8-4-50
วันอาทิตย์นี้ดิฉันมีเวลามาอ่านผลการประเมินตนเองที่
ดร.สิริพรได้ประเมินไว้ในการรายงานสรุปผลการจัดระดับความสำคัญของโอกาสในการปรับปรุงองค์กรเรื่อง การเตรียมบุคลากรสำหรับตำแหน่งบริหาร โดยที่เกณฑ์ของการเลือกสิ่งที่จะมาพัฒนาหรือOFIว่า
จะต้องมีความสำคัญต่อวิสัยทัศน์
เร่งด่วน
เป็นไปได้
ตอบสนองต่อความต้องการ
การเตรียมบุคลากรสำหรับตำแหน่งบริหาร
ซึ่งเป็น OFI อยู่ในหมวดที่5 ของPMQA ว่าด้วยการมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล
ดิฉันยอมรับว่าในการพัฒนาในระยะแรกๆ ทางสถาบันไม่มีความรู้เรื่องนี้ เมื่อเราทำงานมานานก็จะเริ่มเห็นว่าการเตรียมคนสำหรับตำแหน่งบริหารจริงๆยังขาดการทำอย่างเป็นระบบ การเตรียมคนเป็นหัวหน้าตึกและสมรรถนะที่จำเป็น และการสอบสมรรถนะก่อนเข้าสู่ตำแหน่งไม่มีการทำไว้เป็นหลักฐานชัดเจน ตำแหน่งผู้อำนวยการ รองและผู้ช่วยผู้อำนวยการ หัวหน้างานต่างๆพร้อมกับการประเมินและพัฒนายังไม่มีการทำทั้งระบบ
ปีนี้กรมมีการตกลงที่จะทำเรื่องการวัดผลการทำงานPerformance Management ดิฉันดีใจที่กรมดำเนินการเรื่องนี้ แต่ดิฉันยังหวั่นใจในการใช้งานจริงๆค่ะ
ถ้าหมุนเวลากลับไปได้ดิฉันอยากจะตกลงกับผู้บริหารทุกระดับถึงการใช้ตัววัด competency ที่ดิฉันอยากได้คือ
1 การสื่อสารวิสัยทัศน์ และเป้าหมายทั้งเป้าหมายใหญ่และเป้าหมายเล็ก
2 การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
3 การใช้Empowerment Knowledge Management เป็นเครื่องมือการทำงาน
4 การควบคุมและประเมินผลการทำงาน
5 การนำผลการงานไปกำหนดนโยบายและมาตรฐาน
ก่อนการทำงานควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนถึงวิธีที่จะทำงานร่วมกัน เวลาสร้างทีมแล้วบางทีมไม่สามารถทำงานด้วยกันได้ทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึก เกิดบรรยากาศองค์กรที่ไม่ดี
ที่สำคัญผู้บริหารต้องนิ่งเป็นค่ะ อย่าเป็นผู้ทำให้เกิดปัญหาซะเองค่ะ
เคยอ่านตำราTQMว่าปัญหาทั้งหลายเกิดจากผู้บริหารซะมากกว่าค่ะ น่าจะเป็นความจริงนะคะ ลองไปอ่านหน้าที่ของคุณเอื้อที่อาจารย์วิจารณ์เขียนไว้ก็ได้ค่ะ
ดิฉันบันทึกเพื่อให้เป็นข้อเตือนใจเพื่อจะส่งงานต่อ
เป็นประสบการณ์ทางลบที่จะถ่ายทอดให้น้องๆ และเป็นเครื่องมือให้ผู้บริหารทราบว่าดิฉันอยากได้อะไรค่ะ
ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีนะคะ (ทั้งคนที่จะเป็น ผอ. และหัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลและรองๆทั้งหลาย)