ชำแหละ ดาบเลเซอร์ - สุดยอดอาวุธใน Star Wars


ฝรั่งเขาเรียกเจ้าอาวุธนี้ว่า lightsaber (light = แสง + saber = กระบี่ หรือ ดาบ) แปลว่า ดาบแสง ไม่ใช่ ดาบเลเซอร์ (laser sword) อย่างที่พวกเราเรียก

 

Star Wars Poster 

“A long time ago in a galaxy far, far away ...”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในกาแลกซี่อันสุดแสนไกลโพ้น ...”           

พอเห็นประโยคนี้ปั๊บ เชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้และไม่แท้ของสตาร์วอร์ส อภิมหาลิเกของฝรั่ง คงจะนึกถึงอัศวินเจได ดาร์ทเวเดอร์ เจ้าหุ่น C3PO และ R2D2 ฉากยานรบตระการตา ไปจนถึงการดวลดาบเลเซอร์อันสุดแสนเร้าใจ

รู้ๆ กันอยู่ว่า ดาบเลเซอร์นี่โม้สุดๆ ตามสไตล์หนังไซ-ไฟ แต่ถ้าลองคิดกันเล่นๆ ว่า ถ้าดาบเลเซอร์มีจริง เทคโนโลยีที่ใช้จะต้องไฮเทคขนาดไหนกัน ลองมาดูกันหน่อย               

อย่างแรกเลยคือ ฝรั่งเขาเรียกเจ้าอาวุธนี้ว่า lightsaber (light = แสง + saber = กระบี่ หรือ ดาบ) แปลว่า ดาบแสง ไม่ใช่ ดาบเลเซอร์ (laser sword) อย่างที่พวกเราเรียก (น่าจะมาจากอิทธิพลของพวกยอดมนุษย์และหุ่นกายสิทธิ์ของพี่ยุ่นที่ชอบใช้แสงเลเซอร์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดก็เป็นได้) แต่ขอใช้คำนี้ไปก่อน เพราะติดหูกันแล้ว               

ดาบเลเซอร์นี่ไม่ใช่ลำแสงล้วนๆ แน่ เพราะเวลากระทบกันขณะประดาบ จะคล้าย ๆ กับของแข็งกระทบกันอย่างไงอย่างงั้น วิทยาศาสตร์สมัยใหม่บอกว่า แสงเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค แต่ไม่ว่าจะมองเป็นคลื่นหรือเป็นอนุภาคก็อธิบายลักษณะการกระทบกันของดาบเลเซอร์ 2 อันไม่ค่อยถนัดอยู่ดี        

Green LightSaber       

ถ้าลองฟังดี ๆ ดาบเลเซอร์แต่ละอันจะส่งเสียงหึ่ง ๆ เบา ๆ ออกมาตลอดตอนเปิดใช้ เจ้าเสียงหึ่ง ๆ นี่บ่งเป็นนัย ๆ ว่าจะต้องมีการสั่นสะเทือนของอะไรบางอย่าง อาจจะเกิดจากกลไกของตัวดาบเอง หรือ เป็นผลจากการที่ดาบทำงานก็ได้ คิดง่าย ๆ ก็คล้ายกับตอนเราสตาร์ทรถไว้เฉย ๆ นะครับ คือ ต่อให้เครื่องเดินเรียบแค่ไหน ก็จะมีเสียงเบา ๆ ให้ได้ยินเสมอ               

ดูเผิน ๆ แล้ว เจ้าดาบเลเซอร์นี่น่าจะร้อนไม่ใช่เล่น เพราะในเอพพิโซด 1 The Phantom Menace นั้น ไควกอน จิน ยอดเจไดได้ใช้ดาบแทงตัดประตูหนาจนประตูค่อย ๆ หลอมละลาย แต่เรื่องนี้ดูจะขัด ๆ กับอีกฉากหนึ่ง (ในเอพพิโซดอื่น) ที่ดาบตกลงไปบนพื้นหิมะ แต่หิมะกลับไม่ละลาย ดูพิลึกไหมล่ะ!               

แต่สาวกสตาร์วอร์สเขาก็ไม่ยอมแพ้ครับ เขาบอกว่าเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง เพราะใบดาบนั้นไม่จำเป็นต้องร้อน แต่ก็ทำให้ของอย่างอื่นร้อนได้ อย่างเตาไมโครเวฟนั้นใช้คลื่นไมโครเวฟไปทำให้อนุภาคของน้ำเต้นแอโรบิกอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้น้ำร้อนขึ้นได้ แต่ตัวเตาเองไม่ได้ร้อนสักหน่อย (ลองเอามือไปจับผนังเตาด้านนอกดูสิครับ)               

คำอธิบายแบบนี้ผมว่าออกจะเอาสีข้างเข้าถูอย่างไรพิกล!         

สำหรับสีของดาบเลเซอร์นี่ก็น่าสนใจไม่น้อย ในหนังเราจะเห็นดาบมี 3 สีหลัก ๆ คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน เหมือนแม่สีของโทรทัศน์ คือ Red-Green-Blue หรือ RGB ยังไงยังงั้น

ดาบเลเซอร์สีแดงนั้นดูง่ายที่สุด เพราะมักเป็นอาวุธประจำกายของผู้ร้ายตัวเอ้ ไม่ว่าจะเป็นดาร์ทเวเดอร์ ในไตรภาคก่อน หรือ ดาร์ท มอล ในเอพพิโซด 1 The Phantom Menaceส่วนพวกอัศวินเจไดส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้ดาบสีน้ำเงิน ยกเว้น 2 คน คือ อาจารย์เจได ไควกอน จิน และ เจไดคนสุดท้าย คือ ลุค สกายวอล์กเกอร์ ซึ่งใช้ดาบสีเขียว             

LightSaber in Combat  

เรื่องนี้ บรรดาสาวกสตาร์วอร์สบางท่านอธิบายว่าเป็นเพราะ สีแดงคือ สัญลักษณ์ของด้านมืด (ความชั่วร้าย) สีน้ำเงิน คือ สัญลักษณ์ของด้านสว่าง (ความดีงาม) ส่วนสีเขียวนั้น บ่งถึงจิตใจที่แกว่งกวัดไปมาระหว่าง 2 ด้าน!               

แต่พอไปถามคนที่สร้างหนัง เขาก็จะหัวเราะแหะ ๆ แล้วเฉลยว่า เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่สร้างเอพพิโซด 6 Return of the Jedi นั้น ลุค สกายวอล์กเกอร์ต้องใช้ดาบสีเขียวเพราะ ดาบสีน้ำเงินดูไม่ชัดเวลาไปฟาดฟันกันในทะเลทรายยูมาซึ่งมีสีออกเป็นโทนเหลือง ๆ ดาบของลุคเลยต้องมีสีเขียวด้วยประการฉะนี้               

ดาบเลเซอร์นั้น ฟังเผิน ๆ เหมือนมีแต่ข้อดี แต่ถ้าเกิดห้องไฟดับมืด เจ้าดาบเลเซอร์นี่จะเอามาใช้แทนไฟฉายไม่ได้นะครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้ห้องสว่างขึ้นสักเท่าไร

แค่นี้ดาบเลเซอร์ก็สู้ไฟฉายกระบอกเล็ก ๆ ไม่ได้ซะแล้ว ส่วนใครคิดจะเอาไปลองตีพริก ผมก็ไม่รับประกันนะครับว่าจะได้หรือเปล่า! 

คำสำคัญ (Tags): #ดาบเลเซอร์
หมายเลขบันทึก: 76807เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2007 08:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
แฟน Star Wars ขอมารายงานตัวอีกหนึ่งคนครับ

ขอบคุณ ดร.บัญชา มากค่ะ อ่านสนุกประเทืองปัญญาค่ะ

Star war นี้สอนอะไรหลายอย่างนะค่ะ เป็นหนังที่ดีมากค่ะ

ํYoda สอนเรื่อง KM ด้วยนะค่ะ 

ํYoda กล่าวไว้ว่า You must unlearn what you've learned. ดิฉันชอบมากค่ะ 

วันก่อนดูอยู่ด้วยกันที่มาฉายซ้ำทาง True

ที่จริงแล้วถ้าจะพูดแบบ Yoda ต้องพูดกลับหน้ากลับหลังว่า 

"what you've learned, unlearn, you must"

แต่ที่ดูอยู่ Yoda ก็พูดว่า "You must unlearn what you've learned." นั่นล่ะ สงสัยผู้สร้างกลัวคนไม่เข้าใจประโยคดีๆ

สวัสดีครับ ดร. ธวัชชัย & ดร. จันทวรรณ

            ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม และขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

            ผมเลยใส่เรื่องเพิ่มไปอีกเรื่องสำหรับแฟน Star Wars และ Star Trek คือ

         Hyperdrive vs Warp Drive' ใครจะแน่กว่ากัน?

           มีเนื้อหาเป็นฟิสิกส์นิดๆ + Sci-Fi หน่อยๆ เหมือนเรื่องนี้ครับ)

 สวัสดีค่ะ

  • Star Wars  คือหนึ่งในเรื่องในดวงใจเหมือนกันค่ะ  เพิ่งเขียนถึงคำสอนของอาจารย์โยดาเอาไว้ที่นี่  การไม่เชื่อว่า "ตนทำได้" คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราล้มเหลว
  • Star Trek  ก็ชอบค่ะ แต่ชอบ  Star Wars  มากกว่า รู้สึกว่าในเรื่องสอนปรัชญาอะไรต่างๆ ลึกล้ำมากกว่า ^^
  • ดีจังมีเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์  มาขอสมัครเป็นนักอ่าน และขออนุญาต add blog เข้า planet ด้วยคนนะคะ

^_____^

สวัสดีครับ คุณ k-jira

         เรื่องปรัชญาใน Star Wars นี่ ตามความเห็นของผม คล้ายๆ ปรัชญาเซนอยู่เหมือนกัน

         ส่วน Star Trek นั้น หากจะเอาปรัชญาที่พอสูสีกับ Star Wars น่าจะเป็นภาคที่ฉายในโทรทัศน์คือ Star Trek : The Next Generation ซึ่งมีหลายแง่มุมที่คล้ายกับทางพุทธอยู่เยอะทีเดียว เช่น

  • เรื่องตัวตน และความไม่มีตัวตน (อนัตตา)
  • ประเด็นเกี่ยวกับ Q ซึ่งมีอำนาจราวกับพระเจ้า (สามารถเปลี่ยนค่าคงที่ของเอกภพได้!) แต่ก็ยังอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ (เพราะมีตัวตนและความขัดแย้ง)

ไว้รอผู้รู้มาขยายความให้ฟังน่าจะสนุกดีครับ 

หนังในดวงใจเลยครับ มีครบทุภาค มีLightsaber ด้วยครับ กว่าจะหาซื้อได้

หนังในดวงใจของผมเหมือนกันครับ ^__^

ขอพลังสถิตกับเราทุกคน

ดาบตำรวจทีมชาติชุดใหญ่ไปข้างหนึ่งแล้วนะครับผมเป็นห่วงห

  1. ในหนัง star wars ไม่ได้มีแค่ ลุค กับ ไควกอน ที่ใช่ดาบสีเขียวเท่านั้นแต่ยังมี master yoda ด้วยครับ
  2. สีของ lightsader ไม่ได้มี สีเขียว สีฟ้า และสีแดง เท่านั้น แต่ยังมีสีม่วง ซึ่งเป็นของ อัศวินเจได แมส วินดู ด้วยครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท