พวกเราเคยตั้งคำถามบ้างไหมว่า ทำไมเมื่อจะออกไปทำงานนอกบ้านหรือไปไหนก็ตามจะต้องมีการแต่งตัวก่อน นิยามหรือความหมายของการแต่งตัวคืออะไร ผู้รู้หลายท่านกล่าวไว้ว่า มนุษย์มีสามัญสำนึกในการคาดคะเน มนุษย์กระทำสิ่งใดบนฐานของความอยาก อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็นหรืออยากมี แล้วที่มนุษย์กับการแต่งตัว แสดงว่ามนุษย์กำลังอยู่บนฐานของความอยากเรื่องใด
ด้วยบทบาทหน้าที่ของการเป็นนักบริหารการศึกษา ผมมักจะบอกย้ำกับตัวเองเสมอว่า การเป็นหัวหน้าหน่วยงานคือการเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงาน การแต่งกายเป็นการสื่อความในใจให้ผู้คนรอบข้างได้เรียนรู้ เป็นการบ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมต่อการเผชิญสถานการณ์ใดๆในรอบวันและสำคัญที่สุดผมเห็นว่าการแต่งตัวบ่งบอกการเรียนรู้ของผู้คนและเป็นการแสดงออกถึงระดับการจัดการความรู้ของคนคนนั้นได้ในระดับหนึ่ง ลองดูก็ได้ท่านลองใส่เสื้อสีแดงสดไปงานศพ ท่านจะได้รับการต้อนรับด้วยสายตาทุกคู่ที่อยู่ในงานนั้นทันที หรือท่านคงจะเคยได้ยินสำนวนไทย ที่บอกไว้ว่า กาคาบพริก เมื่อคนดำใส่เสื้อแดง
การจัดการความรู้เริ่มได้ทันทีที่ตัวเอง ลองเริ่มเรียนรู้จากการแต่งตัว เมื่อดูได้และดูดีแล้วลองขยับไปพูดคุยแลกเปลี่ยนพบปะกับคนอื่นๆเราก็จะได้การแต่งตัวที่ดูได้ดูดีอีกหลายแบบและหลายวิธี ในแวดวงของการจัดการศึกษาน่าจะเริ่มต้น ปี พ.ศ. 2550 ด้วยการตรวจสอบตัวเอง ประเมินตัวเองว่าดูได้ดูดีหรือยัง รวมทั้งลองขยับออกมาจากรั้วโรงเรียนเสียบ้าง พวกเราอาจจะเห็นอะไรที่ดูได้และดูดีอีกมากมาย
ภายในรั้วโรงเรียน ครูกับนักเรียน เรียนรู้ที่จะแต่งตัวภายใต้สูตรสำเร็จรูป เป็นความสำเร็จรูปที่คุ้นเคยกันว่ามันคือ หลักสูตร ดังนั้นการแบ่งปันความรู้จึงมาจากสิ่งที่มีและปรากฏในเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก การไหลของความรู้จึงถูกกีดกัน ทั้งที่ในความเป็นจริง ความรู้เป็นสิ่งที่กีดกันไม่ได้ ผมไม่ได้บอกว่า หลักสูตรของการศึกษาในบ้านเมืองเรา ไม่ดี แต่ผมกำลังสื่อสาร จากฐานของผู้ปฎิบัติงานภาคสนามว่า สิ่งที่ภาคการศึกษาทุกระดับน่าจะทำคือการนำกระบวนการเรียนรู้ในรั้วโรงเรียนออกไปเชื่อมโยงกับกระบวนการเรียนรู้นอกรั้วโรงเรียนบ้าง แล้วจะเห็นอะไรที่ดูได้ดูดีอีกมากมาย มันอาจจะช่วยลบคำกล่าวขานที่ว่า การศึกษาไทย ตายแล้ว ได้อีกทางหนึ่ง
วันนี้ที่เม็กดำพวกเราได้เรียนรู้สู่การเชื่อมโยงชุดความรู้ในโรงเรียนกับชุดความรู้ในท้องถิ่น เรากำลังเรียนรู้ที่จะแต่งตัวให้ดูดีดูได้จากคนหลายคน เราได้เริ่มเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วยโครงการจัดทำสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ภายใต้การร่วมเรียนรู้ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานภาค เราเริ่มตั้งต้นเมื่อต้นปีการศึกษา 2549 ถามว่าประสบผลสำเร็จแล้วใช่ไหม ตอบได้เลยว่าไม่ใช่ พวกเรายังต้องเรียนรู้อีกมากครับ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้ร่วมกันกับทุกท่าน
แต่งตัว...สำคัญนะครับ
ถ้าแต่งตัวเสร็จแล้ว ...ขอให้ทุกคนอย่าลืม แต่งใจ
ก่อนออกจากบ้านด้วยนะครับกระผม
ซึ้งครับ
สะกิดความคิดได้ดี
ผมก็ไม่ค่อยนึกมาก่อน
ใช่จริงๆครับ
อ้าว......
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า
ใครแต่งจริง ใครแต่งปลอมครับ
ท่านขุนพลขยายความหน่อยครับ
มาอ่านเรื่องการแต่งกายครับ...เป็นมุมคิดที่ดี...ผมอยากถามว่า...ใครเป็นผู้กำหนดให้คนแต่งกายแบบนี้
เราแต่งกายไปตามกระแสสังคมหรือไม่...หรือว่าเราแต่งกายตามที่เราอยากแต่ง...ครับ