มาอีกครั้งตามคำขอ (หรือขู่เนี่ย..) กับเรียงความอีกสำนวนค่ะ ที่ส่งเข้าประกวด กับทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในวันคนพิการ ปี 2549 และได้รับรางวัลชมเชย อันดับ 1 ค่ะ
“ คนเราเลือกเกิดไม่ได้” เป็นสัจธรรมของชีวิต
ที่ทุกคนต้องยอมรับเมื่อต้องเกิดมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งความจริงใบนี้
บางคนก็เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีชีวิตที่สุขสบายเรียกได้ว่า
“ คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด”
ซึ่งตรงข้ามกันนั้นก็มีคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน
มีชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน
เหมือนตกนรกทั้งเป็นในขณะที่บางคนก็เกิดมามีร่างกายไม่สมประกอบ
ทำให้มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต
แต่ทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเกื้อกูลกัน
ตั้งแต่จำความได้
เราก็รู้ว่าโลกของเราใบเล็กนิดเดียวคนรอบข้างอาจมองว่าโลกทัศน์ของเราแคบกว่าคนปรกติ
สิ่งต่างๆ ที่เรามองเห็นเป็นเพียงภาพเลือนรางบ้าง
พร่ามัวบ้าง คนใส่ชุดสีขาวท่าทางใจดีเรียกเราว่า
“คนสายตาเลือนราง” และเรียกเพื่อนของเราว่า
“คนตาบอด” พวกเขาบอกกับเราว่า
โลกของพวกเขามีเพียงความมืดมิดไม่มีดวงอาทิตย์ในตอนกลางวันและไม่มีดวงจันทร์ในตอนกลางคืน
แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเรานัก
นั่นคือเราใช้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่ในการเรียนรู้และทำกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน
หลายคนมองว่าเราเป็นคนพูดเก่งมากชนิดน้ำไหลไฟดับก็ว่าได้
การได้ยินก็เป็นเลิศเหมือนโซน่าของปลาวาฬใต้มหาสมุทร
ความจำเป็นเยี่ยมเหมือนกับเมมโมรี่การ์ด
แต่ใครจะรู้บ้างว่านั่นเพราะธรรมชาติได้สร้างสิ่งต่างๆ
เหล่านี้ขึ้นมาทดแทนสิ่งที่เราสูญเสียไปนั่นเอง
เราเกิดมาท่ามกลางความอบอุ่นในบ้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจริงใจที่เรียกว่า
“ยิ้มสยาม” เพื่อนบ้านมักจะเรียกบ้านของเราว่า
“ไทยแลนด์”
มีพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัวปกครองลูกซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวกว่าหกสิบล้านคน
ด้วยหลักทศพิธราชธรรมมานานถึงหกสิบปี
ตลอดระยะเวลาที่พ่อทรงครองสิริราชสมบัติ
พ่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะ
โดยมิเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เพื่อความกินดีอยู่ดีของลูก
ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่พ่อไม่เคยเสด็จพระราชดำเนิน
แม้ว่าในพื้นที่แห่งนั้นจะเป็นถิ่นทุรกันดารมากเพียงใดก็ตาม
เห็นได้จากโครงการในพระราชดำริต่างๆ
ที่เกิดขึ้นมากมายด้วยพระอัจฉริยภาพของพ่อ อาทิเช่น
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ
โครงการปลูกป่าทดแทนเพื่อสร้างแหล่งอาหาร
เพราะเมื่อมีป่าก็มีต้นน้ำ เป็นบ่อเกิดของแหล่งอาหาร
โครงการฝนหลวงที่พ่อทรงมีพระราชดำริเพื่อขจัดปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ต่างๆ
ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ทำให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพ
เป็นต้น
ในด้านการศึกษาโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์หลายแห่งเกิดขึ้นทั่วประเทศ
ด้วยทรงมุ่งหวังของพ่อ
ที่อยากให้ลูกได้รับการศึกษาแม้ลูกจะมีความพิการก็ตาม
เห็นได้จากศูนย์การศึกษาพิเศษสำหรับผู้พิการในด้านต่างๆ
เช่น ศูนย์การศึกษาคนตาบอดในเขตการศึกษาต่างๆ
เป็นต้น
พ่อให้ความสำคัญกับลูกผู้มีความบกพร่องทางร่างกายเช่นเดียวกับคนปกติ
ดังพระราชดำรัสที่ว่า
“การช่วยเหลืองานด้านผู้พิการมีความสำคัญยิ่ง
ผู้พิการไม่ได้อยากเป็นผู้อยากพิการและอยากช่วยเหลือตนเอง
พ่อหวังให้เราช่วยเหลือตนเองได้ ประกอบอาชีพต่างๆ
เพื่อตนเองและครอบครัวได้ โดยไม่เป็นภาระแก่สังคม”
เพราะพ่อเชื่อว่าคนพิการก็มีศักยภาพเทียบเท่ากับคนปรกติ
สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญได้เช่นกัน
แม้ว่าเราจะไม่มีโอกาสได้ชื่นชมพระจริยวัตรอันงดงามของพ่อ
เพราะข้อจำกัดในการมองเห็น แต่เราก็ภูมิใจ
ที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย
มีพ่อทรงห่วงใยเหล่าพสกนิกรเสมือนลูก
พระองค์ทรงบันดาลให้เกิดความร่มเย็นในผืนแผ่นดิน
เมื่อทุกข์ภัยเกิดแก่เหล่าพสกนิกร พ่อทรงเป็นดั่งฝนดับไฟ
สมดังพระราชปรารภที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ใต้ร่มพระบารมีของพ่อ
เรายังคงก้าวเดินต่อไปด้วยพลังกายและพลังใจที่เปี่ยมด้วยความหวัง
และแม้ว่าในบางครั้งจะมีปัญหาและอุปสรรคมาทำให้เรารู้สึกท้อแท้ใจบ้าง
แต่เราจะไม่มีคำว่าถอย
“เพราะเรามีพ่อ”
ใต้ ร่มธงไตรรงค์ โบกพลิ้ว ปลิวไสว
ร่ม เกล้าหลอมรวมไทย
ทั่วหล้า
พระ ภูมินทร์ทรงตรากตรำ เพื่อพสก- นิกรนา
บารมีปกไพร่ฟ้า
แซ่ซ้องสรรเสริญ
ชีวิตนี้
เราเกิดมา เพียงหนึ่ง
ยัง
มิสิ้นลมอยู่จึง
ต้องสู้
มี
นานาอุปสรรค
ทดสอบ ใจเฮย
หวัง เพื่อให้ล่วงลุ
จักต้องประสงค์ผล
โดย
นางสาวเสาวนีย์
สีสอง นิสิตชั้นปีที่ 1 รหัส 49010111700
สาขาวิชา ประวัติศาสตร์ (HI)
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ยังไงพี่ฝาก ลปรร ใน BAR สไตล์ DSS ด้วยนะคะคุณพนัส
ราตรีสวัสดิ์จริงๆค่ะ ไม่งั้นคุณนายจะสายเสมอค่ะ ^__*
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ในครางประชุมสภาคนพิการทุกประเภท จว.พัทลุง นัดหน้านะครับ ขอแล้วขอทุกเรียงความเลยนะครับ
โอ้..เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะคุณชายขอบ น้องๆยิ่งจะปลื้มมากค่ะ
จริงๆในสำนวนเรียงความแรก ของน้องบัณฑิตย์ สิทธิคุณ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ นั้นได้รับเกียรติตีพิมพ์ลงในหนังสือที่ระลึก เนื่องในวันคนพิการ ปี 2549 นี้ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าได้เห็นผ่านตากันหรือป่าวนะคะ ปกสีทองๆอ่ะค่ะ
อรุณสวัสดิ์ค่คุณหนิง
โชคดีปีใหม่ค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ งานของพี่น่าสนใจมากเลยค่ะหากมีโอกาศคงได้รบกวนขอคำแนะนำในเรื่องผู้พิการค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่หนิง..อ่านเรียงความแล้วรู้สึกอึ้งและทึ่งมากเลย..เด็กทุกคนศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวและสามารถเรียนรู้ได้จริงๆเน้อ
สวัสดีค่ะคุณหนิง
สวัสดีค่ะ
ดีจังเลยมีหน่วยงานที่ดูแลนิสิตพิการดีใจแทนนิสิตนะ ที่ PSU. ไม่มี แต่ช่วย ๆกัน เช่นให้พักในหอักก่อนผู้อื่น ให้ทุน ฯลฯ
เว๊บ กะโหลก