อนุทินล่าสุด


mee_pole
เขียนเมื่อ

บันทึกการเดินทางปีใหม่ 3: กำไรชีวิต

(ต่อ) จากนั้นบ่าย 3 โมงเศษ เดินทางไปวัดนพรัตนธารา อยู่ในป่าจริงๆ มีป่าเป็นกำแพง  เส้นทางไปช่วงใกล้วัดธรรมชาติมาก มีธารน้ำ ทะเลหมอก ถัดไปก็มีถ้ำ และน้ำตกกรุงชิง เห็นบรรยากาศแล้วเป็นโลกที่เงียบสงบร่มเย็นดี ก็แวะเดินรอบๆ ดูทำเลไว้ว่าวันหนึ่งในอนาคตจะมาสร้างกุฏิกรรมฐานที่ตรงใหน ก็เลือกไว้ว่าคงจะเป็นดงหมากด้านหลังไกลพ้นโน้น  เสร็จขึ้นไปรอกราบเจ้าอาวาส ถวายของที่เตรียมมา สนทนา กลับ 2 ทุ่มเศษ ถึงบ้านเกือบ 5 ทุ่ม

เช้าวันนี้  3 มกราคม ตื่นตี 5 เศษ ไปช่วยเพื่อน pack อาหาร ผลไม้ ถวายพระเช้านี้ แวะ ไป TOP ซื้อ cooky ถวายพระ 6 กล่อง กาแฟ อาหารอีกจำนวนหนึ่งถวายเณร เสร็จ 08.00

ทุกปีจะโชคดีที่ได้มีโอกาสทำบุญ สร้างกุศลอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง ขอให้ปีนี้มีโอกาสเช่นนั้นต่อไป และทุกครั้งพรหนึ่งที่ขอเสมอคือ ขอให้ได้พบแต่คนดี เพราะสำหรับ meepole แล้วนี่คือกำไรชีวิต



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

บันทึกการเดินทางปีใหม่ 2

(ต่อ)  ก่อนกลับแวะดูโบสถ์ที่ร่วมสร้าง (วัดนี้ท่านเจ้าอาวาสจะไม่มีการประกาศเรี่ยไรเงิน และอยู่ในชนบทเล็ก  โบสถ์เก่าที่พระเณรในสมัยก่อนช่วยกันเผาอิฐ ก่ออิฐแต่ยังไม่ฉาบปูน สร้างมาเกือบ 40 ปี ก็ยังคงมีเพียงเสาไม่มีหลังคา ใช้สังกะสีทำหลังคาเหนือพระประธานให้พอทำพิธีต่างๆ ตอนนี้พระอาจารย์ร่วมกับลูกศิษย์ และโยมอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จึงได้ปัจจัยเริ่มต้นดำเนินงานมาจนแล้วเสร็จ วันนี้เลยได้แวะดูโบสถ์ที่เสร็จแล้ว เหลือแต่บริเวณรอบนอกที่จะปูตัวหนอนก็ไม่มากนัก ปีนี้คงได้ฉลองโบสถ์ใหม่เสียทีรอมาหลายเจ้าอาวาสแล้ว)  (มีต่อ)

เพื่อนๆเดินทางกลับก่อน ส่วน meepole ต้องไปต่อที่วัดมะนาวหวาน ถวายกาแฟและหนังสืออีก ท่านเจ้าอาวาสขอเก็บหนังสือไว้จำนวนหนึ่งไว้ให้คณะรองผู้ว่าฯที่จะมากราบท่านเพราะท่านเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตและสุขภาพ เสียดายที่เหลือน้อยเลยถวายหมดเท่าที่ติดรถไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

บันทึกการเดินทางปีใหม่1

วันที่ 2 มกราคม เช้านี้ได้ตักบาตรมากกว่าทุกวันเพราะได้ถวายพระ 7 รูป  และเช่นเดียวกับทุกปีที่จะเดินทางไปร่วมทำบุญที่วัดพระอาสน์ ปีนี้เตรียม cracker กระป๋องเหล็ก 10 ชุด   หนังสือ “บ้านปลอดพิษ  ชีวิตปลอดภัย”  40 เล่ม  กาแฟเขาทะลุ 12  ห่อ  ผลไม้นาๆพันธุ์  1 ตะกร้า ออกเดินทางตั้งแต่ 8.00 น ถึงวัดตามกำหนดเวลา เกือบ 10.00 น.แล้ว พระท่านทยอยกันมา เราจัดแจกันดอกไม้ เพื่อนๆเตรียมหั่นผลไม้จัดใส่จานถวายเพล  พระท่านสวด ให้พร  ฉันเพลเสร็จก็ทยอยกลับ ท่านเจ้าอาวาสแวะมาบอกขอบใจมากที่ให้คำแนะนำเรื่องนิ่วที่ทำให้ปัสสาวะเป็นเลือด ตอนนี้ท่านหายแล้ว แต่ยังฉันยาต่อ  ได้ของฝากเป็นกล้วยหอมทองจากสวน และมังคุดอย่างละลัง ฝากเพื่อนเอากลับบ้านไปก่อนเพราะเราต้องเดินทางต่อ..(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

วิญญูชน คือผู้ประกอบด้วยหลักนักปราชญ์คือ สุ จิ ปุ ลิ ประกอบด้วยปัญญาพินิจ มีหลัก คือเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธี ถูกระบบ พิจารณาไตร่ตรองรอบคอบ แล้วสามารถแยกแยะ  ผิด-ถูก  ชั่ว-ดี  ควร-ไม่ควร  เหมาะ-ไม่เหมาะ เป็นต้น ได้อย่างถูกต้องแจ่มแจ้ง

อ้างอิง: 

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย 6 :

(ต่อ)ดิฉันภูมิใจที่ได้มีโอกาสมาทำงานในหน้าที่นี้ และได้ทำอย่างครบถ้วนตามหน้าที่ความรับผิดชอบ แม้ความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้แสดงออกไปจะไม่ได้ปรากฏเป็นรูปธรรมทั้งหมด แม้คำตักเตือนทั้งหลายจะไม่ทำให้เกิดหิริและโอตตัปปะแก่ผู้เกี่ยวข้องในกรณีนั้นๆ แต่วิบากของกรรมทั้งหลายที่ทำย่อมมีอย่างแน่นอนตามเหตุปัจจัย และพึงหวังได้ว่าจะได้เห็นผลในชาตินี้แน่นอน

"ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัว เปนที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เปนกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพย์ไว้ให้บริสุทธิ    พระราโชวาทแห่งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย 5: ประเมิน

(ต่อ) ดังนั้นเมื่อประเมินแล้ว การบริหารของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังมิได้มีความเป็นมหาวิทยาลัยที่ประกอบขึ้นด้วยวิญญูชน ความห่วงใยที่มีอยู่ก็คือ แต่เดิมสถาบันแห่งนี้อยู่ในกฎระเบียบของการบริหารราชการแผ่นดินแบบกระทรวงซึ่งมีความเอื้อ-อาทรกันตามสายการทำงาน แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้นำวิธีการทำงานที่มีฐานของการให้เกียรติเชื่อมั่นร่วมมือกันในระหว่างคณาจารย์มาใช้ กลับนำแนวคิดแบบ “เถ้าแก่ร้านค้า” มาใช้ ทำให้บางคนในสถาบันนี้จึงไม่รู้จักตนเอง ไม่เคารพเกียรติศักดิ์ศรีของตนเองและผู้อื่น ไม่เชื่อมั่นตนเอง ไม่รู้หน้าที่ในอาชีพ “ครู” ของตนเอง (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

   กรรมการสภามหาวิทยาลัย 4: สู่จิต สู่ปัญญา สู่การปฏิบัติ

 ๒. ส่วนของการกำกับตรวจสอบ ได้ติดตามศึกษา และนำเสนอความเห็น ตลอดจนรักษาผลประโยชน์ของเงินแผ่นดิน เพื่อป้องกันมิให้มหาวิทยาลัย (ของรัฐ) ต้องได้รับความเสียหายเสียผลประโยชน์ หรือเสื่อมเสียมากมายหลายกรณี นายกสภาฯ กรรมการฯ ทั้งหลายในสภา รวมทั้งผู้บริหารต่างก็ได้ยินได้ฟัง แต่บางส่วนก็มิได้นำพาใส่ใจไปสู่จิต สู่ปัญญา สู่การปฏิบัติ

