อนุทินล่าสุด


mee_pole
เขียนเมื่อ

ต้องมีจิตสาธารณะ จริงใจ จึงแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้(1)

ไปตอบข้อแนะนำของรศ. เพชรากร หาญพานิชย์

อันที่จริงแล้วสถาบันการศึกษาไม่ว่าในระดับใดต้องมีนโยบายและแสดงบทบาทในการที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะสถาบันที่เปิดการสอนในสาขาสิ่งแวดล้อม ก็ยิ่งต้องมีส่วนมากขึ้นเพราะเราต้องปลูกฝังสำนึกความเอาใจใส่และรักสิ่งแวดล้อมในตัวนักศึกษา ตลอดจนต้องมีจิตสาธารณะ จริงใจที่จะช่วยกันเอาใจใส่สวล. ตัวเราเองและคณะทำงานได้เคยใช้ความพยายามในระดับที่ควรทำตามขั้นตอน ในการเสนอแนวคิดและโครงการบริหารและจัดการขยะในมหาวิทยาลัยและชุมชนรอบมหาวิทยาลัย เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับความสนใจหรือตอบรับหรือการสนับสนุนใดๆ ทั้งๆที่ได้เสนอปัญหาให้เห็นแล้ว (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

สังคมเรายกย่อง"เปลือก"

ดี-ชั่ว เหมือน ขาว-ดำ (4)

ไปแสดงความเห็นใน blog คนดีวันละคน โดย Prof. Vicharn

(ต่อ) และหลายครั้งที่สังคมเรายกย่องเปลือกที่เห็น มากกว่าตัวตนที่เป็น คนที่มีแต่เปลือกสวย (ไม่มีแก่น) จึงได้รับการชื่นชม ซึ่งเป็นอันตรายยิ่งโดยเฉพาะหากเขาผู้นั้นเป็นผู้บริหารองค์กร เพราะเขาจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเรื่อยไป คุณภาพการศึกษาจึงถูกพัฒนาไปทางวัตถุ ตึกสวย แอร์พร้อม แต่ไม่มี-ขาดแคลน อุปกรณ์การเรียนการสอน เพราะการชื่นชมและประเมินของท่านที่มีคุณภาพเหล่านั้น น่าเศร้าใจแทนมากที่ท่านเหล่านั้นมีโอกาสสร้าง แต่ไม่ใช้โอกาส



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ดี-ชั่ว เหมือน ขาว-ดำ (3)ผลประเมิน..กรรมเป็นของนักศึกษา

ไปแสดงความเห็นใน blog คนดีวันละคน โดย Prof. Vicharn

(ต่อ)  บทเรียนที่เป็นภาพสะท้อนที่สะท้อนใจมากคือ...เคยมีคำชื่นชมยกย่องในเรื่องการประเมินคุณภาพการเรียนการสอนของสถาบันแห่งหนึ่ง และมีการชื่นชมโดยดูจากรายงานที่ส่งประเมิน โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้ที่สังคมเชื่อมั่นว่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ ว่าสถาบันแห่งนั้นคุณภาพในระดับดี-ดีมาก ผลที่ได้รับก็คือปีที่ผ่านมาเขียนอย่างไร-ทำอย่างไร ผลจึงออกมาเช่นนี้ ปีต่อไปก็ทำแบบเดียวกัน คุณภาพที่แท้จริงกลับไม่ได้รับการพัฒนา (เพราะเชื่อเท่าที่เห็นเอกสาร ไม่ดูสิ่งที่เป็นจริง) กรรมเป็นของนักศึกษา บาปตกกับสังคม ที่ได้บัณฑิตครึ่งสุกดิบออกไปพัฒนาชาติ นี่คือจริยธรรมอีกหรือไม่?? (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ดี-ชั่ว เหมือน ขาว-ดำ (2)

ไปแสดงความเห็นใน blog คนดีวันละคน โดย Prof. Vicharn

(ต่อ)  แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการชื่นชมใคร (โดยเฉพาะหากคำชื่นชมนั้นออกมาจากคนที่มีชื่อเสียงได้รับการยกย่อง เชื่อถือในสังคม) คือต้องมั่นใจว่าสิ่งนั้นดีจริง ..เป็นเช่นนั้นจริง ..มิฉะนั้นแล้วมันจะเป็นดาบสองคม ดิฉันเป็นคนที่เชื่อในความดี-ชั่ว เหมือน สีขาว-ดำ และไม่คิดว่า "สีเทา" จะค่อนข้างดี หรือค่อนข้างไม่ดี เพราะดีคือดี ในตัวของมันแล้ว และในทางตรงข้าม(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ดี-ชั่ว เหมือน ขาว-ดำ

