เมื่อวานนี้ที่ประชุมไม่เป็นทางการของทีมผู้บริหาร กรม อ คุยกันเรื่องบทบาทของสำนักที่ปรึกษาว่าควรเข้ามาดูแลงานต่างๆยังไง
พูดถึงบทบาทของสำนักที่เข้าไปดูแลงาน KM ของกรม และเกิดคำถามว่า สำนักที่ปรึกษา ควรมีบทบาทในการช่วยบริหารจัดการงานต่างๆมากน้อยเพียงไร
ผมเลยวิเคราะห์พร้อมเล่าความคิดตัวเองให้ฟังว่าที่มารับดูแลงาน KM ของกรมมีความเชื่อมาโดยตลอดว่างาน KM ต้องเข้าไปอยู่ใยกระบวนการทำงานของทุกหน่วยงาน
ถ้าการตั้งหน่วย KM ทำให้หน่วยงานต่างๆพากันนั่งรอให้หน่วย KM ทำ KM .ห้ก็คงจบกัน
ตอนนี้ที่กรม มีการตั้งหน่วย KM ก็เลยพยายามตั้งชื่อให้ชัดๆว่า สำนักงานสนับสนุนการจัดการความรู้ เพื่อให้ชัดเจนว่า สำนักนี้อยากเห็นทุกหน่วยงานย่อยใน กรม ทำการจัดการความรู้ในงานที่รับผิดชอบ โดยสำนักงานนี้จะสนับสนุนเต็มที่ แต่การบังคับบัญชาดูแลให้ทุกหน่วยงานมีการทำ KM จะเป็นหน้าที่ของทีมบริหาร กรมอ โดยท่านอธิบดี และท่านรองอธิบดีทั้งหลายแหล่
สำหรับสำนักสนับสนุน KM ถ้าเห็นว่าทุกหน่วยงานทำงานโดยมี KM inside (ภาษา อจ วิจารณ์) แล้ว ก็อาจจะสลายตัวไป และทีมงานของสำนักที่ปรึกษา ก็ไปทำงานอื่นต่อไป
ถ้าคิดแบบนี้ ก็จะไม่ตั้งสำนักถาวร และไม่ต้องไปคิดให้หนักหัวว่าจะอยู่กับกองไหนดี
ขอแวะเข้ามาทักทายคะ
ใจเย็นๆนะคะ มีอีกหลายคนที่ต้องให้เขารู้ว่า การจัดการความรู้คืออะไร เช่นเดียวกับพี่ๆในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกหลายท่านที่ทำงานด้านนี้เหมือนอาจารย์อะนะคะ
ขอส่งกำลังใจ ด้วยคะ
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ
แต่อยากบอกว่า ที่เขียนมาเพราะอยากแลกเปลี่ยนวิธีคิดว่าด้วย การจัดตั้งหน่วย KM เพราะดูจะเป็นเรื่องปกติที่หลายหน่วยงานคิดอยู่ หรือได้ทำไปแล้ว
และการพูดคุยเรื่องนี้ที่กรม อ ตอนที่ผมเล่าวิธีคิดให้ฟังก็เป็นบรรยากาศที่ดีมากนะครับ เพราะผมไม่ได้พูดแบบตัดพ้อต่อว่า และที่ประชุมก็เห็นด้วยกับที่ผมเสนอครับ
คิดว่า.....น่าจะมีความสำคัญในบทบาทที่แตกต่างกันครับ หน่วย KM ที่คุณหมอพูดถึงอาจจะยังคงมีความจำเป็นกับองค์กรน้องใหม่ ในกำลังตั้งไข่ทำ KM แต่คงไม่ใช่เข้าไปจัดการให้ ในขณะที่องค์กรที่ทำ KM อยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่สลายตัวไปรอหน่วยเข้ามาจัดการให้
ด้วยความเคารพ....
ขออนุญาตแวะมาทักทายครับผม
เพราะเป็นหน่วยสนับสนุน การจัดการความรู้ จึงเกิดการเคลื่อนไหว เต็มองค์กร อย่างที่เห็น จริงๆๆๆคะ
เป็นโจทย์ให้คิด ไม่ยาก /ไม่ง่าย