันสามารถเปลี่ยนควายให้เป็นคนได้
หนูขออนุญาตนำวลีนี้ของพ่อไปใช้พูดในหัวข้อ "เขียน Blog แล้วได้อะไร" นะคะพ่อ
เพราะได้รับโจทย์การบ้านนี้ มาจากคุณเมตตา ให้ช่วยไปพูดเรื่องนี้ ให้คน ใน ม.อ.ฟังค่ะ
ส่วนประเด็นอื่น ๆ จะพูดเรื่องอะไรนั้น ไว้ขอคำปรึกษาจากเพื่อน ๆ ใน g2k อีกทีค่ะ
สวัสดีค่ะ
การเขียน Blog ในเวลาราชการหรือไม่ ก็ได้ยินพูดๆ กันพอสมควร เนื่องจากผู้ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ที่ G2K ก็จะคิดว่า นี่คือ chat ...เขาก็ไม่เข้าใจ ... คิดว่าหากงานหลัก งานที่ได้รับมอบหมายทำได้เสร็จตามกำหนด...ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา
เห็นด้วยครับ อิอิ
เพราะผมเลี่ยงยากครับ ยังไงก็ต้องใช้เวลาราชการตอบบล็อก (กลางวัน)บ้าง
ตอนเขียนผมมักใช้เวลาสงบๆ ตอนเย็น หลังเลิกงาน และก่อนนอนครับ