ไปแสดงความเห็นในblog  คนดีวันละคน ของ Prof Vicharn

ไม่เคยรู้จักคุณหมอธาดา แต่เคยรู้จักนามสกุลท่าน และก็รู้สึกดีใจทุกครั้งที่มีการยกย่องคนดี (ไม่ว่าจะดีมากหรือน้อยก็ตาม) มันทำให้ผู้ได้รับการยกย่องจะมีกำลังใจและประพฤติดียิ่งๆขึ้นไป หากเขาไม่ดีจริงเขาก็จะได้พยายามทำตัวให้ดีสมกับที่มีคนยกย่อง สรุปว่าดีทั้งขึ้นทั้งล่อง (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

คิดดี-ปฏิบัติถูก แสดงความเห็นในblogการศึกษาสำคัญไฉน

เราไม่ใช่มีเเต่หน้าที่สอนศิษย์เพียงอย่างเดียวเเต่เรายังมีหน้าที่สอนคนด้วย ขอเพิ่มว่า ต้องสอนตนเองด้วย ดีใจที่มีคนรุ่นใหม่ๆ ที่คิดดี และจะปฏิบัติดี ขอให้ยึดถือเส้นทางแห่งการคิดดี-ปฏิบัติถูกตลอดไป ชีวิตจะร่มเย็นและสงบสุข.. ถูกที่คนแสวงหาเงินเพราะเงินเป็นปัจจัยแลกเปลี่ยนของเลี้ยงชีวิตทางกายภาพ แต่ก็ซื้อหาความสุขที่สงบไม่ได้ (ความสุขที่เป็นกิเลส หาซื้อได้ทั่วไป ถ้าหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ) ดังนั้นมีและแสวงหาแค่เพียงพอ อย่าให้เงินซื้อชีวิต ซื้อเวลา จนหมด เหลือไว้มองหาสิ่งธรรมชาติดีๆรอบตัว เสาร์-อาทิตย์ให้โอกาสชีวิตตัวเองและครอบครัวบ้าง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

(ต่อ)ยกระดับความเป็น "คน-มนุษย์" ให้มีอยู่ในความเป็น "ครู"....ได้ link ไปยังบทความที่น่าอ่านและเชื่อว่าสามารถให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์มากในหัวข้อ จริยธรรม’ เป็นปัญหาหลักของสังคมปัจจุบัน โดย สุรพศ ทวีศักดิ์    http://www.songpak  16.com/prb_jariyatham.htmlโปรยไว้ดังนี้..

น่าแปลกที่สังคมไทยเป็นสังคมพุทธแต่มีมุมมองเรื่องจริยธรรมต่างจากหลักการของพุทธศาสนาค่อนข้างมาก .. ในหลักคำสอนของพุทธศาสนา "จริยธรรม" หมายถึง "ความประพฤติในแนวทางที่ถูกต้องดีงาม" ซึ่งแสดงออกทางกาย วาจา ใจ จะเห็นได้ว่าความประพฤติที่แสดงออกสองทางแรกนั้นเป็นรูปธรรมมีผลต่อตัวผู้ประพฤติ คนอื่น และสังคมที่สามารถวัดได้ ..



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ยกระดับความเป็น "คน-มนุษย์" ให้มีอยู่ในความเป็น "ครู"

ได้แสดงความเห็นในblog การเสวนาเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย "จริยธรรมสร้างได้" ของ ม.นเรศวร ...

ดีค่ะที่มีการเสวนาในหัวข้อที่สามารถขัดเกลาจิตใจ และยกระดับความเป็น "คน-มนุษย์" ให้มีอยู่ในความเป็น "ครู" ดังหัวข้อที่ว่า "จริยธรรมสร้างได้" แต่มันก็ถูกลบเลือนได้ เช่นเดียวกัน ดังนั้นจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ ความละอายต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คุณธรรมที่ควรต้องถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ระดับในครอบครัว สำคัญมาก ถ้ามันหนักแน่นพอ ไม่ถูกสั่นคลอนโดยอำนาจฝ่ายลบ (เงิน อำนาจ ) สังคมคงไม่ก็เรียกหา การสร้างจริยธรรม จริงๆแล้วมันควรจะมีติดตัวเหมือนกับความรู้สึกละอายถ้าไม่สวมเสื้อผ้า ก็ควรละอายถ้าทำในสิ่งที่ไม่ดี-ชั่ว (หลักศีลธรรม) และ..เราคงพูด-สอน-ถ่ายทอดคุณธรรม ไปยังนักศึกษาได้ค่อนข้างลำบาก หากตัวผู้พูด ผู้สอน ยังปฏิบัติไม่ได้ เหมือนกับการอ่านบทปฏิบัติการแล้วมาสอน ดังนั้นหากทุกฝ่ายช่วยกันทั้งปลูกและฝังให้ลึกๆไปยังรุ่นต่อรุ่นก็ถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐที่เพื่อนมนุษย์ควรทำต่อกัน..(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ได้แสดงความเห็นในblogหัวข้อ ป.เอกรุ่น 1 ม.พิบูลสงคาม ไว้.

.คงต้องขอยินดีกับท่านที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เพราะเป็นโอกาสที่ท่านจะได้ช่วยกันสร้างบุคลากรที่มีคุณวุฒิ ให้มีทั้งความรู้ที่ลึก ความคิดที่กว้าง และปลูกฝังคุณธรรม เพราะ meepole เชื่อว่าการศึกษาในระดับนี้เป็นดาบสองคม เพราะด้วยความเชื่อมั่นในคุณวุฒิเมื่อจบมา ก็จะเป็นใบรับประกันความเชื่อมั่นในสังคมไทย ที่ยอมรับ "ดอกเตอร์" ในระดับหนึ่ง ว่ามีความรู้จริง แต่จากประสบการณ์ที่พบเห็นในหลายครั้ง ที่ผู้เรียนมุ่งหวังแต่ใบปริญญา และคำนำหน้า ทำให้ระหว่างเส้นทางของการศึกษาไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรมากนัก เมื่อเอาวุฒินั้นมาเป็นตัวตั้งในสังคมการศึกษา ก็ถ่ายทอดสิ่งที่คลุมเครือ ไม่ถูกต้องไปยังคนรุ่นต่อไป เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อะไรหลายอย่างในวงจรการศึกษาไทยไม่ไปไกลเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับประเทศไกล้เคียง

การมีความรู้ ที่คู่กับคุณธรรม (เป็นตัวกำกับ) ก็จะทำให้เกิดคุณภาพตามมา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

(ต่อ)... แอบเพิ่มเติมอีกในdiary นี้ว่า เวลาเราเรียกตัวเองว่า ครู กับ อาจารย์ (คำนี้เราไม่เคยใช้เรียกตัวเอง ได้แต่ยินคนรอบตัวเรียกตัวเองกันว่าอจ.) หรือถูกนศ.เรียกว่า ครู กับ อาจารย์ ความรู้สึกแตกต่างจริงๆ เราเคยเจอลูกศิษย์ที่ไม่พบกันเกิน10 ปีแล้ว ตะโกนเรียกเรา ว่า "ครู mee ครู mee" ช่างเป็นเสียงเรียกที่ไพเราะและมีความสุขจริงๆ (มากกว่าที่ถูกเรียกว่า ดร. mee แบบเทียบกันไม่ได้จริงๆ) คนอื่นจะรู้สึกแเบบเดียวกันหรือไม่หนอ?????



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

มีความรู้ (ไว้เลี้ยงชีวิต) มีคุณธรรม (ไว้เลี้ยงจิตวิญญาณ)

เข้าไปแสดงความเห็น ในหัวข้อ การศึกษาไทยแก้ที่ตรงไหน ที่มีข้อเสนอว่า....  ดังนั้น...หากว่าเราต้องการพัฒนาการศึกษาให้เกิดการเรียนรู้เพื่อการสร้างความรู้อันเป็น “ปัญญา” ให้เกิดขึ้นแล้วนั้น เราควรมุ่งพัฒนาศักยภาพของครูที่มี “ความสุข”...  

ข้อเสนอเพิ่มเติมของเราคือ  มี "ความสุข" อย่างเดียวไม่น่าจะพอนะ ควรต้องมีสำนึกของความเป็น "ครู" คือผู้ให้ ตลอดเวลา ให้ด้วยความเมตตาและปรารถนาดีที่จะให้ลูกศิษย์มีความรู้ (ไว้เลี้ยงชีวิต) อบรมสั่งสอนคุณธรรม (ไว้เลี้ยงจิตวิญญาณ) คำศัพท์ของผู้ให้ความรู้มีหลายคำ/ความหมายเช่น teacher lecturer instructor tutor คำใหนล่ะ ?? ที่รู้สึกอบอุ่นและภูมิใจ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ไปแสดงความเห็นในหัวข้อความอยากมักหลอกล่อเราออกจากเป้าหมาย ไว้ดังนี้

ขอเพียงให้มี สติ-สัมปะชัญญะ มีหิริ-โอตับปะ (หิริ คือความละอายแก่ใจ และโอตับปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป ซึ่งธรรม 2 ข้อนี้จะนําพาให้งดเว้นจากการทําชั่วทุกประการ เพราะจะ ระลึกได้อยู่เสมอ จึงละอายและกลัวต่อการทําสิ่งที่ไม่ดี แม้เพียงแค่คิดเฉยๆก็ไม่กล้าคิดทําชั่วหรือเบียดเบียนใคร ในการจะทำสิ่งใดๆใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ถ้ารักษาใจให้มั่นคง ก็ไม่มีอะไรมาทำให้เราวอกแวกได้ หรือถ้าวอกแวกแล้วมันก็แค่แกว่งแต่ก็จะกลับมาได้ในที่สุด ถือสัจจะที่จะทำในสิ่งที่ดี และถูกต้องตามทำนองคลองธรรม จะรอดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เชื่อเถอะ ว่าทำได้และไม่ยากเลย เพราะทำมาแล้ว และกำลังทำอยู่ และจะทำต่อไป ความสุขที่ได้รับจากการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำผิด-ชั่ว เป็นความสุข เย็น สบาย (peaceful)จริงๆ

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

@72321 จะเลือกเด็กเป็นตัวตั้งเสมอ เพราะเราเป็นครู และแข่งกิจกรรมเด็กต้องการกำลังใจจากครูของตัวเองมากกว่าคนนอก  สำหรับอบรมครูที่ไม่ตรงวุฒินั้น เขาเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว มีคนอื่นช่วยเสริมอีกหน่อยก็เข้าใจได้ง่าย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

สำนึกในความเป็น"ข้าราชการ หรือข้าของแผ่นดิน"

(ต่อ)...และที่น่าเศร้าคือทุกกลไก ช่องทางของการโกงจะทำไม่ได้เลย ถ้าข้าราชการไม่ร่วมมือด้วยอย่างเด็ดขาด เสียดายมากที่หลายคนมีตำแหน่งที่ให้เติมคำในช่องว่างของอาชีพว่า "ข้าราชการ" แต่สำนึกในความเป็น"ข้าราชการ หรือข้าของแผ่นดิน" มีน้อยมาก หากเราช่วยกันกระตุ้นจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ (ที่ดีกว่าสัตว์ เพราะสัตว์มีแต่สัญชาติญาณ) ปลุกความละอายต่อตัวเอง เกรงต่อบาป(สิ่งที่ชั่ว) สังคมเราคงวุ่นวายน้อยลง เอาเวลาไปพัฒนาความเจริญด้านอื่นๆที่เป็นประโยชน์ ไม่ต้องตั้งงบจัดประชุมกันบ่อยๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

(ต่อ) ที่ควรจะทำคือสอน "สำนึก " สำนึกที่ละอายเมื่อทำชั่ว ละอายเมื่อพ่อแม่ทำชั่ว ละอายเมื่อมีลูกทำความเดือดร้อนให้สังคม เริ่มเพียง"สำนึกในครอบครัว" ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สังคมจะพัฒนา เหลือเงินแผ่นดินไว้พัฒนาประเทศจริงๆมากขึ้น ..

..ดังผลสำรวจความคิดเห็นของ สำนักวิจัยเอแบคโพล เมื่อเดือนตุลาคม พบตัวเลขที่น่าตกใจว่าคนไทยเห็นว่ารัฐบาล “ โกงก็ไม่เป็นไร ” มีจำนวนเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 63.2 เมื่อปี 2551 เพิ่มเป็นร้อยละ 76.1 ในปีนี้... 

นี่ก็อีกประเด็นที่มักจะใช้คำพูดที่ว่า "ช่างมันเถอะ "และ "ไม่เป็นไร " เป็นความยืดหยุ่นแบบไทยๆมาตลอดจนเคยชิน เอามาประยุกต์ใช้ในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โกงไม่เป็นไร บาปกรรมไม่เห็น  รุ่นลูกหลานไม่เหลืออะไรก็ช่าง รุ่นเราจะสร้างให้เอง ตัดไม้ ทำลายป่า ไม่เคยคิดถึงสำนวนที่วา "เด็ดดอกไม้ก็สะเทือนถึงดวงดาว"   (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

เกาไม่ถูกที่คัน"สำนึกในครอบครัว"

ไปแสดงความเห็นหัวข้อคอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทยที่ postโดย.ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

 .....ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ คืนความเชื่อมั่น: ทั่วโลกโปร่งใส สู้ภัยทุจริต ” ....

 จะเห็นว่าคนไทยกินขาดชนะหลายๆชาติ มีแนวคิดดี สร้างคำขวัญ พร้อมจัดเคมเปญรณรงค์ ประชุมไม่ว่างเว้น เสียทั้งเงิน ทั้งงบ ทั้งเวลามากมาย กี่ปีกี่ยุค แต่ความโปร่งใส การทุจริต ก็ไม่ลดลงให้เป็นที่ประจักษ์ ก็น่าจะแสดงให้เห็นว่าที่ทำอยู่น่าจะมีอะไรที่ "เกาไม่ถูกที่คัน" ทั้งๆที่มีศาสนา มีศีลธรรมมีไว้ให้ประพฤติปฎิบัติ แต่ไม่ใส่ใจเพราะอ้างปากท้อง (ที่กินเกินตัว) ต้องมาก่อน มือใครยาวเลยสาวได้สาวเอา กรรมไม่เห็น ละอายไม่มี วงศ์ตระกูลช่างมัน (โกงแล้วรวย มีอำนาจ คนก็ยกมือไหว้ทั่วเมืองเอง) นี่เองที่ทำให้มีการเบียดเบียนไม่สิ้นสุด โกงแม้กระทั่งภาษีแผ่นดิน  (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

เพราะอยู่ตจว...(2)

ครู่ใหญ่ก็โทรมาอีกบอกว่า มาไม่ได้แล้วเพราะต้องด่วน อัดออกรายการ ให้เราช่วยแนะนำคนที่จะแทนได้ ก็คิดว่าจะติดต่อพี่ที่มหิดล แต่เดี๋ยวต้องรอเวลาเลิกงานก่อน ..ระหว่างรอก็คิด  เฮ้อ!แห้วอีกแล้วเรา คราวก่อนก็รายการของช่อง nation  ก็เพราะอยู่บ้านนอกนี่ล่ะ จะให้ขึ้นไปก็ไม่สามารถหาเวลาแบบทันด่วน ทันใจได้ เพราะงานสอนต้องมาก่อน เขาก็รอไม่ได้ แห้วอีก ! นี่ถ้าอยู่กอทอมอ คงได้เป็นดาราตอนแก่แล้ว เฮ้อ!ตอนเดียวก็ยังดี แต่ยังดีได้ออกรายการวิทยุ "ตามตะวัน" แทน อย่างน้อยเสียงก็ได้ออกวิทยุ (ถ้ามี VDO link ก็ดีนะ)

ข้อคิดที่ได้ก็คือ มันก็อาจจะจริงนะที่หลายคนในหลายปีที่ผ่านมา ถามว่าทำไมเราต้องมาฝังตัวอยู่ที่ชนบท ทำให้โอกาสหลายๆอย่างหมดไป แต่เราคิดว่าถ้านักเรียนทุนทุกคนไปอยูที่เมืองหลวงหมดแล้วชนบทจะพัฒนาได้อย่างไร อย่างน้อยส่วนที่เราเสียโอกาสไป แต่มันสานปณิธานของครอบครัว ข้าของแผ่นดิน อยู่เพื่อพัฒนาท้องถิ่น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

เหตุเพราะอยู่ตจว.เลยอดออกTV...

 เพิ่งได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์จากรายการ "กิน อยู่ คือ" ทางทีวีไทย พิธีกรคือคุณสุจิรา อรุณพิพัฒน์ (นุ้ย)เรื่องสารพิษ สารอันตรายต่างๆที่ผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะเขาอ่านหนังสือ "บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย" แล้วสนใจสอดคล้องกับรายการฟังแล้วก็รีบบอกสาวน้อยที่จะมาสัมภาษณ์ว่า เราอยู่ตจว.นะ  อึ้งไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดมั้งว่าเราจะอยู่บ้านนอก แต่ก็ยังยืนยันว่าจะยกทีมมาถ่ายทำ แต่วันอาทิตย์เราต้องไปงานกฐินที่ปัตตานี เร็วที่สุดเป็นวันจันทร์ ก็ Ok นะ เขาอยากมาถ่ายทำที่บ้านเพราะจะถ่ายสภาพบ้านที่เอาป่ามาไว้ในบ้าน ประเภทบ้านลมโชย (สามีไม่ให้เอาบ้านไปอยู่ในป่า เพราะจะทำลายสวลมากไป) มีต้นไม้ลดสารพิษตามหนังสือ ...(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

donate วัสดุการทำวิจัยด้าน molecular (2)

  ....(ต่อ)  microcentrifuge tube หลายขนาด  microtube rack  anaerobic jar (ชุดใหญ่ต่อปั้มได้ ใหม่) และแบบธรรมดา สารเคมี เช่น agarose gel  DEPC water สารเคมีสำหรับ PCR  เป็นต้น ผู้ให้ตั้งใจมากที่จะให้กับที่ๆขาดงบ แต่ตั้งใจต้องการจะทำงานจริงๆ (เพื่อสนับสนุนให้กำลังใจ) อาจจะแวะไปประกาศในblog ถ้าไม่มีใครมาอ่าน

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

donate วัสดุการทำวิจัยด้าน molecular

(ต่อ)  ..ขออาศัยช่องทางนี้ช่วยฝากบอกขอ donate วัสดุการทำวิจัยด้าน molecular ให้นักศึกษา/สถาบันใดที่ต้องการให้นักศึกษาใช้แต่มีงบไม่พอที่จะซื้อ (เพราะแพง) ขอให้แจ้งความประสงค์เป็นทางการ เพราะมีให้พอสมควร (ซื้อด้วยปัจจัยส่วนตัว) เช่น Tip หลายขนาด แบบมี filter ก็มี Micropipett 6 อัน (เป็นของส่วนตัวที่รักมาก)...(มีต่อ).....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

ค่ำนี้เข้าไปอ่านใน blog ของคุณโอ๋-อโนทัย พบคุณโอ๋เพราะติดตามอนุทินที่เขียน ขอบคุณค่ะที่มาอ่านคำบ่นของคนแก่ หวังจะเจอกันอีกนะคะ ดีใจที่พบว่ามีนักวิชาการไทยที่มีจิตเมตตาที่จะให้ความรู้เป็นวิทยาทานโดยเฉพาะกับนักศึกษา และด้าน molecular ซึ่งปัญหาจากปฎิบัติการด้านนี้มีมาก หลากหลายและต้องอาศัยประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเพราะไม่มีในตำราเล่มใด....  (มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

(ต่อ) แต่ขณะเดียวกันรู้สึกหดหู่ใจและเศร้าใจที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยบางแห่งไม่รู้หน้าที่ ไม่ได้แสดงบทบาทที่ควรจะเป็น นอกจากเข้านั่งตามวาระ มีวิสัยทัศน์จำกัด และเกรงใจผู้บริหาร ไม่เกรงใจเงินภาษีแผ่นดิน เป็นความแตกต่างที่ชัดเจน outcome ที่ออกมาในแต่ละปี (ที่มีปริมาณมากมาย) บัณฑิตที่ควรถูกปลูกฝังให้ได้รับสิ่งต่างๆ ทั้งความรู้ ความคิด ความรับผิดชอบ ที่ควรจึงมีน้อย ภูมิต้านทานเมื่ออยู่ในสังคมจึงต่ำ ถูกรุกรานและรับกิเลสต่างๆได้ง่าย จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การปฏิรูปสังคมเป็นไปได้ยากหรือช้า

สำหรับข้อความที่อ่านทั้งหมดนี้ จะนำไปเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดของการทำงานต่อไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

อ่านรายงานการประชุมของสภามหาวิทยาลัยมหิดลที่ Prof. Vijarn กรุณานำมาเผยแพร่เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว สะท้อนภาพที่ดีของบทบาทสภามหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่อการรับผิดชอบและพัฒนาสังคมผ่านบัณทิตแต่ละรุ่นที่ออกมา หากสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารในอีกหลายๆสถาบันได้เข้าใจถ่องแท้ถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ผลักดันฟันเฟืองทุกชิ้นในมหาวิทยาลัยให้ทำหน้าที่ด้วยสำนึกให้การบริหารเป็นไปตามจุดมุ่งหมาย ปรัชญา ปณิธานของมหาวิทยาลัย ที่ได้วางไว้สวยหรูให้ป็นจริง เราก็คงได้outcome บัณฑิตที่มีทั้งคุณภาพและคุณธรรม....(มีต่อ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

แวะอ่านข้อความของอจ.ป๋วย"เมื่อออกจากโรงเรียน ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่าตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่สังคม" สะท้อนค่านิยมและศักดิ์ศรีของคนยุคก่อนที่น่านับถือจริงๆ หากความคิดแบบนี้ได้ถูกปลูกฝังมา สังคมไทยคงสามารถพัฒนาความรู้ ความคิดและคุณธรรม ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ สภาพปัญหาต่างๆในสังคมจะน้อยลง

 ระลึกถึง"ก๋ง"เสมอที่บังคับให้เมื่อเรียนจบต้องออกไปทำงานข้างนอกไม่ให้ทำกิจการของครอบครัว โดยบอกว่าเรียนแล้วต้องไปใช้ความรู้ให้สังคม ถ้าที่บ้านต้องการให้ช่วยงานก็คงไม่ต้องจบปริญญาตรี-โท และให้รับราชการครู กำลังจะได้ทุนไปเรียนญี่ปุ่นก็ไม่ให้ไป และก็สอบเข้าราชการไม่ได้ในปีแรก ก๋งก็ยังให้ไปเป็นครู ให้ไปสอนฟรี ผอ.ก็คุยกับก๋งว่ารร.ไม่ได้มีเงินเดือนให้ แต่จะให้ที่บ้านเอาเงินมาให้โรงเรียนจะได้ให้เงินเดือนดิฉันแทนเพื่อให้รู้สึกว่าทำงานและได้เงิน แต่ก๋งบอกไปว่าไม่จำ เป็นให้เรียนรู้การตอบแทนคุณแผ่นดิน และไม่ต้องมีสิ่งตอบแทนต้องทำได้ โดยพี่ๆแอบเรียกเราว่า"ครูฟรี" จำความรู้สึกตอนนั้นได้ดีที่ถูกมองเป็นสิ่งประหลาด แต่มันฝังสำนึกของการเป็นผู้ให้ที่แน่วแน่มาก ขอบคุณก๋งเสมอ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

mee_pole
เขียนเมื่อ

มันเหมือนความรู้สึกผิดที่ซ่อนลึก ทุกครั้งที่ต้องส่งนักศึกษาออกฝึกงาน เขาไม่รู้หรอกว่าเขาต้องไปเผชิญอะไร บ้าง แต่ครูจะคาดเดาได้ว่าที่ๆเขาจะไปเขาควรจะต้องทำอะไรเป็นบ้าง เรารู้ว่าเขาคาดว่าจากหลักสูตร 4 ปีของเราเด็กควรจะกวาดขยะได้ และเลือกใช้ไม้กวาดเป็น ว่ากวาดหญ้า กวาดขยะ ใช้ไม้กวาดประเภทใหน เขาคงไม่คิดหรอกว่าเด็กของเราเรียนกวาดขยะจากรูปในหนังสือ และไม่เคยเห็นหรือจับไม้กวาดเลย แล้วเช่นนี้เป็นความล้มเหลวของอะไร ??? เมื่อเด็กรุ่นนี้กลับมาแล้วจะรายงานหน้าชั้นเหมือนรุ่นพี่อีกว่า อาจารย์คะหนูอายจังเลยค่ะ เพราะเพื่อนจากที่อื่นๆเขาใช้ไม้กวาดกันเป็นทุกคนค่ะ

ปล. ตอนจบครูยืนยันกับนศ.ว่าได้เคยพยายามขอซื้อไม้กวาดมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้เพราะ...ต้องใช้เงินไปดูงานตปท.ก่อน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท