เวียนเทียน : อดีตและปัจจุบันในค่ำคืนอันดีงามของชีวิต


คิดถึงค่ำคืนการเวียนเทียนที่วัดประจำหมู่บ้านที่ห้อมล้อมด้วยผู้คนหลากวัย

เวลาประมาณบ่าย 3  โมงของวันที่  3  มีนาคม  2550  รถบัสของมหาวิทยาลัยขนาด 45  ที่นั่งจำนวน  2  คันเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย  มุ่งหน้าไปยังอำเภอนาดูน  โดยมีจุดหมายปลายทางที่การเข้าร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา ณ  พระธาตุนาดูน  (พุทธมณฑลอีสาน)

  

เป็นที่น่าภูมิใจที่นิสิตจำนวนกว่า 70  คนเข้าร่วมการเวียนเทียนอย่างพร้อมพรั่ง  ไม่จำเป็นต้องกะเกณฑ์อันใดให้มากความ  บางคนหรือแม้แต่หลายคนก็มาด้วยความสมัครใจ  

อันที่จริงวันหยุดติดต่อกันหลายวันเช่นนี้นิสิตคงเดินทางกลับบ้านกันมิใช่น้อย  แต่เนื่องเพราะเป็นช่วงสอบปลายภาค  หลายคนจึงกัดฟันตัดโปรแกรมกลับบ้านทิ้งไป  และหันมากักตนเองอยู่กับการท่องหนังสือที่หอพักแทน

สำหรับนิสิตแล้ว  การไปเวียนเทียนครั้งนี้แต่ละคนก็ไปด้วยมุ่งมาดวาดหวังที่เหมือนและต่างกัน  บางคนอาจยึดถือว่าการไปเวียนเทียนสักการะองค์พระธาตุนาดูนก็เป็นประหนึ่งการไป ทำบุญ, ชำระจิตใจ,  ทำสมาธิ  ฯลฯ  หรือแม้แต่ไปอธิษฐานให้มีพลังกายพลังสมองในการสอบอย่างเต็มล้นก็เป็นได้ !

แต่สำหรับมหาวิทยาลัยฯ  กิจกรรมเช่นนี้ถือเป็นพันธกิจที่มหาวิทยาลัยยึดปฏิบัติมาทุกปี  ทั้งตามนโยบายสถาบันศึกษากับชุมชน  รวมถึงการปลูกฝังให้นิสิตได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อการซึมซับพระพุทธศาสนา

   

ทันทีที่รถบัสเคลื่อนพ้นเขตมหาวิทยาลัย  ผมไม่รอช้าที่จะคว้าไมโครโฟนมาบอกกล่าวเล่าแจ้งสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานนี้   โดยเฉพาะการนัดหมายซักซ้อมการเข้าร่วมพิธี  รวมถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ  ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้า  จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกคนพักผ่อน(นอนฝัน) ตามอัธยาศัย

การเวียนเทียนในปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ  เพราะเป็นช่วงเดียวกับที่ทางจังหวัดกำหนดให้มีการจัดงานนมัสการพระธาตุนาดูน  ขึ้นในระหว่างวันที่  24  กุมภาพันธ์ – 4  มีนาคม 2550 ประกอบด้วยกิจกรรมหลายหลาย  อาทิ  ทำบุญตักบาตร  บูชาวัตถุมงคล  ขบวนแห่ประเพณี 12  เดือน  การออกร้านของชุมชนส่วนราชการและ OTOP  การแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่นในรูปลักษณ์ต่าง ๆ  รวมถึงมหรสพสมโภชทั้งกลางวันและกลางคืน  รวมเวลาเฉลิมฉลองกัน 9 วัน 9 คืนเต็ม ๆ  ด้วยเหตุนี้การเวียนเทียนในวันนี้จึงคึกคัก อัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศ  ตลอดเส้นทางจากตัวเมืองมุ่งมายังพระธาตุนาดูนคับคั่งไปด้วยรถยนต์เล็กใหญ่นานายี่ห้อ  ขณะที่บางคนถึงขั้นมารอตั้งแต่เช้ามืดเลยก็มี ...  

 

เท่าที่ผมศึกษาร่วมกับนิสิตเมื่อครั้งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาภาคสนามโครงการเรียนรู้ร่วมกันสรรค์สร้างชุมชนเมื่อหลายปีที่แล้ว  พอสรุปสังเขปได้ว่า,   พระธาตุนาดูน    เป็นโบราณวัตถุที่มีอายุมากว่า 1,300 ปี  ขุดพบบนที่นาของนายทองดี  ปะวะภูตา  โดยการขุดพบในระยะแรก ๆ  เป็นการขุดพบเฉพาะคน  เฉพาะกลุ่ม  ต่อเมื่อหน่วยศิลปากรที่ 7 ขอนแก่น ได้ลงมาดูแลพร้อมทั้งติดตามวัตถุต่าง ๆ  ที่ขุดพบมารวมกันและทำการศึกษา  จึงทราบว่าเป็นสถูปโบราณ

  

และเมื่อมีการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วได้มีการลงความเห็นว่าเป็นสถูปที่ใช้บรรจุพระสารีริกธาตุ  ซึ่งลักษณะของสถูปทำด้วยทองสำริด มีส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ  (1)  ส่วนยอด  มีลักษณะ เป็นปล้องไฉน จำนวน 2 ปล้อง ส่วนบนสุดเป็นปลียอดกลม  (2)  ตัวสถูปทำด้วยทองสำริด มีลักษณะคล้ายระฆัง หรือโอคว่ำ ส่วนยอดของตัวสถูป จะรับเข้ากับส่วนล่างสุดของส่วนยอดพอดี

 

 

การไปเวียนเทียนครั้งนี้  ผมเห็นภาพชีวิตแห่งความประทับใจอันหลากหลายของผู้คนที่มาเยือนที่นี่  ผู้หลักผู้ใหญ่  คนเฒ่าคนแก่  คนหนุ่มคนสาว เด็กนักเรียน หรือแม้แต่เด็กตัวเล็กที่มาพร้อมกับผู้ปกครองก็ดูจะเบิกบานอิ่มสุขกันถ้วนหน้า  โดยภาพชีวิตเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็น ความศรัทธาเลื่อมใส  ของคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งและดื่มด่ำเป็นที่สุด 

 

ระหว่างเดินทางกลับผมได้พูดจาพาทีกับนิสิตหญิงท่านหนึ่ง เราคุยกันในประเด็นความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับการเวียนเทียนเนื่องในวันสำคัญของพระพุทธศาสนา  และเราต่างมีความทรงจำที่เหมือนกัน คือ คิดถึงค่ำคืนการเวียนเทียนที่วัดประจำหมู่บ้านที่ห้อมล้อมด้วยผู้คนหลากวัย 

   

แต่ถึงวันนี้กลับกลายเป็นว่าการเวียนเทียนในหมู่บ้านไม่ใคร่พบคนหลากวัยมาร่วมเวียนเทียนกันเท่าที่ควร  โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่ร้างหมู่บ้านไปทำงานในตัวเมือง  การเวียนเทียนในค่ำคืนต่าง ๆ  จึงมักพบแต่ผู้หลักผู้ใหญ่  คนเฒ่าคนแก่และเด็กนักเรียนและเด็กตัวน้อยกันแทบทั้งสิ้น

   

นอกจากนี้เธอยังเล่าให้ฟังว่าการเวียนเทียนเป็นเสมือนวันนัดหมายที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับคนรักของเธอ.. ได้เดินเวียนเทียนเคียงข้างกายกันและกันรอบศาลาวัด  ได้อธิษฐานถึงความรักที่มั่นคงและยั่งยืน ...

  

ผมรุกถามเธอต่อไปว่า  ทุกวันนี้ยังรักกันอยู่หรือเปล่า ?” 

 

เลิกร้างกันนานแล้ว  เธอตอบโดยปราศจากน้ำเสียงความเศร้าโศกใด ๆ ...

  

เธอเล่าให้ฟังอีกยืดยาว,  ผมจำได้แต่เพียงว่าเธอและคนรักเลิกรากันเมื่อตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ  เป็นการจากลาแบบเข้าใจ  ทุกวันนี้ฝ่ายชายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ  และเธอก็ไม่รู้หรอกว่า คนรักเก่า  ของเธอนั้นกำลังคิดถึงค่ำคืนแห่งการเวียนเทียนในอดีตเหมือนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่หรือไม่ ?  หรือกำลังจะไปเวียนเทียนกับใคร ?  ที่ไหน ?  อย่างไรบ้าง ?

  

มันก็เป็นแค่การคิดถึงอดีตอันดีงามเท่านั้น  เธอบอกกับผมเช่นนั้น  เพราะวันนี้เธอเองก็มาเวียนเทียนกับนิสิตชายท่านหนึ่งที่กำลังคบหาดูใจกันเป็น “เพื่อนสนิท 

  

ผมโชคดีมากที่เธอไม่ได้ถามผมว่ามีอดีตอันงดงามในค่ำคืนการเวียนเทียนเช่นเธอหรือไม่...

  

แต่ท่านครับ....ถึงเธอไม่ถาม,  แต่ในเบื้องลึกของผมก็หวนคำนึงถึงค่ำคืนเช่นนั้นอยู่ไม่น้อย แต่ก็เป็นแค่ห้วงคำนึงที่ไม่มีอะไรมากไปกว่า การคิดถึงอดีตอันดีงาม  ที่ผ่านล่วงมาก็เท่านั้นเอง !

 

คำสำคัญ (Tags): #msu km กิจกรรมนิสิต
หมายเลขบันทึก: 81981เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2007 11:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:30 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)
  • ไม่เคยลืมเลือน ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมต่างๆที่ดีงาม แต่ปีนี้ไม่ได้ไปทำบุญและเวียนเทียนเลย อดีตยังจำเทียนหยดใส่มือ...มีคนช่วยดูแล..คงทรงจำยังดีงามเสมอ...และตลอดไป
  • อ้อ! ขอบอกเด็กๆน่ารักมาก น้องแผ่นดิน และน้องแดนไท ชื่อก็มีความหมายดีจัง...

คุณแผ่นดินครับ

ผมอ่านบันทึกแล้วก็อินไปด้วย และคิดถึงอดีตเช่นกัน แต่เป็นอดีตแสบๆมากกว่า จนทุกวันนี้ยังนึกอยู่ว่าบาปกรรมจะตามมาเมื่อไร เพราะตอนเด็กๆ ประมาณ ม.1 คึกอะไรไม่รู้ กับเพื่อนๆ ขับมอร์เตอร์ไซด์ เวียนเทียนกัน เด็กอะไร "พ่อแม่สั่งสอนแต่ไม่รู้จักจำ"  ทำไปเพราะคึกคะนองหน่ะครับ บทเรียนครั้งนั้นยังเอามาคุยขำขำกับวงเพื่อนๆได้อีกนานเท่านาน 

ปีนี้ไม่ได้ไปเวียนเทียนเลย เพราะไม่สะดวกในการเดินทาง แต่ว่าวันนี้ใส่บาตร ทำบุญเรียบร้อยนะครับ   เป็นสุขทางใจ สบายใจ ทำอะไรก็แสดงออกมาด้วยความสุข  น่าจะทำเป็นวิถีต่อไปครับผม

สวัสดีครับ...คุณนู่ทิม

  • เราต่างมีความทรงจำที่งดงามในอดีตเสมอ..
  • ขอบคุณนะครับที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจ
  • เช่นกัน..ขอบคุณครับกับคำชมถึง น้องแผ่นดิน และแดนไท
  • ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะครับ..
  • ปีนี้ไม่ได้เวียนเทียนเลย  ทั้งบ้านแหละค่ะ  พาพี่เขยไปซื้อกล้องดิจิตอลที่ขอนแก่นเลยขนกันไปทานข้าวที่ขอนแก่นอ่ะค่ะ  วันมหาครอบครัวค่ะ 3 ครัว  อิอิ
  • และวันอาทิตย์ก็บุญข้าวปุ้นในคุ้ม ทำบุญแล้วค๊า...
สวัสดีครับคุณ พรหมลิขิต
P
  • ทำบุญก็คงไม่ต้องไปที่วัดเสมอไป... สำคัญที่ใจถ้าทำอะไรแล้วสุขกาย สบายใจ ก็ถือว่าเป็นกุศลแล้ว
  • ดูวีรกรรมขี่รถเครื่องเวียนเทียนแล้ว  ต้องยอมรับว่าดจ๋ไม่เบา... แต่มันก็เป็นในห้วงวัยที่เรากำลังคะนอง  และไม่ใช่เรื่องแปลกในวัยนั้น ๆ ที่จะประพฤติและปฏิบัติเช่นนี้
  • ทำอะไรก็แสดงออกมาด้วยความสุข  น่าจะทำเป็นวิถีต่อไป  ..ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของคุณพรหมลิขิต นะครับ
  • ขอบคุณครับ

 

 

  • น่าชื่นชมกับบรรยากาศอันดีงามที่นาดูนครับ 
  • การเวียนเทียนยุคหลัง ๆ นี้ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงเท่าใดนัก ที่ต้องการให้น้อมนำจิตใจเพื่อระลึกถึงคุณทั้งสามของพระพุทธเจ้า
  • โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่แล้ว การเวียนเทียนมักจะเป็นกิจกรรมพบปะ หาโอกาสออกจากบ้านอย่างมีเหตุผล บางรายไปจบที่เรื่องไม่มีไม่งาม
  • บรรยากาศการเวียนเทียน ก็มักจะคุยกันเสียงดัง หยอกกัน จีบกัน  มากกว่าจะสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
  • วัดในหลายที่ก็ไม่ได้ใส่ใจในการกำชับ ให้ผู้ที่มาเวียนเทียนได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น  (ขอให้มาเยอะ ๆ เป็นดี)
  • (ขออนุญาตบ่นนะครับคุณแผ่นดิน ตามที่เห็นและเป็นไป)
  • ไม่ค่อยได้ไปเวียนเทียนเลยค่ะ- -นับครั้งได้
  • ท่าทางบรรยากาศสนุกสนานนะคะ
  • ส่งเสริมวัฒนธรรม&ขนบธรรมเนียม
สวัสดีครับ เจ้หนิง
P
  • ดีจัง...มีบุญข้าวปุ้นที่คุ้มบ้าน
  • ซึ่งหมายถึงบุญเดือน 4  เทศน์มหาชาติหรือเปล่าครับ
  • ผมมีบันทึกเรื่องการบวชพระ (หนุ่ม)  ด้วยนะครับ..อย่าลืมแวะไปชมภาพบุญกุศลของบุคลากรของเรา  นะครับ

 

สวัสดีครับ คุณย่ามแดง

P
  • รู้สึกดีใจที่พบเพื่อนชาวบล็อกที่ตรงไปตรงมาเหมือนกัน
  • หลายครั้งเรื่องดี ๆ กับถูกใช้เป็นเวทีของการกระทำการในเรื่องไม่เหมาะสม  ,  ผมเองก็หดหู่ไม่น้อยกับเรื่องพรรค์นี้ ..แต่อย่างน้อยก็ดูแลตนเองกับคนรอบข้างไม่ให้เป็นไปในแนวทางนอกรีต
  • สังคมเปลี่ยนแปลงเยอะมาก  และพาเราออกห่างไปรากเหง้าของตนเอง ทำได้คือการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีตัวตนและไม่ตกเป็นทาสของกระแสนั้น ๆ  และพลัดหลงเข้าไปจนถอนตัวไม่ขึ้น
  • ขอบคุณครับ

 

  • กลับบ้านก็ไม่ได้ไปเวียนเทียนเลยค่ะ
  • เพราะในอดีตสำหรับการเวียนเทียน ที่เคยเจอพวกเด็กผู้ชายจะจุดประทัดที่เสียงดังและโยนใส่กันโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง มันเป็นภาพที่ติดตามาโดยตลอด กลัวน่ะค่ะ ทำให้ไม่ค่อยอยากไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นอีก เหมือนภาพหลอนมั้งคะ ถ้าบอกว่าเวียนเทียนก็จะนึกถึงภาพนี้ประจำ
  • แต่ประเพณีที่ดีงามสำหรับการเวียนเทียนก็มีให้เห็นมากเช่นกันและมีคุณค่าต่อการจดจำที่ดี

สวัสดีครับ คุณพิชชา

P
  • ผมเชื่อแน่ว่าบรรยากาศการเวียนเทียนในทุกที่จะรื่นเริง สนุกสนานเหมือนกัน
  • การเวียนเทียนจึงเป็นวัฒนธรรมที่ดีของชาวพุทธ  ผู้เข้าร่วมได้ทั้งสาระและความบันเทิง
  • อันที่จริง, ชีวิตในวันทำงานก็น้อยเหลือเกินที่จะได้ไปเวียนเทียน  เว้นเสียแต่การไปในราชการเฉกเช่นงานนี้นี่แหละครับ
  • ใช่ค่ะ  คุณแผ่นดิน  บุญข้าวปุ้น  คือชื่อเล่นของบุญผะเหวด หรือ บุญผเวส  บุญพระเวส อ่ะแหละ  อิอิ  ก็บุญเดือน 4 เทศน์มหาชาติ  มีแห่พระเวสสันดร นั่นแหละค่ะ
  • กลับมาจากประชุมแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการที่ขอนแก่น  ก็เลยเชิญอาจารย์ปริญดาที่ไปด้วยกันแวะ ทานข้าวปุ้นหรือขนมจีน  ที่บ้านกันอ่ะค่ะ
  • ทีบ่ได้เล่าไผ  ไม่ได้บอกใครเพราะเห็นว่าติดงานบุญบวชกันและก็วันหยุดยาว พี่ๆน้องคงอยากกลับบ้านกัน  อีกทั้งพี่เองก็ไม่ได้อยู่ต้องไปประชุมที่ขอนแก่นอ่ะค่ะ   อย่าโกรธกันเด้อ
  • สำหรับเวียนเทียนครั้งล่าสุดพี่ก็ไปเวียนเทียนที่พระธาตุนาดูนแหละค่ะ  แต่ไม่ได้ไปกับกองฯ  พี่พาคุณแม่ไปเกือบทุกปีค่ะ  ตั้งแต่สมัยหลวงตายังไม่มรณภาพแล้ว
  • ส่วนมากไปกลางคืนเพราะเป็นช่วงเทศกาลงานพระธาตุนาดูนอยู่แล้ว  กลางคืนเค้าประดับพระธาตุสวยงามมากค่ะ  หลานๆจะชอบไป
ดีใจที่ส่งเสริมเด็กๆให้ช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามค่ะ หว้าเองสมัยเรียนก็มีความทรงจำดีๆเสมอในการเวียนเทียน แต่ไปกับเพื่อนๆค่ะ เป็นแค่เพื่อนเท่านั้นค่ะ พระธาตุนาดูนสวยงามมากค่ะ

ตกใจแทบแย่..นึกว่าที่ไม่เข้าวัดเพราะมีอาการร้อน ๆ  ไปทั้งตัว นะน้องนุ้ย

P
  • เป็นธรรมดาล่ะที่คนเรามักมีความคะนอง สนุกในวัยนั้น ๆ 
  • แต่อย่างที่รู้ ๆ  เนื้อแท้ของการเวียนเทียนก็ยังทรงคุณค่าไม่เปลี่ยนแปลง  (จริงมั๊ย)
P

... วันนี้อันที่จริงน้องที่ร้อยเอ็ดโทรมาตอนบ่าย 3  ชวนไปกินข้าวปุ้นที่ร้อยเอ็ด..แต่ผมก็ไม่สามารถร่วมเดินทางไปด้วย

  • ผมไม่มีโอกาสและเวลาพอที่จะเวียนเทียนพระธาตุนาดูนในตอนกลางคืน .. แต่ขอกำนัลเจ้ด้วยภาพพระธาตุนาดูนอีกสักภาพ นะครับ
  • เป็นไงครับ...เงาในน้ำของพระธาตุ....
  • เป็นภาพที่จัดเก็บไว้เมื่อครั้งโครงการเรียนรู้ร่วมกันฯ 
สวัสดีครับ อาจารย์ลูกหว้า
P

จะยังไงก็แล้วแต่ในทุกปีทุกเทศกาลที่จัดขึ้น ณ พระธาตุนาดูน  มมส  จะต้องพานิสิตเข้าไปร่วมงานเสมอ  และตอนนี้ก็พยายามคิดรูปแบบที่จะพานิสิตใหม่ร่วมหมื่นคนไปกราบสักการะสักครั้ง  และอยากให้ยึดเป็นประเพณีนิยมของนิสิต มมส เลยก็ว่าได้  เนื่องจากตราสัญลักษณ์ของสถาบันก็มีองค์พระธาตุนาดูนเป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์

  • ถือโอกาสนำภาพมาฝากอาจารย์..มององค์พระธาตุผ่านไม้ดอก ...นึกถึงดอกไม้เหล็ก ดอกไม้แกร่งของชาวบล็อก เลยอดที่จะนำความมงคลมาฝากอาจารย์ลูกหว้านะครับ

 

อยากไปด้วยจัง..

สวัสดีครับ คุณสมทรง  ทองมวล

... ยินดีนะครับ  ,  ถ้ามีโอกาสผ่านมามหาสารคาม ยินดีพาไปไหว้พระธาตุด้วยตนเอง

ยินดีเสมอครับ..

ต้องขอบคุณมากๆในเรื่องราวดีๆที่มีมาให้อย่างสม่ำเสมอและก้อไม่เคยผิดหวังที่เฝ้ารอคอยเรื่องราวดีๆจากคุณแผ่นดิน(คอยรับอย่างเดียวเลยค่ะ..เพราะเป็นคนที่อาจมีวัตถุดิบในตัวเองไม่มากพอที่จะอาจหาญถ่ายทอดค่ะ)...เป็นครั้งแรกนะคะที่ได้ทราบประวัติและได้เห็นพระธาตุนาดูน..สวยงามมากและแสดงถึงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในอดีตค่ะปกติเป็นคนชอบศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งสถานโบราณและปูชนียบุคคล..อยากมีโอกาสได้ไปไหว้พระธาตุนาดูนค่ะ...เห็นภาพนิสิตชายหญิงที่ไปเวียนเทียนแล้วบอกจากใจนะคะรู้สึกดีมากๆค่ะ..อ้อ ! หนูน้อยหมวกแดงและหนุ่มน้อยหน้ามนที่ใส่เสื้อแดงช่วยสร้างบรรยากาศสดใสจังค่ะ...ขอบคุณสำหรับลำนำที่ฝากมาให้ด้วยค่ะชอบมาก(ลืมบอก)

สวัสดีตอนเช้า  ครับคุณโก๊ะ

กว่าจะได้แวะดูบันทึกเพิ่มเติมก็ล่วงถึงเช้า...แต่ยังไงก็ขอบคุณมากครับที่ติดตามเป็นเสมือนแฟนคลับของผมอย่างต่อเนื่อง

อันที่จริง,  ผมว่าคุณโก๊ะก็มีต้นทุนวัตถุดิบชีวิตอยู่มาก เท่าที่สังเกตจากบันทึกก็สื่อสารได้ชัดเจน ก็น่าจะเขียนบันทึกได้ดี  หรือไม่ก็ถือซะว่าการเขียนบันทึกก็คือกระบวนการฝึกทักษะการสื่อสารด้วย "การขียน" ได้เหมือนกัน

พระธาตุนาดูนเป็นที่สักการะของชาวอีสาน  ถึงแม้จะไม่ถึงกับเลื่องชื่อเหมือนพระธาตุพนม  แต่ก็มีตำนานความเป็นมาที่เก่าแก่ยาวนาน  และปรากฏารณ์อภินิหาริย์อยู่แทบทุกปี

เช่นกันครับ... ยินดีนำเที่ยวชมนะครับถ้าแวะมามหาสารคาม

ขอบคุณครับ..สำหรับคำชื่นชมถึงคุณแดนไทแลคุณแผ่นดิน (ตัวจริง) ..ส่วนลำนำที่แต่งนั้น แต่งให้ด้วยใจใคร ไม่เน้นฉันทลักษณ์ ไม่เน้นการสร้างคำ  แต่ใช้คำง่าย ๆ พื้น ๆ เท่าที่จะทำได้

มีความสุขกับการไล่ล่าความฝัน นะครับ

สวัสดีค่ะ ดีจัง ดีใจที่เห็นนักศึกษารุ่นหนุ่มสาวพากันไปร่วมประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา นั่นอาจจะเพราะว่าเขามีผู้นำที่ดีด้วย ภาพพระธาตุนาดูนสวยดีจัง ไม่เคยเห็นมาก่อน น้อง (หรือหลาน) ทั้งสองคน น่ารัก หล่อดีจังเลย
สวัสดีครับ คุณจินตนา
P

นิสิตที่ไปก็มีทั้งสมัครใจและไปตามเงื่อนไขของมหาวิทยาลัย  เช่น  นิสิตทุน  เป็นต้น  แต่ยังก็ดีที่เขาไปร่วมกิจกรรม  เพราะเชื่อว่าอย่างน้อยเขาต้องได้เรียนรู้อะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัด, ศาสนา, พิธีกรรม, เพื่อน ๆ , วิถีความศรัทธาของผู้คน ฯลฯ

และขอบคุณครับ..คำชมที่มีต่อน้องแผ่นดินและน้องแดนไท...ตัวจริงซนและแสนรู้อย่างน่าหยิก...

