ครูเฉลิมสอนวิชาสังคมศึกษามาหลายปี มีลูกเล่นที่แพรวพราวทุกรูปแบบ จนหัวหน้าหมวดวิชาและผู้บริหารโรงเรียนตามไม่ทัน ครูเฉลิมได้รับสมญานามว่าเป็นจอมเบี้ยวประจำโรงเรียน เพราะแกค่อนข้างจะรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง อาศัยที่เป็นครูเก่าแก่ ไม่ค่อยมีใคร่กล้ายุ่งเกี่ยว แกเลยเอาตัวรอดไปวันวัน
วันหนึ่ง ครูในหมวดวิชาสังคมศึกษาคนหนึ่งเกิดป่วยกะทันหัน โทรศัพท์มาขอลาป่วย 3 วัน หัวหน้าหมวดวิชาเลยต้องจัดครูในหมวดสอนแทน ครูเฉลิมซึ่งมีชั่วโมงสอนปกติน้อยกว่าเพื่อน เลยถูกจัดให้สอนแทนห้อง ม.3/1 วันละ 1 ชั่วโมง ทั้ง 3 วัน
ชั่วโมงแรกที่ครูเฉลิมเข้าสอนแทน ได้ถามนักเรียนประโยคแรกว่า
“นักเรียนรู้ไหมว่า ชั่วโมงนี้ครูจะสอนอะไร” นักเรียนตอบพร้อมกันทั้งชั้นว่า
“ไม่ทราบครับ” ครูเฉลิมเลยพูดว่า
“อะไรกัน ครูจะสอนอะไรก็ยังไม่รู้ แสดงว่าพวกเธอไม่มีการเตรียมพร้อม ฉะนั้นวันนี้ครูไม่สอน”
ชั่วโมงที่สอง ครูเฉลิมเข้าสอนแทนห้องเดิม ก็ยังคงถามนักเรียนในประโยคเดิมอีก นักเรียนรู้ทันจึงตอบพร้อมกันว่า
“ทราบครับ” ครูเฉลิมจึงพูดต่อว่า
“ถ้าเธอทราบก็ดีแล้ว ครูจึงไม่ต้องสอน”
ชั่วโมงที่สาม ครูเฉลิมก็เข้ามาถามประโยคเดิมอีก นักเรียนได้นัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
“ไม่ทราบครับ” นักเรียนอีกคนหนึ่งตอบว่า
“ทราบครับ” ครูเฉลิมจึงพูดว่า
“ดีแล้วที่มีคนที่รู้และคนที่ไม่รู้ ฉะนั้นขอให้คนที่รู้สอนคนที่ไม่รู้”
สวัสดีค่ะ เข้ามาทักทายค่ะ แสดงว่าครูบางคนที่มาสอนเพราะถือว่าครูเป็นอาชีพที่ต้องทำ หาอาชีพอื่นไม่ได้แล้วมีเกียรติคนนับหน้าถือตาแต่ไม่ได้มีจรรยาบรรณของความเป็นครู ที่รักและหวังดีต่อลูกศิษย์ ที่อยากเห็นเขาก้าวหน้า เป็นคนดีของสังคม และเรียนสูงๆมีอนาคตที่มั่นคงค่ะ
ค่ะอ่านบทความข้างบนแล้วก็สงสารเด็กนักเรียนมากเพราะหากครูเป็นเหมือนครูเฉลิมก็แสดงว่าจะต้องพัฒนาบุคลากรทางการศึกษากันยกใหญ่ เพราะนอกจากครูเฉลิมแล้ว อาจจะมีครูอื่น ๆ อีกที่ทำเหมือนครูเฉลิมอย่างนี้แล้วจะพึงพาใครได้ในเมื่อพ่อพิมพ์เป็นเสียเอง นี่ก็คงเป็นอุทาหรสำหรับครูที่ไร้จรรยาบรรณ
เฮ้อ ชีวิตอนาคตของชาติ แต่ที่เห็นปัจจุบัน ครูไม่มีเวลาว่างเลย ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง งานธุรการ งานสอน ฮิ ๆๆๆ แยกได้หลายร่าง