สุดยอด KM เพื่อพึ่งตนเองและพอเพียง : แบบ “ไม้ยืนต้น”


แม้ตายไปก็ยังสามารถเผาไหม้ให้ตัวเองได้ปลดปล่อยความอบอุ่น แสงสว่าง ส่องโลกไล่ความมืดให้ห่างออกไป เพื่อรอความสว่างที่แท้จริงของแสงอาทิตย์จะมาเยือนในวันต่อไป
 

ถ้ามีคนถามว่าสิ่งที่มีชีวิตใดที่มีการจัดการความรู้ อย่าง มหัศจรรย์ น่าทึ่งมากที่สุดในโลก ผมจะตอบแบบไม่ต้องคิดมากทันทีว่า สิ่งที่มีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดในโลกที่ผมเคยรู้จักมาก็คือ

  

ต้นไม้ โดยเฉพาะไม้ยืนต้นหลากหลายชนิดครับ

  

เพราะอะไรหรือครับ ทำไมผมจึงยกย่องต้นไม้เหนือสัตว์ เหนือคน เหนือมนุษย์ โดยทั่วไป ในการจัดการความรู้แบบ

  

·        พึ่งตนเอง พัฒนาตนเอง สร้างสิ่งแวดล้อมให้กับตนเอง รักษาตัวเอง แพร่ขยายพันธุ์ไปทั่วทุกแห่งทั่วโลก

 

·        เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผู้อื่น สังคมทั้งพืชและสัตว์สารพัดชนิด โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และรักษาพัฒนาสิ่งแวดล้อม

 

·        ไม่มีกิเลศ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่เคยโกรธแค้นใคร แม้ใครจะจ้องทำลายอย่างไรก็ไม่เคียดแค้น ขึ้งโกรธ อย่างมากก็ปกป้องตัวเอง มีหนาม มีพิษ ไว้ป้องกันผู้รุกราน ที่คนฉลาดเอาพิษเหล่านั้นมาแปลงเป็นยาได้อีก

 

·        เป็นทุน และเสียสละชีวิตตัวเองให้ผู้อื่นได้มีความสุข ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม้สร้างบ้าน สมุนไพร ไม้ฟืน แม้กระทั่งน้ำมันและพลังงานส่วนใหญ่ก็มาจากต้นไม้ในอดีต

 

จึงเรียกว่า ต้นไม้นั้นนอกจากจะทำให้ตัวเอง ลูกหลาน ได้รับประโยชน์ แล้ว ยัง

 

·       เป็นแหล่งพลังงาน ความอบอุ่น พลังงานในการย่าง หุง ต้มอาหาร และ

  

·        แสงสว่างให้กับโลกในยามมืดมิด

  

นี่คือ เหตุผลว่าทำไมผมจึงยกย่อง ต้นไม้

  • เป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิตที่ดี แบบพอเพียง และพึ่งตนเอง
  • เป็นประโยชน์กับทุกสรรพสิ่ง ทั่งเมื่อยามมีชีวิต และเมื่อตายไปแล้ว 
  • โดยไม่หวังคำนิยม ชื่นชม ยกย่อง หรือรางวัลใดๆทั้งสิ้น
 

โดยเฉพาะ

แม้ตายไปก็ยังสามารถเผาไหม้ให้ตัวเองได้ปลดปล่อยความอบอุ่น แสงสว่าง ส่องโลกไล่ความมืดให้ห่างออกไป เพื่อรอความสว่างที่แท้จริงของแสงอาทิตย์จะมาเยือนในวันต่อไป 

ผมจึงพยายามปลูกตันไม้สารพัดชนิด เท่าที่หาได้ (จนหลังบ้านผมเป็นป่าแล้วครับ)  

ผมพยายามทำบุญให้กับต้นไม้ และอยากจะมีชีวิตและทำประโยชน์ให้สังคมแบบต้นไม้ต่างๆ ครับ

 ท่านเห็นว่า  

1.    ผมควรจะไปเกิดเป็นต้นอะไรดีครับ

2.    พร้อมเหตุผลช่วยให้ผมตัดสินใจด้วยครับ 

ขอบคุณมากครับ

 

หมายเลขบันทึก: 80554เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2007 16:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 13:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
เรียนอ.แสวง เป็นต้นโพธิ์ค่ะ เพราะเป็นทั้งให้ร่มเงา และเป็นที่อยู่ของสัตว์หลาย ๆชนิด รวมทั้งเป็นต้นไม้มงคลและเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าค่ะ
ในระบบนิเวศสิ่งมีชีวิตต่างพึ่งพาอาศัยกันอย่างเกื้อกูลและสมดุล...แต่แล้วกลับมีสิ่งมีชนิดหนึ่งชื่อว่า "มนุษย์อาศัยความฉลาดและความโลภ"เข้าไปทำลายสมดุลนั้นเสีย...ในโลกนี้ถ้าไม่พูดจนเกินไป...คงมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์"กระมัง...ที่ไม่รู้จักพอเพียง...อาจารย์ทำให้ผมนึกถึงปราชญ์ชาวบ้านที่เรียนรู้จากธรรมชาติและพยายามจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ...เห็นบ้านใครมีต้นไม้เยอะเยอะแล้วรู้สึก "ออนซอน" อยากจะทำแบบนั้นบ้าง...^^

สวัสดีครับ ดร.แสวง

      น่าสนใจมากเลยทีเดียว ผมเองก็ชื่นชมต้นไม้มานานแล้ว ในแนวความคิดที่ไม่ต่างจากท่าน ดร.แสวง เช่นกัน ต้นไม้น่าชื่นชมเพิ่มเติมที่ผมสังเกตเห็นคือ

  • ได้ถูกปลูกหรืองอกเองขึ้นตรงไหนก็ต้องอยู่ตรงนั้น แล้วใช้ชีวิตตรงนั้นเพื่อเจริญงอกงามเท่าที่ทำได้และให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีระบบราก ระบบท่อลำเลียงและระบบสร้างอาหารแล้วระบบเจือจุนสิ่งแวดล้อม
  • ต้นไม้ต่างจากสัตว์เพราะไม่สามารถวิ่งหนีภัยธรรมชาติ การโค่นทำลาย หรือไฟป่าและอื่นๆ ได้ ต้องสร้างวิธีการป้องกันภัยให้กับตัวเอง
  • หากต้นไม้นั้นต้องงอกขึ้นในหน้าหนาวหรือในภูมิประเทศที่มีหลายฤดูกาล เค้าจะต้องปรับตัวเพื่อให้ชีวิตของเค้าอยู่ได้ทุกฤดูกาลอย่างฤดูหนาวก็ต้องจำศีลไม่มีการสังเคราะห์แสง ต้องมีการเก็บอาหารไว้ในลำต้นหรือส่วนอื่นของร่างกาย ก่อนจะสลัดใบทิ้งต้องตรึงไนโตรเจนหรือส่วนประกอบอื่นที่เป็นประโยชน์เก็บไว้ในลำต้นก่อนสละใบทิ้ง
  • มีระบบแบคอัพในการประกันชีวิตของตัวเองคือหากมีคนมาทำลาย หากไม่ทำลายจนถอนรากถอนโคนก็จะไม่ตายในทันที่ซึ่งต่างจากสัตว์หรือคนที่โดนยิงทีเดียวตายเลยในทันทีหรืออีกไม่นาน แต่ระบบการทนต่อสภาพของต้นไม้นั้นน่านับถือยิ่งนัก
  • ต้นไม้เป็นเสมือนห้องครัวหรือคนครัวของโลกใบนี้ โดยมีแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นแหล่งเชื้อเพลิงในการหุงต้มอาหารหลักประกอบกับน้ำที่รากหาได้และอากาศที่หายใจเข้าไปในการสร้างน้ำตาลมาหล่อเลี้ยงชาวโลก
  • คนส่วนหนึ่งบอกว่า ต้นไม้ไม่สามารถนิพพานได้แต่นั่นไม่น่าจะใช่ประเด็น แต่หากเราศึกษาต้นไม้แล้วผมว่าต้นไม้นี่ก็ไม่ธรรมดาไปกว่ามนุษย์เรา เพราะหากไม่มีต้นไม้คนก็จะไม่มีเช่นกัน เพราะคนสร้างอาหารเองไม่ได้
  • ต้นไม้จะเปรียบเสมือนเครืองสูบน้ำจากดินสู่ขึ้นชั้นบรรยากาศในยามที่ไม่มีแสงแดดและมีแสงแดด โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมต้นไม้จะช่วยได้เยอะมากๆ เพราะว่า 99%ของการดูดน้ำเข้าสู่รากเป็นการส่งขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งเปอร์เซนต์ เอาไว้สำหรับการสังเคราะห์แสง ลองคิดดูครับ เวลาพี่น้องอีสานน้ำท่วมแล้วไม่มีต้นไม้ น้ำจะไปไหนได้หากไหลลงไปยังที่ต่ำและไหลลงดินไม่ได้เพราะมันอิ่มตัวแล้ว
  • ต้นไม้จะดึงเมฆให้ลงมาอยู่ต่ำๆ หากไม่มีต้นไม้หรือป่าไม้ เมฆจะลอยมาแล้วลอยไปแล้วก็อยู่สูงมากๆจากพื้นดิน ถามว่าฟ้าฝนจะตกลงมาให้ชุ่มฉ่ำในหัวใจหรือครับ ดังที่ไปเที่ยวน้ำตกแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของน้ำตก จะเห็นน้ำไหลออกจากรากต้นไม้แล้วก็จะพบว่าฝนตกด้วยเมฆก็จะอยู่ใกล้ๆ ตัวเราฝนตกตลอดเวลา
  • คุณสมบัติของต้นไม้ ยากเกินจะบรรยายได้หมดในช่วงชีวิตนี้

สำหรับที่ท่านถามว่าจะเป็นต้นอะไรดี

คำตอบสำหรับความคิดของผมคือ เป็นต้นอะไรก็ได้ เพราะทุกต้นมีประโยชน์และคุณค่าของตัวเองเสมอ เหมือนการผสานในการทำหน้าที่ต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งต้องบูรณาการและมีหลายๆส่วนช่วยเหลือกัน และทำหน้าที่ร่วมกันเจือจุนกัน

สิ่งที่ผมเป็นห่วงต่อคนในโลกนี้คือ

  • การเข้าใจธรรมชาติและอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุลย์ ควรจะเป็นคำถามที่ทุกคนควรจะตระหนักและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  • หากประเทศเรามีต้นไม้เยอะๆ หรือในโลกนี้มีต้นไม้เยอะๆ เราจะเจอปัญหาหนักๆ อย่างน้ำท่วม โลกร้อน ได้เร็วอย่างตอนนี้หรือเปล่าครับ อีสานเราก็ปลูกต้นไม้ได้นะครับ เพราะมีประเทศในแถบทะเลทรายเค้าก็ปลูกให้เราเห็นแล้วว่าทำได้ ดังนั้นเราไม่ได้มีทะเลทรายเราก็ปลูกได้ทำได้แน่นอน หากคนแต่ละคนทำได้กันแค่ซักสิบหรือห้าเปอร์เซนต์ของ คุณลุงสงัดและดาบตำรวจ วิชัย ก็คงดี มีต้นไม้ก็มีอาหาร มีอาหารเหลือก็มีอาชีพ
  • หากปีนี้พายุพัดพาเข้าอีสานหรือประเทศไทยอย่างปีก่อน ซักห้าลูกติดต่อกัน ถามว่าเรามีต้นไม้เพียงพอจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้หรือยัง ดูตัวอย่างพายุปีที่แล้ว  ได้ที่นี่ครับ (พายุช้างสาร ปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว)

ผมขอเขียนแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไปครับ หวังว่าคงได้ถกและแลกเปลี่ยนแนวคิดกันอีกนะครับ มีไรก็เชิญที่บล๊อกผมได้เช่นกันครับ ยินดีต้อนรับครับ

ขอแสดงความนับถือ

สมพร ช่วยอารีย์

คุณรานีครับ

ขอบคุณครับ ผมปลูกต้นโพธิ์ไว้แล้ว ๒ ต้น หัวนา ท้ายนาครับ อย่างน้อยจะได้นอนใต้ต้นโพธิ์ครับ จะทำที่นั้งเล่นไว้ด้วย ตอนนี้ก็เริ่มมีการไปขอหวยแล้วครับ

แต่คงไม่มีบุญถึงตรัสรู้หรอกครับ

คุณชอลิ้วเอียง

ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ

ใครว่าสัตว์ใดเป็นสัตว์ล้างโลก ผมว่าน่าจะเป็นคน หรือว่ากลับกัน คนทำให้โลกสกปรก ใช่หรือเปล่าครับ

คุณสมพรครับ

เขาว่าระบบการปลูกยางนี่ทำลายระบบนิเวศน์จริงหรืเปล่า ผมทำงานกับกลุ่มเกษตรกรทีปลูกยางแบบผสมผสานพืชหลากชนิด เขาว่าดีกว่า อย่างน้อยก็ความรู้สึกครับ

แต่ตอนนี้ทางอีสานมีการทำลายป่าเพื่อปลูกยาง แบบแทบจะราบเรียบครับ ไม่ทราบว่ามีคำตอบเชิงวิชาการที่จะมาหยุดยั้งกระบวนการทำลายนี้ได้ไหมครับ

เรียน อาจารย์ ดร.แสวง รวยสูงเนิน

  • ต้นไม้เป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง เป็นผู้ผลิตที่มีความสำคัญในระบบนิเวศน์  และห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องฟื้นฟู และอนุรักษ์ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับคนรุ่นปัจจุบัน และรุ่นหลัง
  • ต้นไม้เป็นทุนนั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ครั้นเมื่อปีที่แล้วผมเคยได้ยินครับว่ารัฐบาลมีโครงการปลูกไม้ใช้หนี้ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นโครงการที่ดียิ่ง น่าจะเป็นประโยน์ต่อพี่น้องเกษตรกร และผมคิดว่ามีความเป็นไปได้หากภาครัฐให้ความสำคัญ และเอาจริงเอาจัง ซึ่งจะปลูกต้นอะไรก็ได้ที่มีการเจริญเติบโตดี  และให้ผลผลิตเร็ว ภายในระยะเวลาที่ทันต่อการใช้เงิน และหนี้ เช่น ต้นยูคาลิปตัส ต้นอคาเซีย  หรือต้นอื่นๆ ที่คิดว่ามีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่
  • สำหรับในระบบเกษตรกรรมแบบประณีตนั้นเป็นอีกระบบหนึ่งที่มีการส่งเสริมการออมต้นไม้เพื่อให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต เพราะต้นไม้เป็นทุนที่สำคัญในการสร้างที่อยู่อาศัย และการใช้ประโยชน์อื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ยางนา แดง ตะเคียน หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสมของพื้นที่
  • ดังนั้น คำถามที่อาจารย์ถามมานั้นผมเห็นว่าการที่เราจะเกิดเป็นต้นอะไรนั้น จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพียงแต่ว่าเกิดมาแล้วสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง อีกทั้งสามารถเกื้อกูลกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้อย่างไร

ด้วยความเคารพ

อุทัย   อันพิมพ์

เรียน ดร.แสวงครับ

     การปลูกยางนั้นจริงๆ แล้วก็สู้การปลูกป่าไม่ได้หรอกครับ แต่ก็ยังดีกว่าการถางป่าทำลายป่าแล้วปลูกพืชล้มลุกแทน เนื่องจากเรามองยางเป็นพืชเศรษฐกิจเลยปลูกกันใหญ่ แต่การทำลายป่าเพื่อมาปลูกยางนี่ผมไม่สนับสนุนเลยครับ ลองคิดดูครับ หากมีภูเขาป่าหนาแน่นแล้ววันหนึ่งเป็นภูเขาหัวโล้น แล้วเอาสวนยางไปใส่แทน แล้ววันหนึ่งก็โค่นแล้วก็รออีกสี่ห้าปีกว่าจะเป็นต้นยางหรือว่าป่ายางอีกที ผมว่าในเชิงนิเวศน์แล้วเป็นการทำลายธรรมชาติครับ

      สำหรับการปลูกยางในที่ทั่วไปที่โดนทำลายไปแล้วหรือไม่มีป่าแล้วนั้น ก็อาจจะเป็นการช่วยเสริมระบบนิเวศน์เพิ่มขึ้นครับ ประมาณว่าหากมีป่าหนาแน่นก็สมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซนต์ พอกลายมาเป็นสวนยางก็ผมให้ความเป็นป่าแค่ 50-70% คุณภาพของความเป็นป่าลดลง สำหรับพื้นที่ที่ไม่เป็นป่า ก็มีความเป็นป่า 0% แล้วมาปลูกยางก็ได้ความเป็นป่าเพิ่มเป็น 50-70% อะไรประมาณนี้ครับ

     หากจะเอากันจริง ต้องเอาเครื่องมือไปติดตั้งไว้ที่ยอดป่าและยอดสวนยางครับ แล้ววัดค่าออกมาดูครับ รับรองว่าค่าความชื้นอะไรพวกนี้ ต่างกันแน่นอนครับ

     สำหรับคนที่มีที่ดินว่างเปล่าหากจะปลูกยางก็ในช่วงที่มีการปลูกยางก็ควรมีพืชอื่นผสมไปด้วย อันนี้สนับสนุนครับ เพราะจะมีรายได้อื่นเสริมให้อยู่ได้ก่อนยางจะถึงเวลาให้ผลผลิต สำหรับการปลูกผสมผสานนั้นก็ดีนะครับ

     ทำไมผมให้ความเป็นป่าลดลงตามเปอร์เซนต์เพราะว่า ปลูกป่าเราไม่ได้วางกฏเกณฑ์เหมือนปลูกยางที่จะให้มันต้องปลูกเป็นแถวเป็นแนว ส่วนป่านั้นมันจะผสมหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกันเป็นป่า แน่นอนว่ามันจะเขียวตลอดปีแน่ๆ ในความเป็นป่า แต่ยางนั้นมีการผลัดใบครับ ความชุ่มชื้นของผืนป่าหายไปแน่นอนอย่างน้อยก็สองสามเดือนแล้วแต่พื้นที่

     สำหรับการปลูกป่าที่แท้จริง จริงๆ แล้วเราก็ปลูกต้นยางแซมได้ครับ อย่างเมื่อก่อนเรามีต้นยางที่กรีตกันในป่าแบบผสมผสานแบบมันงอกตามธรรมชาติขนาดต้นเส้นรอบวงเท่ากับหนึ่งคนโอบเลยทีเดียวครับ เราจะกรีตหนึ่งในสามนี่รอยแผลยาวเป็นหนึ่งฟุตเลย แต่ปัจจุบันจะหาดูได้จากที่ไหนเมื่อเปลี่ยนมาเป็นสวนยางแบบสวนยางล้วน

ผมตอบไม่แน่ใจว่าเข้าหลักวิชาการหรือเปล่านะครับ มีความเห็นใดผมยินดีรับฟังครับผม

ขอบพระคุณมากครับ

สมพร

ขอบคุณครับ

ผมทราบว่าคุณสนใจด้านนี้ คาดว่าจะมีข้อมูลเชิงลึกครับ โดยเฉพาะ modelling ครับ

อยากทราบจริงๆครับ

เรียน ดร.แสวงครับ

       คิดว่าตอนนี้ ดร.พูนพิภพ ที่ ม.เกษตรศาสตร์กำลังวิจัยเกี่ยวกับยางพาราอยู่เหมือนกันครับ มีเครื่องมือวัดค่าพารามิเตอร์จากสิ่งแวดล้อมด้วยครับ คิดว่าน่าจะมีข้อมูลในเชิงลึกกว่านี้ครับ ตอนนี้ผมก็ทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อยู่เหมือนกันครับ แต่ยังเป็นกับพวกต้นไม้หรือพืชล้มลุกอยู่ครับ แต่ต้องพัฒนาอีกไกลครับ กว่าจะได้ใช้จริงแต่พอเข้าใจระบบการทำงานของต้นไม้อยู่บ้างแต่ไม่ทั้งหมดครับ ผมเลยชอบและรักต้นไม้แล้วผมคิดว่าต้นไม้นี่มีสมองหรือเปล่า หากมีตรงไหนคือที่อยู่ของสมอง หากต้นไม้ไม่มีสมอง คนเรามีสมองน่าจะเข้าใจต้นไม้ได้ดีด้วยและเรียนรู้ธรรมชาติและอยู่กับธรรมชาติอย่างเข้าใจ การปลูกพืชแบบผสมผสานนี่นะครับ ท่าน ดร.แสวงก็ทราบครับ ว่ามันจะช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างกันด้วยครับ เพราะฉะนั้นเวลาปลูกไรลงไปหากเราเข้าใจการช่วยเหลือกันและกันของพืชที่ปลูก เราอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีไล่ศัตรูพืช หรือวัชพืชเลยก็ได้

ข้อมูลงานเพิ่มเติมพี่ผมทำดูได้ในลิสต์เว็บใน profile ผมนะครับ วันหนึ่งคงได้ร่วมมือหรือพบพูดคุยกันบ้างครับ ตอนนี้ผมยังอยู่ในเยอรมันเลยครับ ปีนี้คงได้กลับซักทีครับ

ขอบคุณมากครับ

สมพร

เรียน อ.แสวง  ที่เคารพ

  • อ.เหมาะที่จะเกิดเป็นต้นกล้วยครับ
  • ด้วยเหตุที่ต้นกล้วยเป็นต้นไม้ที่มีวิถีชีวิตของเขาน่าสนใจและมีคุณค่าตั้งแต่เกิดจนตาย และทุกส่วนของต้นกล้วยก็ล้วนให้คุณค่าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง
  • โดยเฉพาะการเสียสละแม้ชีวิตของตัวเอง เพื่อที่จะสร้างสรรสิ่งใหม่ รูปแบบใหม่ที่ยังคงรักษา องค์ประกอบที่สำคัญไว้ต่อไป

ขอบคุณครับ ต้นไม้ทุกชนิดมีคุณค่ากับตัวเองแน่นอนครับ

สำหรับคุณค่าทางสังคมนั้นก็แล้วแต่คนฉลาดจะค้นหาครับ

คนโง่มักไม่สนใจว่ามีหรือไม่มีประโยชน์ จะทำลายเพียงอย่างเดียวครับ

เป็นทุกระบบครับ

P

 

I have been standing for ages,

I wish to live for you.

Do not chop me, I am yours.

I wish to give you something in the future.

I am milk and water for you.

I am thick shade and showers.

I manufacture soil and manure.

I wish to give you foodgrains.

Some of my kind bear fruits.

They ripen for you.

I wish to ripen with sweetness.

I wish to bow down for you.

I am the pleasant season.

I am spring. I am the rains.

I am with Earth and Life.

I am with Earth and life.

I am everything for you.

Do not cut me, I have life,

I feel pain, so my name is tree.

Rolling of logs will create landslides

Remember, I stand on slopes and below is the village.

Where we were destroyed,

Dust is flying, there.

The hilltops have become barren,

All the water sources have dried up.

Do net cut us, save us.

Plant us, decorate the Earth.

What is ours is yours.

Leave something for posterity.

Such is the Chipko movement.

....     Hinduism and Ecology : Seeds of Turth

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท