ชีวิตจริงของอินเทอร์น : เมื่อครูและศิษย์ได้เรียนรู้จากกันและกัน


  

คุณประทีป โลจนาทร จาก OKLS ได้กรุณาส่งอีเมลฉบับนี้มาให้ดิฉันเมื่อสองวันก่อน  คงจะดีไม่น้อยถ้าทุกคนในโรงเรียนและใน gotoknow จะได้อ่านเรื่องราวของครูและศิษย์คู่นี้ไปด้วยกัน ได้เก็บความรู้ฝังลึกที่ซ่อนอยู่แทบจะทุกบรรทัดไปใช้ในชีวิตด้วยกัน อีเมลฉบับนี้ขึ้นต้นว่า... 

 

คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.๕ ของครูทั้งชั้นซะแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย คุณครูบอกเขาว่าครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนนึง ชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์  

 

ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึงและ สังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆกับเด็กคนอื่นเท่าไหร่  ว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกและเค้าตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ  และบางทีเท็ดดี้ก็เกเรด้วย ถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ดดี้ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ 

 

ที่โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็ก็แต่ละคนด้วย  และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย

 

แต่เมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ  เมื่อพบว่าครูชั้น ป.๑ ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า "น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดีเป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว" 

 

คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๒ เขียนว่า "เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหาเพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนักและชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ" 

 

คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๓ เขียนว่า "เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ" 

 

คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๔ เขียนว่า "เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควรไม่ค่อยมีเพื่อนและหลับในห้องเรียน"

 

ตอนนี้ คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก  ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้  ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้  ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว

 

ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดู กลางกองของขวัญอื่นๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใดสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย  

 

เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ อยู่เย็นให้นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ" หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง 

 

วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียน และเลิกสอนเลขคณิต คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น"ศิษย์โปรด" ของครู  

 

หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี 

 

หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบ ม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต 

 

สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้างเขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆนี้ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (เหรียญทอง) และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตเขา

จากนั้นสี่ปีผ่านไปแต่จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์ 

 

เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและก็จะแต่งงานกัน เขาอธิบายว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและเขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่ แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น 

 

คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน 

 

ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย และคุณหมอเท็ดก็กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า "ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่ี่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้" 

 

ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอนจนกระทั่งครูได้พบ ได้รู้จักเธอนั่นแหละ" 

 

เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้...........ส่งต่อเรื่องนี้ไปให้คนอื่นได้อ่านด้วยและโปรดจำว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหน หรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะสัมผัส และ/หรือ เปลี่ยนอนาคตของคนอื่นเสมอ ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นในทางทีดีด้วยล่ะ 

 

ข้อความในอีเมลจบลงเพียงเท่านี้  เรื่องราวเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ และสอนใจคนอ่านทุกคนว่า การรับฟังอย่างลึกซึ้ง  การสื่อสารอย่างกรุณา และไม่ด่วนสรุป (อันเป็นหัวใจของสุนทรียสนทนา)นั้น มีคุณค่าต่อชีวิตเพียงใด   

 

 

 

  

หมายเลขบันทึก: 82086เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2007 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 18:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

การตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้ง ไม่ด่วนสรุปตามที่ผู้ฟังคิด การพยายามเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอย่างจริงใจ ทำให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟัง นอกจากได้ข้อคิดดีดีแล้ว ยังช่วยทำให้หัวใจมีความสุขที่ได้พบเรื่องเช่นนี้อีกด้วย

ขาวมาเชียร์ครูใหม่นะ.. เออหนะ เออหนะ

อิอิ.. สวัสดีคร้า ครูใหม่.. ไว้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้นะคะ

เรื่องนี้ตอนข้าพเจ้าเรียนอยู่สมัยมัธยมปลายที่โรงเรียนหอวังเคยได้ยินเรื่องคล้ายๆแบบนี้อยู่บ้างคืออาจารย์คนหนึ่งสอนเด็กอยู่ห้องหนึ่ง และมีเด็กคนหนึ่งส่งการบ้านไม่เรียบร้อย สมุดมักจะเปื้อนอยู่เสมอ เวลามาเรียนก็มักจะมาสายและหลับในห้องเรียนทำให้อาจารย์มีอคติกับเด็กคนนี้ และมีอยู่วันหนึ่งอาจารย์คนนี้ได้ไปทานก๋วยเตี๋ยว ณ ร้านหนึ่ง อาจารย์ก็ได้เห็นเด็กนักเรียนที่ส่งการบ้านไม่เรียบร้อย ส่งบ้างไม่ส่งบ้างกำลังล้างจานพร้อมๆกับมีสมุดกางอยู่บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง อาจารย์คนนั้นไปคุยกับแม่ของลูกศิษย์ตนเองทำให้รู้ว่าพ่อของเด็กได้เสียไปแล้วทำให้เด็กต้องมาช่วยคุณแม่ขายของจนถึงดึกดื่นเที่ยงคืน เมื่ออาจารย์ได้รู้สาเหตุจึงเรียกเด็กคนนั้นมาพบและช่วยเหลือด้านการเรียนให้ จากนั้นครอบครัวนี้และอาจารย์ก็สนิทกันโดยปริยาย

ข้าพเจ้าคิดว่าเด็กก็เหมือนผ้าขาว เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เด็กเป็นคนไม่ดีข้าพเจ้าคิดว่าทุกอย่างมักมีสาเหตุเสมอ

ขอบคุณนะคะที่เล่าเรื่องดีๆแบบนี้ให้ฟัง ข้าพเจ้าชอบมากๆเลยขออนุญาตคุณครูเอาไปฟอวาดแล้วล่ะค่ะ

สวัสดีค่ะครูใหม่

มาอ่านเรื่องราวดีๆอีกครั้ง ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณนุ๊ก คุณเทียนน้อย และคริสตชนทุกท่าน

สุขสันต์วันคริสมาสต์ค่ะ ขอบคุณทั้งสองท่านที่ช่วยให้ดิฉันได้ย้อนกลับมาอ่านบันทึกนี้อีกครั้งในวันคริสมาสต์ ซึ่งพ้องกับเหตุการณ์สำคัญในเรื่องนี้พอดี

เรื่องที่คุณนุ๊กเขียนเล่ามาก็ประทับใจไม่แพ้กันเลยค่ะ เรื่องแบบนี้ยืนยันให้เรามั่นใจว่าการเติมหัวใจคนอื่นด้วยรัก เป็นความงดงาม ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าเราจะเป็นคนชาติใดศาสนาใด

ขอสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านค่ะ

ใหม่ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท