R2R : แลกเปลี่ยนเรียนรู้ CoP...R2R <6>: ต้องเขียนรายงานการวิจัยหรือไม่


       เหมือนเป็นคำถามให้ชวนคิดสำหรับคนที่รักการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย เพราะนอกจากจะปฏิบัติแล้ว สิ่งสำคัญเลยที่ดูเหมือนเป็นภาระสำหรับนักปฏิบัติ คือ การที่ต้องคลุกอยู่กับการเขียน Paper หรือ Report งานวิจัยนั้น จงบางคนรู้สึกเบื่อหน่ายและขอถอนตัวจากงานวิจัยนั้นเลย...

       การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสกัดแนวคิดที่หลากหลายออกมาเพื่อหาข้อสรุปสำหรับทีม สำหรับกลุ่ม ภายใต้ความเชื่อที่ว่าไม่มีถูกหรือผิด หากแต่อยู่ฐานแนวทางที่ว่าเราจะมีจุดร่วมกันอย่างไร ซึ่งเราได้ข้อสรุปของกลุ่มได้ว่า

       ให้เริ่มเขียนได้เลยตั้งแต่เราเริ่มลงมือทำ เขียนเป็น step สร้างกรอบการเขียน หรืออาจทำเป็น menu scrip และสามารถ add เข้าไปกับกระบวนการขณะทำพัฒนางานด้วยกระบวนการวิจัยได้เลย นั่นคือ ทำไปเขียนไปนั่นเอง ใช้เทคนิคการเขียนสำนวนตัวเองก่อนเมื่อได้ concept ได้แล้วค่อยมาเรียบเรียงเป็นสำนวนเชิงวิชาการมากขึ้น

       นอกจากนี้ ศ.นพ.ธาดา ยิบอินซอย ได้ให้ข้อคิดแก่พวกเราในกลุ่มว่า "ทำไมเราจึงต้องเน้นการเขียน" เขียนเพื่ออะไร...การเขียน...เขียนเพื่อให้เราทราบหรือสะท้อนว่าเราได้คำตอบแห่งความสงสัยนั้นหรือยัง เขียนเพื่อเผยแพร่ และจากนั้นการเขียนนี้จะทำให้เราเข้าใจในงานตนเองยิ่งขึ้นว่าเราจะสามารถไปทำอะไรต่อได้...

       สิ่งสำคัญ...ที่ อ.นพ.ปรีดา มาลาสิทธิ์ทิ้งไว้ให้กลุ่มขบคิด คือ ประเด็นที่ว่า...การสนับสนุนให้ผู้วิจัยนั้นหยุดพักงานประจำและมาเขียนรายงานวิจัยนี้เพื่อเสมือนว่าเป็นรางวัลที่สนับสนุนคนรักการพัฒนา...

หมายเลขบันทึก: 47918เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2006 07:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 06:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเขียนครับ ที่ผ่านมาเราพบว่า เราไม่ค่อยเน้นการเขียน ทำให้ทักษะด้านนี้เราด้อยไป จะเริ่มต้นเขียนอะไรสักครั้ง...ก็ลำบากมาก เขียนไม่ได้เรื่อง

ผมอยากให้ บุคคลากรสุขภาพเน้นการเขียนรายงานมากขึ้น เป็นเชิงคุณภาพนะครับ ผมเชื่ออย่างหนึ่ง (ซึ่งอดีตเป็น ขรก.สาธารณสุข) มี Tacit K มากมาย และจำเป้นต้องนำมาแลกเปลี่ยนกันครับ 

ตามอ่านมาหกตอนแล้ว รู้สึกเหมือนได้เข้าไปร่วมนั่งอยู่ในวง ลปรร. ครั้งนี้ด้วยเชียวค่ะ ต้องขอบคุณ..น้องกะปุ๋ม..ที่ช่วยถ่ายทอดออกมาได้แบบ "เนียน" จริงๆ....(the best note-taker!!)
  • พี่เม่ยมองว่า R2R ก็คือ การพัฒนางานที่มีเป้าหมายตรงไปที่แก้ปัญหาหน้างาน หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดหลักขององค์กร เพียงแต่วิธีคิดและลงมือปฏิบัติใช้กระบวนการวิจัยเข้ามาดำเนินการ เพื่อเพิ่มความถูกต้องและน่าเชื่อถือให้กับแนวทางแก้ปัญหาที่กลุ่มนักพัฒนาคิดค้นขึ้นมา...เนาะ!
  • แต่บางครั้งในองค์กรใหญ่ๆที่มีคณะกรรมการด้านงานวิจัยอยู่  มุมมองตรงนี้ไม่ชัดหรือไปมองในช่องทางเดียวกับการสร้างโครงการวิจัยใหญ่ๆที่เน้นการค้นคว้าหาคำตอบในสิ่งใหม่ๆ...ทำให้งาน R2R ในบางครั้งกลับกลายเป็นงานที่ถูกประเมินว่าด้อยค่า ได้รับการสนับสนุนหรือแม้แต่การชื่นชมน้อยจนไปบั่นทอนกำลังใจของกลุ่มผู้วิจัยเล็กๆเหล่านี้ไปได้...
  • มองเห็นทางที่จะช่วยลดปัญหานี้ได้ ก็คือการสร้าง CoP_R2R ให้เข้มแข็งขึ้นนี่แหล่ะค่ะ!

คุณเอกคะ...

ในวง ลปรร.ในวันนี้เรามีโอกาสที่ได้ร่วมคุยกับผู้ปฏิบัติ ที่ทำทั้งงานประจำ และงานวิจัยด้วย เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและรู้สึกเห็นใจมากว่าเหมือนเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของการเขียนรายงาน...แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับรู้และสรุปได้ว่า คนที่จะทำในส่วนนี้คือ ผู้ที่มีใจรักที่อยากจะทำจริง และยอมทุ่มเททำนอกเวลา ... ดิฉันจำได้ว่าในวันแรกท่าน อ.หมอประเวศบอกว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ต้องให้การสนับสนุน...

...

และในฐานะที่คุณเอกเป็นหนึ่งในคนทำงาน และเป็นนักวิจัย...มีประเด็นหรือเทคนิคอะไรบ้างไหมคะ...ที่พอจะเป็นการช่วยเหลือคนทำงานประจำให้สามารถจัดการ จัดสรร...กับการเขียนงานนี้ได้...ขอ ลปรร. ด้วยนะคะ

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

พี่เม่ยคะ...

กะปุ๋มอยากได้แนวร่วมมากๆ คะบนเวทีเสมือนแห่งนี้คะ...เมื่อวาน (2 ก.ย.49) ท่าน อ.หมอปารีก็ทั้งช่วยทั้งผลัก(สองสาวตัวเล็ก..ยิ้มๆ)เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนต่อยอดกันต่อใน GotoKnow สำหรับวง R2R.(CoP R2R)..เพื่อให้เกิดการรวมตัวที่เข้มแข็ง...สำหรับนักพัฒนางานประจำที่นำกระบวนการวิจัยมาใช้...

และที่สำคัญเราไม่อยากให้เอาตัววิจัยมาเป็นตัวตั้ง...หากแต่อยากให้เอาแนวทางหรือความต้องการอยากแก้ไขปัญหา...อยากพัฒนางานมาเป็นเป้าหมายหลัก จากนั้น "วิจัย" จึงเป็นเครื่องมือที่เรานำมาใช้ในกิจนั้นมากกว่า...

ตอนนี้เราใช้ planet cop r2r เป็นที่รวมตัวกันไปกัน โดยทำ Link ของ web site ศิริราชไว้ด้วย ให้เป็นเครื่องมือที่หลากหลายและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ CoP มาที่สุด และหากว่าใครที่กำลังดำเนินเรื่องนี้อยู่ มีBlog ของท่านอยู่แล้ว กะปุ๋มอยากให้เพิ่มป้าย R2R เข้าไปด้วยคะ..เพื่อสะดวกกับการตามหา...

และขอความช่วยเหลือพี่เม่ย(ลูกอ้อน) และทางพยาธิช่วยเป็นแมวมองร่วมด้วยนะคะ..หากกะปุ๋มตกหล่นและไม่ได้ add ท่านนั้นเข้า planet ด้วย...

ขอบคุณคะ

*^__^*

กะปุ๋ม

ดีใจๆๆ...คะพี่เม่ย...

ขอบพระคุณอย่างยิ่งนะคะ...

*^__^*

จริงๆ..กะปุ๋มว่ามีคนทำมากมายเลยนะคะ..หากเพียงแต่เราไปเกร็งว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นใช่ R2R ไหม...ตอนนี้ ท่าน อ.หมอวิจารณ์ท่านเน้นย้ำว่าอย่าไปยึดติดที่คำมาก...ให้ดูที่กระบวนการว่าเรามุ่งพัฒนางานประจำเพื่อพุ่งผลลัพธ์สุดท้ายไปที่ผู้รับบริการ...ด้วยเครื่องมือทางวิจัย หรือกระบวนการวิจัยมาใช้ในการพัฒนางานหรือไม่...

ขอบคุณนะคะ

กะปุ๋ม

   คุณกะปุ๋ม  เล่าเรื่องราวการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ R2R  ได้ละเอียดมากเลยค่ะ   แบบนี้ก็เบาแรงฝ่ายเลขาฯที่ศิริราชรวมทั้งหมอด้วยที่ขันอาสาไปช่วยอ.อัครินทร์  ถอดขุมความรู้ที่ได้  ออกมาเป็นบทเรียนสำหรับคนอื่นๆที่สนใจจะได้อ่านต่อไป    หมอเลยมีแนวที่จะไปแกะ note  ของคุณลิขิตได้ง่ายขึ้นมาก    ขอบคุณนะคะ  คุณกะปุ๋มคนขยัน

   พ.ญ.ลัดดา

อ.หมอลัดดาคะ...

ในส่วนที่กะปุ๋มสะกัดออกมาได้นี้ คือ ส่วนที่เป็นเรื่องเล่าในกลุ่มที่กะปุ๋มได้ร่วมด้วย สำหรับกลุ่มอื่นอาจต้องตามเก็บรายละเอียดนะคะ...และอย่างของ อ.หมอปารมีด้วยคะ...กะปุ๋มเชื่อว่าแต่ละท่านเราจะได้หรือ get อะไรที่ไม่เหมือนกัน...หากแต่พอมาเชื่อมโยงกันเราก็จะได้...ตัวความรู้มาเติมเต็มต่อยอดกันได้เยอะคะ...

ขอบคุณคะ

*^__^*
กะปุ๋ม

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท