เจอแต่ Information management ที่คิดว่าตนเองเป็น K M


I 2 I หรือ I 2 K กันแน่

I = Information  ต่างจาก  K = Knowledge  เยอะเลยนะครับ

ขอสังเกต

  • I   เดินทาง ผ่านออกทางปาก ทางหนังสือ   จาก คนสู่คน แต่ K ผ่านไม่ได้    เพราะ คนรับ I  ต้อง ลงมือทำ  จึงจะ พบ K 
  • ที่นั่งล้อมวงทำ AAR กัน   สิ่งที่ได้ คือ K  ภายในใจ   คือ กำลังใจ  รู้นิสัยตนเอง  ได้ I เพื่อเอาไปทำ  ฯลฯ อย่า เอาแต่ จด I  (ที่เข้าใจผิด คิดว่าเป็น K)
  • คนทำ จะเจอ K  แต่ พอ คนทำ พูด K ออกมา  K ---> I  ทันที
  • K ภายใน คือ  การปรับสันดาน  ให้เป็น คนดี คนทำงาน คนมีประโยชน์ และ รวมไม่ถึง K ที่ดีที่สุด คือ การพ้นทุกข์อย่างถาวร     แต่ K ภายนอก  คือ  ความรู้ที่เป็น โลกียปัญญา  ไม่ทำให้ดับทุกข์ได้สนิท  อาจจะ ทำให้โลกร้อน (Global warming) อาจจะทำให้ โลภ โกรธ หลง   ฯลฯ
  • สถานศึกษา  เป็นแบบ I  เยอะมากๆ 
  • เกลียวความรู้   ถ้าทำผิดธรรมชาติ   จะได้  I 
  • เกลียวความรู้  ถ้าทำถูกต้อง  คนในวงสนทนา  จะ รู้ "กาย เวทนา จิต ธรรม" ของตน   แล้ว เปลี่ยน Paradigm ของตนได้  ไปค้นพบตนเอง  ทิ้งสันดานชั่วๆออกไป  ฯลฯ  ขณะร่วมสนทนา หรือ หลังจากสนทนาไปแล้วก็ได้
  • KM ถ้าทำแล้ว  ไม่มีความสุข  ทำแล้วไม่ทำให้คนในองค์กรสันดานดีขึ้น   ทำแล้ว ผู้บริหาร และ ผู้ประเมิน  ยังมีสันดานชั่วอยู่  ไม่มีความสุข ฯลฯ  แสดงว่า  เป็น IM  ไม่ใช่ KM  ......  เป็น "ของปลอม"  ไม่ใช่ "ของจริง"

 

 

หมายเลขบันทึก: 79736เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2007 21:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 00:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)
  • ได้เข้าใจ KM อย่างลึกซึ้ง และเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของ KM เลยค่ะอาจารย์ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความนี้ค่ะ KM ถ้าทำแล้ว  ไม่มีความสุข  ทำแล้วไม่ทำให้คนในองค์กรสันดานดีขึ้น   ทำแล้ว ผู้บริหาร และ ผู้ประเมิน  ยังมีสันดานชั่วอยู่  ไม่มีความสุข ฯลฯ  แสดงว่า  เป็น IM  ไม่ใช่ KM  ......  เป็น "ของปลอม"  ไม่ใช่ "ของจริง"

อ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจเลย   อาจจะทำให้ผู้อ่านบางท่านเกิดความรังเกียจ information หรือเห็นเป็นของไม่ดี   แต่การทำงานเราก็ต้องใช้ข้อมูลตลอดเวลา  ร่วมกับการใช้ความรู้ในการทำงานนั่นเอง

information ก็เป็นของจริง และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานเช่นกันครับ

 Ice Fishing ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสสัมผัส เครื่องมือ KM ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ มาสองปีกว่าๆ

หลายหน่วยงานได้คะแนน จาก กพร แล้วก็เลิก หาย หลีก หนี จากการติดตาม ว่ามีความสุข หรือ ความทุกข์ หรือ การพัฒนาที่เกิดเป็นรูปธรรม ได้ชื่อแต่ว่า "มี KM แล้ว"

 Format KM + Natural KM นำมายำรวมกันเป็น THAI KM เติมเต็ม เพื่อพัฒนา ตน ฅน งาน และ องค์กร ให้เกิด

 "องค์กรเปี่ยมสุข ทำงานรุกไปข้างหน้า" น่าจะดีครับ

ท่านอรหันต์ KM ครับ

ได้ I ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยครับ

โดยเฉพาะในกลุ่ม "เจาะแจะศาสตร์" (อยากย่อว่า JJ เทคนิค ก็มีท่านJJใช้ไปซะแล้ว ขอเป็น "JJS" ก็แล้วกันครับ

ผมพยายามสะกิด สคส ก็โดนหมาเฝ้าบ้านเห่าเอาว่า JJS เป็นการทำเพื่อ "มิตรภาพ"

ผมว่า ไม่ต้อง JJS ก็สร้างมิตรภาพได้ครับ

จะบอกหรือถามหมาเฝ้าบ้านก็กลัวโดนกัด ไม่กลัวหมาหรอกครับ กัดผมไม่เข้าหรอก แต่กลัวติดโรคกลัวน้ำครับ เพราะติดแล้วต้องไปกัดไม่เลือกหน้าอีก โรคกลัวน้ำจะระบาดไปกันใหญ่

ยังไง IM ดีกว่า VM (V= ว่างเปล่า แบบสมองกลวงนะครับ ไม่ใช่ว่างแบบอรหันต์นะครับ)

แต่ KM ดีกว่าแน่นอนครับ

ทำไมต้องใช้คำว่า หมาเฝ้าบ้าน ไม่ทราบค่ะ ดร.แสวง

ขอบคุณครับอาจารย์
   ชัดแจ้ง แดงแจ๋ และเป็นเรื่อจริงที่หมักหมมมานานมากแล้ว ในระบบการศึกษา  ท่องจำ I กันเหมือนบวงสรวงเซ่นไหว้เทวดา สอนกันมานานนักหนา  แต่ได้แค่ไม่ถึง K ...  
   รู้ไว้ใช่ว่า  ใส่บ่าแบกหาม จนบ่าทรุด ไหล่จะหลุด แต่ก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ค่อยได้ หรือทำได้ก็ด้วยปัญญาอันน้อยนิด .. KM  แท้ไม่กลับมา ผมว่า ชาวพาราจะย่อยยับ เป็นแน่ครับ

ฝากเรียนดร.แสวงว่า ประโยคนี้ 

"ผมพยายามสะกิด สคส ก็โดนหมาเฝ้าบ้านเห่าเอาว่า JJS เป็นการทำเพื่อ "มิตรภาพ"

ผมว่า ไม่ต้อง JJS ก็สร้างมิตรภาพได้ครับ

จะบอกหรือถามหมาเฝ้าบ้านก็กลัวโดนกัด ไม่กลัวหมาหรอกครับ กัดผมไม่เข้าหรอก แต่กลัวติดโรคกลัวน้ำครับ เพราะติดแล้วต้องไปกัดไม่เลือกหน้าอีก โรคกลัวน้ำจะระบาดไปกันใหญ่"

ดูเป็นการเปรียบเทียบในลักษณะดูถูกดูแคลนและหมิ่นหยามน้ำใจ "หมาเฝ้าบ้าน"นะ
แค่ท่อนแรกยังพอยอมรับความหยาบได้ แต่ท่อนสุดท้ายที่ลามไปถึงโรคกลัวน้ำนั้น คิดว่าดร.แสวงควรจะต้องพิจารณาตนเองว่า ใช้ถ้อยคำได้สมควรแล้วหรือ

น่าเสียดายความคิดดีๆที่มีเสมอมา หากแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแต่มีมารยาท น่าจะดีกว่านี้มาก

อาจารย์แสวงดุจังนะครับ ถ้าอาจารย์ไม่พอใจระบบนี้แล้วใช้คำพูดเช่นนี้ ผมขอเชิญอาจารย์ไปใช้บริการ exteen.com ครับ
  • เห็นด้วยกับท่าน ครับ I ย่อมต่างจาก K แน่นอน แต่จะมี K ได้ก็ต้องมี I ก่อน นั่นก็แน่นอนไม่ใช่หรือ ?
  • บริการ Gotoknow เปิดกว้าง เป็นสาธารณะ แต่ละคนก็มีจริตของตนเอง ในที่สุดก็จะแยกกลุ่มกันเอง
  • บริการ Blog มีอยู่มามายในโลกไซเบอร์  เลือกตามจริตของท่านดีกว่าครับ
P
ดร. แสวง รวยสูงเนิน เมื่อ พฤ. 15 ก.พ. 2550 @ 13:26 (165000)

คุณวุฒินันท์ครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ครับ

ตำแหน่งและยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ไม่ได้เป็นเครื่องชี้บ่งระดับภูมิปัญญาหรอกครับ

เราวัดกันที่ "กึ๋น" ครับ อันนี้ภาษาไทยกับฝรั่งตรงกันพอดี (ฝรั่งใช้ "gut" ครับ)

ใน gotoknow เราควรจะทำอย่างมีประโยชน์ ต่างจากวัยรุ่นครับ

บังเอิญคำว่าวัยรุ่นนั้น ดร. จันทวรรณ ใช้อายุ งาน และภาษานำเสนอ เป็นตัวแยก โดยไม่พิจารณาพฤติกรรมในระดับภูมิปัญญา ก็คงมีหลุดๆ ไปบ้างแหละครับ

บางคนก็เข้ามาเขียนแบบวัยรุ่น เจาะแจะศาสตร์ ไปวันๆ แต่ด้วยตำแหน่ง หน้าที่ วัย ทำให้ผู้ดูแลระบบอย่าง ดร. จันทวรรณ ไม่กล้าแตะ บางครั้ง ดร. จันทวรรณ ก็ยังร่วมสังฆกรรมเจาะแจะศาสตร์ กับเขาไปด้วย ก็เห็นอยู่บ่อยๆ

อย่างว่าแหละครับ คนมีอำนาจควบคุมจะทำอะไรก็ไม่รู้จะมีใครกล้าไปตอแย เลยกลายเป็นถูกไปหมด โดยปริยาย แหละครับ

ระดับความความเข้าใจคือสิ่งที่เรานำมาแลกกันครับ ถ้าเข้าใจเท่ากันไม่ต้องแลกก็ได้ครับ ไม่ค่อยได้ประโยชน์

คำว่าระดับนั้น จะไม่มีใครเท่ากับใครในทุกเรื่อง จึงกลายเป็นการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

อย่ากลัวว่าจะผิด ขอให้เพียงนำเสนอตรงไปตรงมาก็พอแล้วครับ

อ้างจากบันทึก: http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/78633

ขอเรียนด้วยความเคารพในความคิดดีๆของดร.แสวงที่มีต่อการใช้งาน GotoKnow เสมอมา เช่นเดียวกับคุณ"รับไม่ได้"ค่ะ ว่า ไม่เห็นด้วยและรู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่ดร.แสวงใช้เพื่อเปรียบเทียบผู้ดูแลระบบเช่นที่เห็น

เชื่อมั่นว่า GotoKnow คือที่เปิดกว้างให้เราถ่ายทอดตัวตนของแต่ละคนตามที่ตัวเองเป็น อย่างอิสระ

แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแสดงคำพูดที่ไม่เคารพตัวตนของผู้อื่นเช่นที่ดร.แสวงใช้ รวมทั้งรู้สึกเสียใจแทนเป็นอย่างยิ่งต่อการเปรียบเทียบไปถึงโรคกลัวน้ำ การกัด และอื่นๆ

ขอเป็นกำลังใจและยืนยันว่า จะช่วยเหลือและอุทิศตนเพื่อช่วยกันทำให้ GotoKnow เป็นที่ซึ่งเราทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีหัวโขน แต่สุภาพและให้เกียรติคนทุกคน และขอแสดงความเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทำร้ายความรู้สึกของคนที่ทุ่มเทพลังกายพลังใจให้ GotoKnow เป็นอย่างยิ่งเสมอมาค่ะ

ป่านนี้ ดร.แสวงน่าจะไปเปิด blog ที่อื่นแล้วครับ webmaster ที่อื่นน่าอาจจะเปิดโอกาสให้ท่านใช้คำพูดอย่างที่ท่านอยากใช้ได้มากกว่าที่นี่แน่นอนครับ

เดี๋ยวเราอาจจะทำบันทึกรวมฮิตเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ ดร.แสวง ไม่ว่าจะเป็นในห้องงานมหกรรมฯ ที่ตะคอกใส่ผมแม้ผมจะพยายามอดทนพูดดีด้วย 

อีกทั้ง email ต่างๆ ที่พยายามยั่วพวกเรา รวมทั้งความคิดเห็นที่หาเรื่องพวกเราตามที่ต่างๆ ด้วยภาษาที่ไม่น่าเชื่อ

คิดว่าอาจมีการสัมภาษณ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ประกอบด้วย เป็นบทรายงานของเหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะเจอ

ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นบันทึกที่ดีในการแสดงความรู้สึกของผู้ใช้คนหนึ่งที่เริ่มต้นจากการที่เปลี่ยน email address ไม่ได้แล้วลุกลามไปได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้ผมไม่ใจเย็นเหมือนในงานมหกรรมฯ แล้วนะครับ ผมเชิญ ดร.แสวงไปเขียนที่อื่นจริงๆ ครับ

ดร.แสวงเป็นคนแรกที่กล้าตะคอกใส่ผม และเป็นคนแรกที่กล้าเรียก ดร.จันทวรรณ ว่าหมาเฝ้าบ้าน เพียงเพราะเรื่องการใช้งานเว็บไซต์

เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ บอกใครก็คงไม่เชื่อ

ผมไม่ขอเรียก ดร.แสวงด้วยคำไม่สุภาพตอบนะครับ แต่ต้องขอว่าถ้าจะใช้คำพูดเช่นนี้ อย่ามาเขียนที่นี่อีกเลยครับ

ตอนนี้เราหยุดเพิ่มความเห็นที่เกี่ยวกับ ดร.แสวงดีกว่าครับ เพราะอย่างไรพื้นที่ comments นี้ก็เป็นของ "คนไร้กรอบ" ครับ

เรียน ผู้ดูแลระบบ

ถ้าผมจะใช้คำแรงเกินไปก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน มันก็แค่คำเชิงเปรียบเทียบเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรตามตัวคำพูดนั้นเลย

ผมเพียงรู้สึกว่า เรากำลังหลงทางกันหรือเปล่า และพยายามสะกิด แบบไม่เคยคิดจะประสงค์ร้ายกับใคร เพียงแต่ใช้คำที่ท่านรับไม่ได้ แต่ความหมายก็คือผู้ดูแลระบบ ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลยครับ

ผมมองเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ได้ระวังคำพูดเท่าที่ควรครับ

ขอโทษอีกครั้งครับ

 

ลองไปเรียกผู้ดูแลระบบที่อื่นในคำเปรียบเทียบแบบนี้บางทีเขาอาจมีผลตอบรับที่ต่างกับเราก็ได้นะครับ

ดังนั้นผมยืนยันว่าผมเชิญท่านไปเขียนที่อื่นครับ และผมไม่ตอบความท่านต่อแล้วนะครับ

กะระณียะเมตตะสุตตัง

กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ สักโก อุชู จะ สุหุชู สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ อัปปะ

คัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโ ธ นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร

กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ

สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา เย เกจิ ปาณะภู ตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา ทีฆา วา เย

มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา ทิฏฐา วาเย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา นะ ปะโร ปะรัง

นิกุพเพถะ นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นังกิญจิ พยาโรสะนาปะฏีฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ มาตา

ยะถานิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข เอวัมปิ

สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง เมตตัญจะ สัพพะ โลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน กาเมสุ

วิเนยยะ เคธัง นะหิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ ฯ

___________________

เรียน   ผู้ผ่านมา เมื่อ อ. 20 ก.พ. 2550 @ 22:42 จาก 124.157.132.54

ก็ต้องขอขอบคุณ ที่แนะนำครับ

เอาเป็นว่า อย่ารังเกียจ I เลย   เพราะ I เป็นเสมือน "สายไฟ"  "ท่อน้ำ"   "บ่อน้ำ"   ส่วนน้ำ คือ K

หากไม่มี ภาชนะ  ไม่มี อ่าง โอ่ง บ่อ   สาย  ท่อ   ฯลฯ  K ที่ได้  ก็เป็น น้ำพุ  ที่พุ่งออกมา  และ แห้ง ระเหย หายไป

แหล่งน้ำ  ที่ไม่มี I    ก็คงไม่ดีเหมือนกันเนอะ

เมฆฝน  กลั่นตัวออกมา จนได้ K   เมื่อหล่นลงมา ก็ต้อง  มี I มารองรับ

เอาเป็นว่า   ใช้ วงจร   K - I - D - K   จะได้ สบายใจ

 

 

   ท่านผู้รู้บอกว่าถ้าชมขอให้รีบชมแต่ถ้าจะวิจารณ์ขอให้ไปนอนคิดอีกซักคืนค่ะ      ผู้บริหารคงเห็นเป็นกรณีศึกษานะคะ  
  • อ่านบทความของท่าน
    P
    ตอนแรกกะว่าเป็นทฤษฏีหนึ่งที่น่าสนใจมากๆเลยครับ
  • แล้วมาจบได้สวยครับ
  • หากผมมองแบบนี้จะพอได้ไหมครับ
    Data --->Process--->Information---->Internal Process -->{Information, Knowledge} เป็นผลลัพธ์ที่จะออกมาเป็นได้ทั้ง I, หรือ K ก็ได้
  • เพราะก่อนจะเป็น I ได้ควรจะมาจาก กระบวนการแปลงข้อมูลเป็น I สารสนเทศก่อนใช่หรือเปล่าครับ
  • คำถามคือ หากเอา I เข้าไปแล้วออกมาเป็น K ,แล้วหากพูด K ออกไป, K จะเป็น I เสมอไปไหมครับ หรือว่าเราเอา I, K เข้าไป เพื่อไปผ่านกระบวนการในหัวเรา เพื่อให้ออกเป็น K ที่ผ่านการพิสูจน์และทบทวน ได้ไหมครับ
  • กราบขอบพระคุณมากครับ
พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหายพุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

พุทธะ นะปลง สัพพะโร นะมะ นะปลง โยวาสะ วะหาย

 

ด้วยความเคารพครับท่านผู้ดูแลระบบ

เหตุการณ์เหล่านี้ถ้าเป็นเหตุการณ์ใน managerroom.com อ.วรภัทร์ คงไล่ให้ไปดูจิตกันสนุกแล้ว

ผมไม่ใช่นักวิชาการ เรียนไม่เก่งแต่ผมไม่เห็นว่า ดร.แสวง ไม่สุภาพตอนไหน แรกๆที่ท่านพุทธทาสแสดงปาฐกถาที่ตรงไปตรงมา ก็ด่ากันขรมครับ ผมว่าไม่น่าไล่ท่านนะครับ

open up open up

ธรรมะสวัสดีครับ

อ้อ กราบสวัสดี ดร.วรภัทร์ด้วยนะครับ ผมติดตามงานของท่านมาพอสมควร ครับ

คาถาของท่านเด็ดจริงครับ เหมือนเด็กที่ทะเลาะกันโดนขนาบทั้งคู่ครับ

ด้วยความเคารพครับ

สาธุ

 ร่วมกู่สร้างสรรค์ รวมพลังสร้างสังคม ร่วมกันนะครับ

  1. อ่านแล้ว...สงสัยต้องกลับไปทบทวนตัวเองว่า เรา D หรือ I หรือ K
  2. ไม่ค่อยรู้เรื่อง KM ตามหลักซักเท่าไร แต่แปลได้ว่า การจัดการความรู้...ถ้าว่าตามหลักคงจะมีกระบวนการ 1 2 3 4...
  3. คงเป็นข้อจำกัดของผมและคิดว่าใครอีกหลายคน...เหมือนทำการบ้านส่งอาจารย์เลย ถูกบ้างผิดบ้าง...ตามหลักของผู้ตรวจที่มีหลักการเหนือกว่า...
  4. ได้มาอ่านครั้งนี้ ก็ได้รู้ว่า KM นี่มันล้ำลึกและยากกว่าที่คิด...จะพยายามทำให้ได้ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงครับ
บ้านนี้มีคนอยู่อาศัยกันมาก เป็นธรรมดา ยอมต้องมีความไม่เข้าใจกันด้วยสาเหตุใดก็ตาม เราก็เป็นคนบ้านเดียวกัน อยากให้บ้านนี้มีแต่ความรัก K = I + < ไม่มี I ก็ไม่มี K ไม่มี K ก็ไม่มี I ทั้งสอง มาด้วยกัน ไปด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย

KM เป็นวิชาที่ไม่ใช่แค่ยากนะครับ   ยากสุดๆเลย

สมัยก่อน ผมทำ ISO / TQM  ใช้เวลาไม่กี่เดือน  ตะลุยทำสัก สี่ ห้า องค์กร  ก็พอจะจับ จุดอ่อน จุดแข็งได้

แต่ พอทำ KM   ตอนนี้ จะร่วม ปีที่ ห้า  แล้ว   ผมว่า ผมยัง เข้าใจ KM ได้ ไม่เท่าไร

จะตอบแบบทางโลกว่า กี่ เปอร์เซนต์  ก็ตอบยาก  เพราะ มองไม่เห็น ปลายทางเลย

ตอบทางธรรม   ผมว่า KM  นี่แหละ  เป็น พุทธศาสตร์ ก็ได้  คริสต์ศาสตร์ก็ได้  ศาสนศาสตร์ ของทุกศาสนาก็ได้ (ยังศึกษาไม่ครบทุกศาสนา)

ยิ่งทำ KM จะ ค้นพบ

  • ตนเอง   รู้สันดานตนเอง  เช่น บ้าอำนาจ  โลภสอน เอาเปรียบ  อยู่ในกะลาของตนเอง  เอาแต่อ่านๆๆๆ คิดๆๆๆ ไม่ลงมือทำ ฯลฯ
  • ยิ่งอยากจะแก้คนอื่น ยิ่งคนพบว่า แก้ตนเองจะยากกว่า   รีบแก้ตนเองก่อนดีกว่า
  • โลกนี้ ไม่เป็นไปแบบสุดโต่ง  มันผสมผสานกัน  เรา คอกแบบ "แยกส่วน"มานาน  จน ไม่เข้าใจ เรื่องของ "ผสมผสาน" หรือ "องค์รวม"    ดังที่ Senge พยายามให้เรา เข้าใจเรื่องของ  Complexity
  • ฯลฯ

ผม  ก็ เข็มขัดสั้นไปหน่อย   ไม่นึก  ว่าบันทึกนี้  จะเป็น Talk of the town ไป 

แต่  ก็ได้เรียนรู้   เพราะ  ไม่มี ใครผิดใครถุกครับ

"เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน  การทดลอง การฉุกคิด จึงเกิดขึ้น"   นี่แหละ  พัฒนางาน พัฒนาใจ   ควบคู่กันไป

  • แวะมาเก็บ I อีกรอบครับ แต่ไม่รับรองจะได้ D อะเปล่า ?.....อิอิ
  • เป็น Talk of the month ไปแล้ว.....555

เคยให้คำตอบของความแตกต่างระหว่างการเรียนรู้ I กับ K จากผู้อื่นไว้ในใจเหมือนกันค่ะ

(บทความนี้เดือนกว่าแล้ว แต่เพื่อนขุดมาให้ดู คงไม่มีใครเข้ามาแล้วกระมั้ง~ หุหุหุ)

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ค่า I กับ K ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน ภูมิหลังของแต่ละคน

คนบางคนอาจจะสามารถสังเคราะห์ I ประเภทวิทยาศาสตร์มาเป็น K ได้อย่างรวดเร็วและสร้างเป็น K ใหม่ ๆ ได้เลย

ส่วนอีกคนอาจจะสามารถสังเคราะห์ I ประเภทภาษาศาสตร์ ศิลปศาสตร์มาเป็น K ได้สละสลวยสวยงามยิ่งกว่า

และอีกคนอาจจะสามารถสังเคราะห์ I ประเภทจิตวิญญาณ ศาสนาศาสตร์ได้ลึกจนถึงแก่น

แต่ก็อาจมีหลายคนที่สามารถสังเคราะห์  I เป็น K ได้ทุกอย่าง แบบดีเยี่ยมอีกเช่นกัน  ความสามารถตัวนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก :  ความสามารถในสร้าง I&K ของผู้ส่งสาร + การเปิดใจยอมรับ I จากคนส่งสารของผู้รับสาร + ความสามารถการคิดวิเคราะห์แยกแยะ I ของผู้รับสารเอง + อะไรหลาย ๆ ในส่วนที่ยังนึกไม่ออก (ยกตัวอย่างจากการรับสารแบบการอ่าน)

ดังนั้นจะได้คนเราเท่าเทียมกันในการเรียนรู้ K นั้นคงไม่ได้.. แม้จะรับมาเหมือนกัน แต่ก็สังเคราะห์ได้ต่างกัน

Information ที่ส่วนตัวเคยแยกแยะไว้นั้น คือประเภทข้อมูลที่รับมาแล้วรู้สึกว่า เป็นเพียงบริบทซึ่งอาจทำหน้าที่แวดล้อมให้เกิดเรื่องราว หรือช่วยขยายความในระดับหนึ่ง อาจเพิ่มให้เห็นตัวอย่าง เพื่อช่วยคนที่มีความสามารถในการสังเคราะห์(ในเรื่องนั้น ๆ) น้อย มองเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความคิดแปลกใหม่ หรือความรู้สึกที่บอกได้ว่านี่แหละเจ๋ง หรือปรับเปลี่ยนทัศนคติที่เคยมีอยู่ หรือผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหว หรือยกระดับจิตใจ หรือ ... อื่น ๆ ที่ยังนึกไม่ออก (หุหุหุ)

ส่วน Knowledge นั้น จะเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดสิ่งที่เขียนไว้ด้านบน และอาจจะสั้นกระชับ กระทัดรัด เข้าใจง่าย (เข้าไปอยู่ในหัว และใจของเราได้ง่าย) .. การจะมาเป็น Knowledge ของคน ๆ หนึ่ง  ก็ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยุงยากสำหรับคน ๆ นั้น
 

  • เคยฟังเสียงบรรยายวิชายุทธศาสตร์ ของอาจารย์วรพัทธ์ จุดประกายไปหลายอย่างทีเดียว และเคยเข้ามาอ่านบทความ KM ของ คนไร้กรอบ เช่นกัน .. แต่ก็เพิ่งจะรู้ว่าคือคนเดียวกัน ก็วันเนี๊ยะ
    โอ้..แจ่มแจ๋ว
โอ้..พิมพ์ชื่อไม่ถูก .. วรภัทร์ ขอรับ มิใช่ วรพัทธ์ ขออำภัยจริง ๆ

1.นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ  ท่านผู้เจริญ เหตุปรากฏการณ์ ทั้งที่เป็น2.อกุศล เป็น3.กุศล 4.เกิดขึ้น 5.ดับไป 6.เปลี่ยนแปลงตาม7.ปัจจัยปรุงแต่ง 8.สัตว์โลกย่อมเป็นไปตาม.9กรรม มี10.กรรมทั้งหลาย เป็นเผ่าพันธุ์  พึง11.รักษาศืล 12.จิตใจให้ผ่องแผ้ว มี13.สติ พึง14.ไม่ประมาทใน15.กาย 16.วาจา 17.ใจ ย่อมได้รับความ18คุ้มครองโดยธรรม19. แท้จริง แม้เวลานี้จะมี20.พระพุทธองค์ นั่งอยู่ตรงหน้า 21.กิเลสจะมีอำนาจครอบงำปิดบังธรรมอย่างสิ้นเชิง เมื่อ22.กรรมนั้นถึงเวลาให้ดอกผล 23.ผู้ใดเห็นธรรม 24.ผู้นั้นเห็นตถาคต25.ผู้สนใจ ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันตายเป็นตาย แล้วจะพบ มัชฌิมาปฎิปทา  ขอธรรมจงรักษาทุกคน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท