ผมเคยเข้าคอร์สเกี่ยวกับการคิดของ ดร. เดอร์โบโน ที่ดำเนินการโดยท่านอาจารย์ รัศมี มาหลายปีแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดตาตรึงใจผมเสมอมา ก็ตรงที่ท่านบอกว่า เราควรแบ่งเวลา (การทำงาน) ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหนึ่งใช้สำหรับแก้ปัญหา (Problem- solving) อีกส่วนหนึ่งใช้พัฒนางาน (Improvement) ส่วนสุดท้ายใช้สร้างสิ่งใหม่ๆ ที่เราเรียกว่านวัตกรรม (Innovation)
ผมได้นำความรู้เดิมนี้มา “ต่อยอด” โดยเติมประสบการณ์บางส่วนเข้าไป และตั้งชื่อให้ใหม่ เพื่อให้จำง่าย (สไตล์ผม) ผมเรียกหลักนี้ว่า “พายสแควร์” จริงๆ แล้วผมหมายถึง “พาย” ที่เป็นเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ แล้วยกกำลังสองนั่นแหละครับ ซึ่งก็คือ (PI)2 คือมีตัว P สองตัว และตัว I สองตัวครับ
P ตัวแรกมาจาก Problem – solving เป็นการตั้งคำถามว่า “เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร” ตัวอย่างเช่น ถ้าเรือรั่วก็ต้องหาทางอุดรูให้ได้ นี่คือการแก้ปัญหา ในการทำงานจะมีสภาพนี้ให้เห็นตลอดเวลา ที่เราเรียกกันว่า “การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” หรือ “Fire Fighting” นั่นแหละครับ
P ตัวที่สองมาจากคำว่า Prevention ซึ่งก็คือการตั้งคำถามว่า “เราจะต้องทำอะไร จึงจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ (ปัญหา) นั้นอีก(ในอนาคต)” หากเราทำตัว P ตัวที่สองนี้ได้ดี ตัว P ตัวแรกก็น่าจะน้อยลงนะครับ
I ตัวแรก มาจากคำว่า Improvement ซึ่งก็คือ การตั้งคำถามว่า “ถึงไม่มีปัญหา แต่เราจะพัฒนาปรับปรุงสิ่งที่ทำอยู่นี้ให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร” คล้ายๆ กับว่า เรือที่ใช้อยู่นี้ไม่มีรูรั่ว แต่เราจะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร เช่นเห็นว่าคนนั่งเรือต้องถูกแดด จะมีวิธีใดไหมที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ หรือลูกค้ามากขึ้น
I ตัวที่สอง มาจากคำว่า Innovation เป็นการตั้งคำถามแบบ “ทลายกรอบ” คือเป็นคำถามในทำนองที่ว่า “การนั่งเรือข้ามฝั่งที่เราทำกันอยู่นี้... มีวิธีอื่นไหม ใช้ลวดสลิงโยงสองฝั่ง แล้วใช้การโรยตัวจะดีกว่าไหม...อะไรทำนองนั้น”
ที่ผมพูดถึงสูตร PI กำลังสองนี้ เพราะผมยังเชื่อคำแนะนำของอาจารย์รัศมี ว่าในแต่ละวันเราควรจะสำรวจดูตัวเองว่า เราได้ใช้เวลาหมดไปกับเรื่องหนึ่งเรื่องใดมากเกินไปหรือไม่ เช่น ต้องแก้ปัญหาทั้งวัน โดยไม่ได้มีเวลาที่จะคิดป้องกัน หรือคิดนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรเลย เป็นต้น หากผู้บริหาร หรือรัฐบาล ใช้สูตรนี้ก็คงจะดีนะครับ จะได้ไม่เอาแต่อุดรูรั่ว (หรือกระทุ้งรูรั่วให้มันใหญ่ขึ้น จะได้จับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้) แต่จะได้ให้เวลากับการพัฒนา การป้องกัน และการสร้างนวัตกรรมไปพร้อมๆ กันด้วย
น่าสนใจดีค่ะ กำลังพยายามทำ ขอบคุณอาจารย์ค่ะ
สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ...และขอถือโอกาสนี้ทักทาย "คุณกอบ้ว" ซึ่งผมเพิ่งได้รู้จักและเพิ่งจะเข้าไปอ่านบันทึกของท่าน ...ชอบมากครับ โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยว ...จะคอยตามอ่านต่อไปครับ
ผมขออนุญาต นำไปต่อยอดอบรม CQI ในองค์กรครับ
(PI)2 คือ ปัญญาปฏิบัติของคนทำจริงครับ
ทำให้เห็นภาพต่อครบภาพใหญ่ก่อน
แล้วค่อยๆต่อ(ทำ)ไปทีละขั้นตอน ตามเหตุ-ปัจจัย
ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ
นพ.พิพัฒน์ ชุมเกษียร
นึกอยู่เหมือนกันครับว่าคุณหมอพิพัฒน์หายไปไหน ...ดีใจที่ได้พบใน blog ครับ ...
ในวันงาน World Bank หล้งจากที่คุณเล็กลงจากเวทีก็ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน ...อยากจะบอกว่าคุณเล็กเล่าเรื่องได้มีสีสันมากครับ ....ประทับใจมาก ...รู้สึกได้ถึงพลังที่ถ่ายทอดออกมาครับ
เข้ามาอ่านแล้ว ประทับใจครับ ขออนุญาตเข้ามารับความรู้จากท่านบ่อยๆนะครับ
ผมจำเรื่องราวบอกเล่าจากเพื่อนผมคนนึงมาครับ
เค้าชื่อ เอกราช
เค้าบอกว่า การป้องกันปัญหา ก็เพียงถามว่า
ถ้าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น คืออะไร ?
เมื่อเรารู้ เราก็จะได้ป้องกันได้ครับ ...