ขอบคุณครับ

  • ตามมาดื่มด่ำกับบรรยากาศเวียนเทียนตามคำเชิญชวน
  • ไม่รู้เป็นไง เวลาที่พูดถึงการเวียนเทียน จึงมักมีบรรยากาศของคู่รักแซมอยู่เสมอไป
  • ดิฉันดูจะเป็นคนแปลกประหลาดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ที่ไม่มีความทรงจำกับบรรยากาศตรงนี้เลย อาจเป็นเพราะเติบโตมาจากครอบครัวเชื้อสายจีน จึงไม่ค่อยคุ้นกับประเพณีไทย ๆ
  • ตอนรุ่น ๆ ไม่เคยเวียนเทียน ไม่เคยเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ไม่เคยลอยกระทง เชื่อไหม...ว่าไม่เคยแม้แต่ไปตักบาตรทำบุญที่วัด ปิดทอง ฟังเทศน์อะไรทั้งสิ้น... เคยแต่ใส่บาตรตอนเช้า ๆ เพราะนึกว่าถ้าไปทำอะไรในสิ่งเหล่านั้นคงทำอะไรไม่ถูก...ก็เพราะไม่เคย...ก็เลยไม่กล้าไปกันใหญ่
  • แก่ตัวเข้านี่แหละจึงพอรู้ประเพณีกับเขาอยู่บ้าง แต่ถ้าพูดถึงประเพณีจีนนี่คุ้นมาแต่เด็ก เช่น ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง ฯลฯ
  • เรียกว่าปู่ย่า-ตายาย-พ่อแม่พาไปทางไหน ลูกก็ไปทางนั้นล่ะค่ะ
  • ดิฉันมีโอกาสไปสักการะพระธาตุนาดูน เมื่อประมาณปลายปีที่แล้วก่อนเดินทางไปเวียดนามยังประทับใจไม่รู้ลืม เก็บภาพประทับใจไว้ด้วย แต่ไม่ได้ติดไฟล์มาด้วย (ตอนนี้มาราชการอยู่ที่ขอนแก่นค่ะ) จึงไม่ได้อวดภาพกัน...
  • ภาพพระธาตุที่อาจารย์ถ่ายมาฝากคุณหนิงสวยมาก ๆ เลยค่ะ ภาพน้องแดนกับน้องดินก็น่ารักมาก ๆ ด้วย
ขอบพระคุณครับ อ.ปวีณาที่สู้อุตส่าห์ตามมาจนเจอบันทึกนี้
P

... ผมมีวิถีชีวิตเกี่ยวก้อยร้อยรัดอยู่กับขนบธรรมเนียมเหล่านี้  แต่เรื่องเวียนเทียนก็หายไปจากชีวิตในช่วงเรียนมัธยมปลาย  ซึ่งเป็นช่วงที่มาเรียนในตัวเมือง

ในชีวิตเคยลอยกระทงแค่ 3  ครั้งเท่านั้น.. ส่วนสงกรานต์ผมชอบเวลาที่ไปสรงน้ำพระพุทธรูปบนศาลาวัดมากเป็นที่สุด  แต่กลับไม่ชอบการเล่นน้ำทั่ว ๆ ไป

ยินดีด้วยนะครับที่มีโอกาสได้กราบนมัสการพระธาตุนาดู   และถ้าศึกษาประวัติแล้วก็ยิ่งน่าสนใจไม่แพ้ที่อื่น ๆ

ส่วนวิถีที่คนเข้าวัดนั้น  ก็ไม่แปลกหรอกนะครับที่คนในวัยหนุ่มสาวจะดูห่างเหินไปจากวิถีนี้...แต่สำหรับผมรับรู้อยู่อย่างหนึ่งที่มักกล่าวซ้ำเสมอมาก็คือ  "วัด  เป็นโรงเรียนดั้งเดิมของคนไทย"

ขอบคุณครับ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท