๐ เป็นคนยากหลบลี้ ....... โลกธรรม
สุขทุกข์มีประจำ ............. จิตเจ้า
มีสตินี่สิสำ- .................. คัญยิ่ง
ไยจึ่งหมองหม่นเศร้า ...... สุขร้างห่างเหิน
๐ พี่น้องยามไร้คู่ ........ เคียงขนาน
ยังผูกพันชื่นหวาน ....... วิลาสล้น
ยามใดแยกวงศ์วาน ..... วิภัชพวก
ยามนั่นแหละยากพ้น ... พรากสิ้นสัมพันธ์
๐ จะดังจะเด่นได้ ..... เพราะดี
เสริมสง่าราศี .......... ประเสริฐล้ำ
การกาจเก่งคัมภี- ...... รภาพยิ่ง
กตเวทิคุณค้ำ .......... คู่ล้วนควรเกษม
๐ วัยรุ่นมักเลืิอดร้อน ....... รุนแรง
หัวต่อหัวเลี้ยวแปลง ........ ปีกกล้า
อวดโอ่อวดสำแดง ......... เดชฤทธิ์
ชอบตื่นเต้นเป็นบ้า ......... บ่รู้ธุระตัว
๐ ดิ้นรนทนไขว่คว้า ....... ความหวัง
แผนที่ชีวายัง .............. ยากรู้
ฟ้าฝันมั่นจีรัง ............... ฤาพบ
รู้เท่าเอาดีสู้ ................ สู่ฟ้าฝั่งฝัน
๐ มิตรภาพจะเลิกร้าง ............. เลือนหาย
เห็นอยู่ไม่ทักทาย ................ ทิฐิรั้น
เดินผ่านกลับดูดาย ................ ดั่งบ่ เห็นเฮย
นี่แหละเหตุสะบั้น ................. บอกร้ายแสลงใจ
๐ ยามเย็นอาทิตย์ล้า ......... เลือนแสง
เฉกชีพเคยแสดง ............. สุขเศร้า
ทุกสิ่งจรัสแจรง ................ ฤาจิรัฐติ์
แปรเปลี่ยนเวียนเร่งเร้า ....... หลบพ้นฤาไฉน
๐ มีมืดมีสว่างแก้ ...... กลับกัน
มีทุกข์มีสุขผัน ......... ผ่านพ้น
มีเกิด,แก่,ดับ,พัน- ... ผูกอยู่
มีชั่วมีดีล้น .............. เหล่านี้มีเสมอ
๐ มีเผลอมีพลาดพลั้ง ...... ผิดไป
มีโศกมีสดใส ................ สลับบ้าง
มีมั่นและหวั่นไหว ........... เวียนสู่
มีรักมีเลิกร้าง ................ เหล่านี้มีประจำ
๐ มีขำมีโกรธขึ้ง .............. เคืองเขา
มีมืดมีมัวเมา .................. ไม่รู้
มีแบกไม่มีเบา ................ บางขณะ
มีหวั่นเวียนวกสู้ ............. สิ่งนี้มีเห็น
๐ มีเย็นมีอบอ้าว ............. หนาวกระหาย
มีเงียบมีบรรยาย ............. หยอกเย้า
มียุ่งยากมากมาย ............ มากระทบ
มีเช่นนี้ค่ำเช้า ................. ชั่วฟ้าดินสูญ
ร้อนอากาศว่าร้อนพอผ่อนผัน
ร้อน โลภ,โกรธ,หลง, พัวพันสิหวั่นไหว
ร้อนแสงแดดแผดเผามิเท่าไร
ร้อนเพราะใจปรุงแต่งยิ่งแรงร้อน
เพียงแสงแดดแผดเผาไม่เท่าไหร่
ขอเพียงใจสงบพบสุขสันต์
หลากเรื่องราวหนาวร้อนย้อนพัวพั
ธรรมะนั่นคือโอสถมารดริน
ปฏิบัติขัดเกลาบนเขาใหญ่
คำอาจารย์นั่นไซร้ได้สั่งสอน
จำได้เพียงบางบท บางตอน
ยังสะท้อนในใจไม่ลืมเลย
ท่านว่า "ดูช้างให้ดูหน้าหนาว
ดูผู้สาวให้ดูหน้าร้อน" ตอนเฉลย
ก็ไม่แจ้ง ชัดใจในพังเพย
เห็นท่านเอ่ยให้ฟังยังคลาแคลง
ขอผู้รู้อธิบายขยายบ้าง
พอเป็นทางคิดเป็นให้เห็นแสง
มีนัยยะดีดีเชิญชี้แจง
จะชัดแจ้งในคำที่จำมา
เคยไหม.. ถ้าอยู่ใกล้ใคร และได้พูดคุยกับใครแล้ว (หมายถึงผู้ใหญ่ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์)ในขณะที่อยู่ใกล้ ในขณะที่พูดด้วยนั้น ในความรู้สึกเกิดอบอุ่น เย็นใจ แสดงว่าคนที่เราอยู่ใกล้ และพูดด้วยนั้น มีเมตตา กรุณา เป็นเรือนใจ แต่คนเช่นว่านี้หายากยิ่งนัก แต่ก็มีอยู่ เพราะเกิดความรู้สึกอบอุ่น เย็นใจ เช่นนั้นมาแล้ว
คำควบไม่แท้
๐ จริงเศร้าไซร้สระสร้าง ........ ทรงศรี
ทรวงทราบทรุดโทรมทรีย์ .... เทริดแสร้ง
สร้อยสรงพุทรามี ................. สรวงเศรษฐ์
ทรามแทรกเสริมศรัทธ์แกล้ง ..กล่าวแล้วเหลือหลาย
๐ ทรายไทรศราทธ์ทรัพย์สิ้น ..... เสร็จแสง
สรวมทรวดสรวยสรวลแรง .......... เร่งรู้
อาศรมประเสริฐแปลง ................ ประสบ
กำสรดอดศรัยสู้ ........................ สร่างสิ้นเทราสรอง
ทรีย์, ทรี มาจากคำว่า อินทรีย์ มัทรี,
สรวย มาจากคำว่า แม่สรวย เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ,
ศรัย ตัดมาจากคำว่า ปราศรัย, เทรา มาจากคำว่า ฉะเชิงเทรา,
สรอง มาจากคำว่า เมืองสรอง ในลิลิตพระลอ
๑๒.๔๓ น. : ๒๘ พ.ค. ๕๗
๐ ไปเถิดไปสู่ฟ้า .............. ฝั่งฝัน
หาสิ่งประดับขวัญ ............. ค่าแท้
อย่าลืมทิพย์สัจธรรม์ ........ ถวิลเถิด
จักประเสริฐเลิศแล้ ........... โลกรู้ฤาสลาย
๒๐ ๒๑ น. : ๒๙ พ.ค. ๒๕๕๗
๐ รินรดหยดน้ำจิต ....... เจือจาน
ถ่ายทอดวิทยาการ ...... ก่อเกื้อ
สอนสั่งศิษย์คือภาร ....... พิรีย์ยิ่ง
มิใช่ชาติใช่เชื้อ ............. แต่ชี้ทางไสว
จงก้าวเดินช้าช้าแต่กล้าหาญ
จงก้าวผ่านความหวั่นไหวด้วยใจสู้
ใช้สติไตร่ตรองและมองดู
ค่อยค่อยเรียนค่อยค่อยรู้สู่เส้นชัย
จงอดทนต่อขวากหนามเพื่อความฝัน
ด้วยอุตส่าห์มานะมั่นสู่วันใหม่
คนท้อย่อมไม่แท้ต้องแพ้ไป
คนแท้ไซร้ย่อมไม่ท้อต่อภัยพาล
ด้วยฉันทะมีใจรักผลักให้สู้
เร่งเรียนรู้วิริยาและกล้าหาญ
ด้วยจิตตะใจแน่วแน่ไม่แพ้มาร
วิมังสาปัญญาชาญผ่านทุกข์ทน
เอาความเพียรเป็นที่ตั้งพลังกล้า
เอาศรัทธาเป็นรากฐานตระการผล
เอาสติปัญญาอยู่เป็นผู้คน
ฟ้าจะดลความสำเร็จเพชรเม็ดงาม
เธอจงเป็นคนดีอย่างนี้ล่ะ
มีธรรมะส่องไสวนำใจอยู่
ทุกข์เเละสุขผ่านมาพาตรองดู
เเค่ชั่วครู่ไม่นานก็ผ่านไป
บทเส้นทางที่ฟันฝ่าอย่าประมาท
เพราะอาจพลาดพลั้งลงเเล้วสงสัย
ดูทุกสิ่งปล่อยวางอย่างเข้าใจ
อย่าหวั่นไหวให้มั่นคงจงใฝ่ดี
ค่อยค่อยเรียนค่อยค่อยรู้เป็นครูสอน
เอื้ออาทรเป็นอาจิณทุกถิ่นที่
เมตตาธรรมหนุนให้มอบไมตรี
เอื้ออารีต่อคนยากอีกมากมาย
หน้าที่เธอคืออยู่เพื่อผู้อื่น
เพื่อหยิบยื่นความรักล้วนหลากหลาย
เพื่อสังคมอบอุ่นลดวุ่นวาย
เพื่อจะคลายปัญหาสารพัน
เพียงสองมือน้อยค่อยค่อยช่วย
จงร่ำรวยน้ำใจให้สร้างสรรค์
มีรอยยิ้มจริงใจยิ้มให้กัน
รู้เเบ่งปันโอบเอื้อเพื่อมวลชน
ใครจะว่าเอาหน้าบ้างก็ช่างเขา
ถ้าตัวเราไม่ใช่อย่าไปสน
มีสติปัญญานำพาตน
อย่าหวังผลคิดชอบตอบเเทนใด
มวลบุปผามาลีผลิช่อเเย้ม
เติมสุขเเต้มลบรอยโศกโลกสดใส
เธอจงงามความดีที่ข้างใน
สร้างสรรค์ให้สังคมงามด้วยความรัก
๐ ลาภยศปรากฏแล้ว ........ เลือนหาย
มีสุขมีทุกข์คลาย ............. เคลื่อนคล้อย
นินทาก็กลับกลาย ........... กล่าวชื่น ชมนา
เห็นอยู่อย่าเศร้าสร้อย ...... ซาบซึ้งถึงเหลิง
๐ เป็นเถิดเป็นเพื่อนแท้ ........ ทุกข์ทน
อย่าคิดเสพเพียงผล ............. เพริศแพร้ว
สุขทุกข์ร่วมผจญ .................. จากห่อน เห็นแฮ
ทำดั่งนี้เกลอแก้ว ................... กล่าวแล้วประเสริฐหลาย
๐ สรรพวิทย์ในโลกล้วน ......... หลากหลาย
แต่เกิดจนตายหมาย ............... ไม่แจ้ง
รู้ซึ้งหนึ่งภายคลาย .................. ความมืด มนนา
แม้มากเพียรเรียนแล้ง ............. เลิศรู้ดูเหลว