(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย 3: สู่จิต สู่ปัญญา สู่การปฏิบัติ

๑.      ส่วนของการชี้นำ ได้เสนอความคิดแนะนำมากครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพทางวิชาการ นายกสภาฯ กรรมการฯ ทั้งหลายในสภารวมทั้งผู้บริหารต่างก็ได้ยินได้ฟัง แต่หลายส่วนก็มิได้นำพา ใส่ใจ ไปสู่จิต สู่ปัญญา สู่การปฏิบัติ เท่าใดนัก

 (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

กรรมการสภามหาวิทยาลัย 2:เปลี่ยนป้ายชื่อ”

การเปลี่ยนจากวิทยาลัย.A ยกขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัย A จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารดำเนินงานให้เป็นแบบมหาวิทยาลัยได้รวดเร็วเหมือนกับที่ “เปลี่ยนป้ายชื่อ” เป็นมหาวิทยาลัย

ด้วยความเข้าใจใน “ความเป็นมหาวิทยาลัย” จึงรู้สึกยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากคณาจารย์ให้โอกาสทำหน้าที่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย (จากตัวแทนคณาจารย์) ขอยืนยันว่าได้ทุ่มเทความพยายามในการทำงานในหน้าที่นี้ให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งตนและสมกับที่คณาจารย์ให้ความไว้วางใจด้วยความตรงไปตรงมา ในกาลที่จะครบวาระของการดำรงตำแหน่ง เมื่อมาทบทวนว่า ในการทำหน้าที่นี้ได้ทำแล้วเพียงใด ก็อาจจำแนกได้ ๒ ส่วน คือ(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ครบวาระสมัยการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย 1

เมื่อวาน 30 ธค. 53 ทำเอกสารร่วมกับกรรมการสภาอื่น ส่วนของเราเขียนดังนี้

สารเนื่องในกาลครบวาระสมัยของการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย

ด้วยความเชื่อมั่นในความเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่สร้างคน เผยแพร่ความรู้ และเป็นแหล่งรวมวิญญูชน องค์กรมหาวิทยาลัยจึงเป็นองค์กรกลุ่มแรกที่ได้มีระบบการบริหารต่างจากองค์กรราชการอื่น คือ เป็นองค์กรที่บริหารด้วยตนเอง มีสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ชี้นำ กำกับตรวจสอบการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย โดยมีอธิการบดีและคณบดีเป็นผู้นำนโยบายของสภามหาวิทยาลัยไปปฏิบัติ จนเมื่อได้ขยับยกฐานะขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัย. A.การบริหารแบบเดิมที่เป็นหน่วยราชการที่มีสายการบังคับบัญชา มีอำนาจสั่งการควบคุมตามลำดับชั้นแบบขุนนางกระทรวง เลยจำต้องเปลี่ยนรูปแบบไปให้เหมือนแบบมหาวิทยาลัยเดิมทั้งหลาย ที่มีรากฐานการร่วมกันทำงานอย่างวิญญูชน (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

 

  เลือดและเนื้อของสัตว์เป็นพิษ (2): สารแอดรีนาลิน

(ต่อ)...สารแอดรีนาลินนี้สามารถพบได้ในร่างกายของคนเราด้วยเช่นกัน มันจะหลั่งออกมามากในขณะที่บุคคลผู้นั้นเกิดอารมณ์โกรธเกลียด เครียดแค้น หรือตกใจกลัวสุดขีด เพราะฉะนั้นคนที่อารมณ์รุนแรงและตึงเครียด โมโหร้าย เจ้าอารมณ์ มักมีสุขภาพร่างกายไม่ดี ใบหน้าหมองคล้ำ ป่วยเป็นโรคต่างๆเสมอ แก่เกินวัยและตายเร็ว ตรงกันข้ามกับคนที่มีจิตใจดี อารมณ์ดี จะมีใบหน้าสดใส ร่าเริง แก่ช้า อายุยืน และสุขภาพอนามัยดี สถาบันโภชนาการประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า " เนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย เต็มไปด้วยเลือดที่เป็นพิษและสารพิษอื่นๆมากมาย " พบว่าหลังจากที่สัตว์ตายไป 2 - 3 ชั่วโมงเนื้อสัตว์จะเป็นกรดมากขึ้นทุกขณะ.........

http://www.96rangjai.com/naturalfoods/veget6.html



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อานิสงค์ไม่กินสัตว์ใหญ่ com in แลกชีวิตด้วยศรัทธา http://gotoknow.org/blog/global/416779

ได้เอาเนื้อหานี้มาฝากคุณ poo คุณอุ้มบุญ  .............เลือดและเนื้อของสัตว์เป็นพิษ ก่อนที่สัตว์จะถูกฆ่าโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ๆ ซึ่งมีจิตสำนึกค่อนข้างสูงเช่น วัว ควาย หมู สัตว์เหล่านี้จะเกิดความกลัวสุดขีดและพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ในช่วงเวลานั้นชีวเคมีในตัวสัตว์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเกิดขึ้น ฮอร์โมนที่เป็นพิษจำนวนมากจะถูกขับออกมาโดยเฉพาะ สารแอดรีนาลิน พิษของฮอร์โมนนี้จะแพร่กระจายแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดและเนื้อทุกส่วน แม้ว่าสัตว์นั้นจะตายไปแล้ว แต่ว่าพิษนั้นยังคงอยู่ต่อไป ..(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

การประเมิน:ไม้บรรทัดคดขีดเส้นตรงไม่ได้ 4 Com in ทำไม..?by บุษยมาศ

(ต่อ) ดังนั้น จะได้อะไรที่ดี คนวัด คนประเมินต้องดีและมีคุณธรรม เพราะ "ไม้บรรทัดคดขีดเส้นตรงไม่ได้ "

 "ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเปนที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เปนกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพย์ไว้ให้บริสุทธิ”

 พระราโชวาทแห่งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก  



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

การประเมิน: มีแต่เปลือก (ไม่มีแก่น) 3

Com in ทำไม?..by บุษยมาศ

(ต่อ)..เคยมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่เกษียณแล้วเคยบอกฝากไว้ค่ะว่า "การรับคนผิดเข้าทำงาน การสนับสนุนคนที่ทำไม่ถูกต้อง ก็เป็นการคอรัปชันเช่นกัน" ให้คิดถึงข้อนี้ด้วย

และหลายครั้งที่สังคมเรายกย่องเปลือกที่เห็น มากกว่าตัวตนที่เป็น คนที่มีแต่เปลือก(ไม่มีแก่น) จึงได้รับการชื่นชม ซึ่งเป็นอันตรายยิ่งโดยเฉพาะหากเขาผู้นั้นเป็นผู้บริหารองค์กร



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

การประเมิน: ศักดิ์ศรีข้าราชการ 2  Com in ทำไม?..by บุษยมาศ 

 (ต่อ) เพราะ..หลายคนเป็นคนของใครบางคน และหลายคนก็ทำถูกใจ เรียกง่าย ไม่ใช้ยังคล่อง มองตารู้ใจ ดังนั้นแม้ไม่ถูกต้อง แต่ก็ถูกใจ ก็ผ่านง่ายๆ ราชการก็เลยมีการสะสมคนประเภทเอาตัวรอด ผลประโยชน์แผ่นดิน มาทีหลัง 

 ราชการบางแห่งจึงมีลักษณะ เช้าชาม... หรือ มือใครยาว... หรือ ที...ไม่ว่า ที...ก็ขอกอบโกยบ้าง ศักดิ์ศรีข้าราชการที่เคยปฎิญาณแล้วปฎิญาณอีก หายไปหมด แต่คนที่ดีก็ยังคงมีอยู่ เขาก็คงครองตนด้วยศักดิ์ศรีที่มีในสกุล (และไม่ทุกข์ เพราะไม่ต้องทำในสิ่งที่ขัดกับมโนธรรม) มีต่อ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

การประเมิน: คุณภาพ(+สำนึก) 1

Com in ทำไม?(บางที)คนเก่งจึงทำงาน(ราชการพลเรือน)ไม่เก่ง ?by บุษยมาศ

http://gotoknow.org/blog/bussayamas2554/416800

"..แต่ในการบริหารงานทรัพยากรบุคคล “การคัดเลือกที่ดีขึ้นอยู่กับการประเมินผลการปฏิบัติงานที่ดี” ถ้าประเมินผลการปฏิบัติงานไม่ดีก็เลือกพนักงานให้ได้ดีไม่ได้ เพราะ..

ขอแสดงข้อคิดเห็นตามที่ได้พบมา (อาจโชคไม่ดีก็ได้ ที่เห็นแล้วไม่ศรัทธาระบบประเมินนัก)

การคัดเลือกที่ดีจะขึ้นอยู่กับ คุณภาพ (+สำนึก) ของคณะกรรมการการประเมินผลด้วย เพราะหลายครั้งที่เคยเห็นคือ หลักการดี นโยบายสวยหรู แต่พอปฏิบัติจริง ก็เอาตัวรอด ไม่กล้าประเมินตก หรือปรับปรุง  เพราะ..(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

เลือกเกิด-ตายไม่ได้ แต่.....(2)

Com in หากขาดคนปิดทองหลังพระจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร by สุชาต

http://gotoknow.org/blog/ithink-iwrite/416298

(ต่อ)  มโนธรรมมันจะตามติดตัวเรา ทุกครั้งที่ระลึกก็มีแต่สุข ไม่ทุกข์ (สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ)

“แต่คนที่ทำงานเก่ง ชอบที่จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ชอบที่จะปิดทองหลังพระ คนเหล่านี้กำลังจะหมดไป”

อันนี้อย่าได้กังวลว่าคนปิดทองหลังพระกำลังจะหมดไป มันไม่หมดหรอกค่ะ คนดีมีทุกยุคสมัย ดีมาก ดีน้อยแตกต่างกันตามกิเลสที่มี ก็เพราะเขาปิดทองหลังพระ แล้วเรายืนดูอยู่หน้าพระจึงมองไม่เห็น ลองเดินไปช่วยเขาปิดทองที่หลังพระดู จะเห็นว่ามีคนทำงานกันเงียบๆอีกมากมาย อย่าคิดท้อใจ ทำไปเถอะอะไรที่ดีทำแล้วก็เป็นมงคลทั้งสิ้น อย่าคิดให้จิตหมองเศร้า ด้วยการคิดเรื่องเช่นนี้ เพราะกรุงสยามไม่มีวันสิ้นคนดี อย่างน้อยก็ตัวเราไงล่ะคะ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

เลือกเกิด-ตายไม่ได้ แต่...Com in หากขาดคนปิดทองหลังพระจริงๆ แล้วจะทำอย่างไร by สุชาต

 “สังคมวันนี้ มีพวก Wallpaper เสนอหน้าถ่ายรูปทุกงานอยู่มากมาย แต่คนที่ทำงานเก่ง ชอบที่จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ชอบที่จะปิดทองหลังพระ คนเหล่านี้กำลังจะหมดไป”

สิ่งที่คุณสุชาติเขียนมามันก็เป็นจริง มันมีทุกยุคสมัยมานานแล้วเพราะคนมีกิเลส ไม่รู้จักจุดที่พอ มันเป็นธรรมดาโลก ตามทฤษฎีความต้องการ (Need Theories) ของมาสโลว์ เหรียญมี 2 ด้าน เราก็เลือกดู เลือกที่จะเป็น เพราะเราเลือกเกิด-ตายไม่ได้แต่ระหว่างทางชีวิตเราเลือกจะเป็นคนดี ทำดีได้ เพื่อให้คุ้มกับโอกาสที่ได้เกิดเป็นคน ทำไปเรื่อยๆ การทำความดี ใครคนอื่นไม่เห็นไม่เป็นไร แต่ตัวรู้ในใจเรารู้ เราสุขใจ ขณะที่คิดจะทำ ขณะทำและ เมื่อทำเสร็จแล้ว (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ถึงคุณ panchatan

จะบอกคุณ panchatan ค่ะว่าถ้าไอตอนนอนแบบนี้ให้เด็ดใบฟ้าทะลายโจรใบกลางๆไม่อ่อนแก่เกินอมไว้เฉยๆ ไม่ต้องเคี้ยวค่ะ จะช่วยได้ดีมาก มีคนเพิ่งผ่าตัดมาไอจนปวดแผลมากก็ใช้วิธีนี้ หยุดไอได้ชะงัด หันมาขมแทนค่ะ :)

ปล.ตอบอนุทินไม่เป็นค่ะ (เด็กใหม่) เลยมาตอบในอนุทินของ meepole



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ช้อนกะส้อม มีคู่ ก็ มีเดี่ยว

ตอบใน   http://gotoknow.org/blog/global/415847 ของคนบ้านไกล (13)

.....วิธีที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมีได้มากมายหลายวิธีคิด แต่เลิกกันน่ะง่าย เพราะมีวิธีเดียวคือหันหลังต่างคนต่างไป กองปัญหาไว้ตรงนั้น และเชื่อไหมว่าตั้งแต่คุยมาไม่มีใครยอมตอบว่าจะเลิกกันเลย และเท่าที่เห็นและทราบข่าวบ้างตอนนี้ 100 % ยังอยู่เป็นช้อนกับส้อม แต่จะไม่ไปก้าวก่ายถามอีกเลย  เพราะเส้นทางชีวิตของคนมันก็มีสิ่งกีดขวางทั้งสิ้น บางคนก้าวข้ามได้เพราะความแข็งแรง บางคนเพราะมีปัญญา บางคนแค่บอกวิธีข้าม แต่บางตนต้องการคนผลักเขาเบาๆ  เมื่อเขาข้ามได้ ก็หมดหน้าที่ตรงจุดนั้น เพราะคงไม่มีใครอยากจะให้ใครไปก้าวก่ายชีวิตและตามติด และหากแผลตรงนั้นเลือนหายจางลงแล้วคงไม่อยากให้ใครมาย้ำถามสะกิดแผลเก่าอีกเช่นกัน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อยู่แบบไม่มีตัวตน- สุขที่สงบ จริงๆ (2)

Comment in เช้าชาม เย็นชาม by แม่พลอย

(ต่อ) อยากจะให้ลองอ่าน .http://www.oknation.net/blog/print.php?id=169420

 ["นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ" ชื่อก็บอกว่าสอนให้ทำดีโดยไม่ต้องให้คนรู้ก็ได้ หนังสือเล่มนี้ เล่าเรื่องของ "นายอินทร์" และผู้ร่วมงาน ที่ร่วมกันทำงานด้วยความกล้าหาญ เสียสละ ผู้ยอมอุทิศแม้ชีวิตเพื่อความถูกต้อง ความยุติธรรม เสรีภาพและสันติภาพ ของโลก พวกเขาทั้งหมดทำงานโดยไม่หวังให้ใครรับรู้ หรือหวังลาภยศคำสรรเสริญเยินยอใดๆ พวกเขาคือ"ผู้ปิดทองหลังพระ" อย่างแท้จริง ]

แล้วชีวิตจะมีความสุขที่สงบ คุ้มค่าที่ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วค่ะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อยู่แบบไม่มีตัวตน - สุขที่สงบ จริงๆ(1)

Com. in เช้าชามเย็นชาม by แม่พลอย

http://gotoknow.org/blog/mummyy2/416161

"..ก็ตั้งแต่เกิดมาเรามักถูกบ่มเพาะความเป็นตัวตนที่ต้อง “เหนือกว่า” คนอื่นไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งให้ได้ หรือไม่ก็จะต้องเรียกหา “ความเสมอภาค” อยู่เสมอๆ ในวิถีชีวิตที่ดิ้นรนในสังคม “เพื่อ” อะไรต่อมิอะไรต่างๆนานา ..แล้ว “ความเป็น” ที่ยังไม่ถูกแปดเปื้อนด้วย “การปรุงแต่ง” ล่ะ แท้จริงเป็นเช่นไร"

จริงๆแล้วการอยู่ในสังคมที่ยังคงมีความวุ่นวาย และความต้องการที่เกินพอดี (กิน กาม เกียรติ) อยู่ได้ไม่ยาก โดยให้ทำใจ (จริงๆ) และอยู่แบบไม่มีตัวตน เราสามารถทำประโยชน์ที่ถูกทำนองคลองธรรมให้ใครก็ได้ ส่วนใหนของสังคมก็ได้ ทำอะไรที่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมก็ได้ (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ข้อเขียนได้ลงในเดลินิวส์ online

วันนี้ดีใจที่ข้อเขียน ของ meepole ของขวัญดีๆบางทีก็(ต้อง)มีเหตุผล:ข้อคิดของขวัญปีใหม่  ได้ลงในเดลินิวส์ online

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=656&contentId=111656

 ทำให้ได้เผยแพร่ความตั้งใจที่จะให้เกิดความสุขแก่คนได้ทั่ว และสานต่อเติมกำลังใจให้กับผู้สู้ชีวิต หากมีคนอ่านแล้วไปช่วยอุดหนุนเขาเหล่านั้นแทนที่จะเข้าห้างหรูกันหมด



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อึ้งกิมกี่ (8.2): ม้าเจ๊กดูดาว

 (ต่อ) อยากจะตามแนวคิดของชาติอื่นมันไม่ไช่สิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ต้องนำมาประยุกต์ ปรับใช้ให้เหมาะกับคนไทย หรือถ้าต้องใช้ก็ต้องมาปรับพื้นฐานคน-ครูกันก่อน (ซึ่งส่วนมากก็จะทำโดยการเดินสายอบรม อบจนเกรียม) โดยลืมไปว่าการจะปรับเปลี่ยนบางอย่างก็ต้องปลูกฝังสำนึกลงไปในจิตวิญญาณด้วย ถ้าเป็นภาคแกมบังคับคนที่ไม่ตระหนักก็ต้องมีทางออก มือปืนรับจ้างก็เลยแฝงตัวทำนาบนหลังครู ดูอย่าง TQF-มคอ.สารพัด series ที่มีขึ้นท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยของหลายสถาบันตามที่เป็นข่าว แต่เพราะเป็นภาคแกมบังคับ ในที่สุดก็ต้องทำตามๆกัน และตอนนี้ก็เริ่ม copy paste กันเป็นตอนๆ เหมือนกรอกแบบฟอร์มเปลี่ยนอะไรที่ให้สอดคล้อง (บางทีก็ลืมปรับเปลี่ยนเพราะบางอย่างยังคงไม่ค่อยรู้เรื่อง) การศึกษาไทยมันก็เลยเลี้ยวผิดทาง เลี้ยวไป เลี้ยวมา แล้วแต่ใครจะมีเวทีขึ้นแสดงมากกว่ากันก็เชื่อตามนั้น เปลี่ยนยุคสมัยเมื่อไหร่ก็ต้องปรับตัวกัน(จนเกือบจะเป็นจิ้งจกกันแล้ว)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อึ้งกิมกี่ (8): ม้าเจ๊กดูดาว

(ต่อ).. คุณภาพ การศึกษาไทยมันเลยดูเหมือนว่าจะพัฒนาเพราะในวงการศึกษาจะมีพวกที่ชอบนั่งแหงนหน้าดูท้องฟ้า คิดบนหอคอย เดินทางดูงานต่างแดนเกือบทั่วโลก วาดวิมานทางอากาศ  จินตนาการข้ามศตวรรษ  คิดจะพัฒนาการศึกษาไทยแบบเป่าลูกโป่ง วาดฝัน มากมายแต่ลืมที่จะก้มมองพื้นฐานวัฒนธรรม วินัย จิตสำนึก ของคนไทย ใครวิ่งใครจะตามทันหรือไม่ก็ช่างแต่ก็ต้องมีคนแกล้งตามทัน ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนว่าไม่ฉลาด  ไม่กล้าเถียงค้าน แสดงความคิดเห็น(เหมือนคนไปดูภาพวาดของศิลปินดัง รู้เรื่องไม่รู้เรื่อง ก็ต้องชื่นชม เออออ ห่อหมก ไปด้วย กลัวว่าเดี๋ยวจะมีคนว่าไม่มีกึ่นหรือไม่มีรสนิยม)  ทั้งๆที่เราก็มีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ในใจ แสดงออกมาได้แลกเปลี่ยนกัน  เผลอๆอาจดีกว่าที่ศิลปินแสดงออกเสียอีก นักวิชาการหัวลูกโป่งเหล่านี้สามารถสร้างภาพให้คนที่โอกาสน้อยกว่าเชื่อคล้อยตาม (จริงๆตามก้นฝรั่งเพราะต้อง go inter.. ให้ได้จึงถือว่าพัฒนา) มีต่อ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท