ในบางครั้ง.... เมื่อองค์กรของคุณเกิดปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก และยังต้องการการแก้ไขอยู่นั้น... แต่คุณกลับมี “ข้อมูล” หรือ “ความรู้ของปํญหา” นั้นอยู่แล้ว... ทำให้คุณเกิดความดีใจเป็นอย่างยิ่ง ว่ายังไงก็ต้องแก้ได้...
แต่... “ระวัง”
เพราะ “ข้อมูล” ของคุณอาจทำให้คุณ... ใช้เวลาในการแก้ปัญหานั้น ๆ อย่างยากเย็น... เพราะข้อมูลที่คุณมีอยู่ และคุณกำลังอยู่ใกล้กับปัญหานั้น ๆ มากเท่าไร อาจทำให้คุณ “ละเลย” สิ่งต่าง ๆ ของปัญหา หรือ “รายละเอียด” ของมันไป...
เพราะ... คนเรา (ในความคิดของผมนะครับ ไม่ได้ทุกคน) มักคิดเหมือนกันเสมอว่า... ในเมื่อเราอยู่ใกล้ปัญหามาก มีความรู้ในการแก้ไขมาก มันก็ไม่ยากหรอก.. เดี๋ยวก็แก้ได้... ขอเวลาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ...
เสร็จแน่ครับ... ถ้าเราหาทางแก้ปัญหาไม่เจอ... อย่างนั้นเราลองหาวิธีใหม่ ๆ ดู
ลองทำอย่างไร...
ในความคิดของผม... ผมแนะนำให้คุณหาเพื่อนในกลุ่มของคุณมานั่งขบคิดแก้ปัญหากันดู ยิ่งเพื่อของคุณไม่มีความรู้ตื้นลึกหนาบางของปัญหานั้นมากยิ่งดี... แล้วลองดูสิว่า เขาจะให้รายละเอียดในปัญหานั้น ๆ มากน้อยเพียงใด... ในบางครั้ง รายละเอียดเล็ก ๆ หรือคำตอบในการแก้ปัญหาอาจออกมาจากคนไม่รู้ข้อมูลของปัญหานั้น ๆ ก็เป็นได้...ประมาณว่า “เส้นผมบังภูเขา” และเมื่อเจอทางแก้แล้ว คุณอาจนึกอยากจะเขกหัวตัวเองก็ได้...
* ลองใช้เพื่อนร่วมงานของคุณเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาดูนะครับ... อย่าเป็นพวกลุยเดี่ยว... แล้วคุณจะรู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานมันดีอย่างไร...
เลือกภาพได้เยี่ยมครับ แทนความหมายของบันทึกนี้ได้ โดยไม่ต้องอ่านก็ได้
สำหรับองค์กรนั้นผมว่าไม่ใช้ของใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อมีปัญหาแล้วคงต้องช่วยกันแก้ไขร่วมกัน ไม่ว่าจะจากประสบการณ์ของเด็ก ของผู้ใหญ่ ทุกคนคงรู้ไม่เท่ากัน เหมือนกันไปทุกเรื่อง
ดังนั้นการเปิดรับ การให้ จึงความต้องเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กร ครับ