เมื่อฮูมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโลกภายนอกซึ่งเรารับรู้ผ่านทางประสาทสัมผัสซึ่งเป็น รอยประทับ ขึ้นภายในใจของเรา และเราก็จำรอยประทับไว้เป็นมโนภาพ นำมโนภาพบรรดามีมาถักทอเป็นสิ่งต่างๆขึ้นมากมาย ...
คานต์ นักปรัชญาเยอรมันจึงนำประเด็นข้อสงสัยนี้มาพัฒนาต่อ โดยเรียกโลกภายนอกที่เรารับรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสว่า prenomena ซึ่ง เราแปลว่า ปรากฎการณ์... ส่วนสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ก่อนปรากฎการณ์นั้น คานต์เรียกว่า noumena ซึ่งเป็น ความจริง ..นั่นคือ สิ่งที่เรารู้ เป็นเพียงการแปลความหมายของ สิ่งที่เรารับรู้ เท่านั้น
noumena คือ ความจริง สิ่งที่เรารับรู้ไม่ได้โดยตรง สิ่งที่เรารับรู้เป็นเพียง prenomena (pre+noumena) คือ ก่อนความจริง ...ขยายความว่า ความจริง ต้องผ่าน เนื้อที่ (space) และ กาลเวลา (time) จึงจะเป็น ปรากฎการณ์ (prenomena) ... นั่นคือ เราไม่สามารถรับรู้ความจริงได้ถ้าไม่ผ่าน เนื้อที่และกาลเวลา (space and time บางท่านบัญญัติศัพท์ใช้ว่า กาลาวกาส) เมื่อความจริงผ่านกาลาวกาสแล้วก็จะเรียกว่า ปรากฎการณ์...ประเด็นนี้ทำให้มีแนวคิดบางอย่างเชื่อว่า ความจริงเป็นสิ่งที่เรารับรู้ไม่ได้ สิ่งที่รับรู้ได้เป็นเพียงปรากฎการณ์เท่านั้น..
แต่ คานต์ยังอธิบายเรื่องกระบวนการรับรู้ ว่าเรามีกลไกลของจิตเพื่อทำหน้าที่รับรู้ โดยคานต์ได้เสนอเรื่องรูปแบบของการสร้างความเข้าใจซึ่งเรียกว่า category (ศัพท์บัญญัติว่า ปทารถะ มี ๔ กลุ่ม รวม ๑๒ ชนิด) เพื่ออธิบายเรื่องนี้....ซึ่งอาจรวมรูปแบบทั้งหมดของสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้ตามนัยของคานต์ได้ด้วยการทำความเข้าใจคำว่า space and time and categories (กาลาวกาสและปทารถะ)
อนึ่ง ตามแนวคิดของคานต์ เค้ายังมีความเชื่อว่า ยังมี เหตุผลบริสุทธิ์ หรือ (pure reason) ซึ่งสามารถค้นหาความจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยปรากฎการณ์ เช่น ๗+ ๕ = ๑๒ เป็นความจริงที่ไม่ต้องอาศัยปรากฎการณ์..
ในโลกแห่งปรัชญา แนวคิดของคานต์เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก แต่จะละไว้ ประเด็นที่สำคัญก็คือ จากแนวคิดของคานต์ ก่อให้เกิด ปรากฎการณ์วิทยา จิตวิทยา และปฏิบัตินิยม เป็นต้น ซึ่งจะค่อยนำมาเล่าต่อไป..
ความจริงอยู่ก่อนปรากฏการณ์
แต่มีความจริงบางชุดไม่ต้องอาศัยปรากฏการณ์
เป็นข้อสรุปที่ได้จากหลวงพี่ ครับ
เจริญพร ท่าน ผอ.
สิ่งที่อาจารย์สรุปได้มาจาก แนวคิดของคานต์ ครับ...เป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้น ในบรรดาความเห็นอื่นๆ ครับ
เจริญพร
พระอาจารย์รวบรวมความคิดมาปะติดปะต่อได้เป็นขั้นตอน...
ยังไงก็ตาม...ผมอ่าน 2 รอบก็ยังไม่กระจ่างใจ...
เจริญพร คุณโยมขำ
ไม่ได้เข้ามาตรวจหลายวันแล้ว ว่าใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นบ้าง ...และยังไม่ว่างพอที่จะเขียนต่อ...
คุณโยมขำ อ่านไม่กระจ่างก็ช่างเถอะครับ ประเด็นยากส์ แต่อาตมาย่อมาตามที่เข้าใจด้วยข้อความไม่กิ่บรรทัด ...เป็นความต่ำต้อยของอาตมาเองที่ไม่สามารถเขียนให้คุณโยมกระจ่างได้ ครับ
มีปรมาจารย์ปรัชญาบางท่าน เขียนหนังสืออ่านยากส์สุดๆ พอมีใครบอกว่าหนังสือของท่านอ่านไม่เข้าใจ ท่านก็ว่า เพราะมันเป็นปรัชญา ปรัชญาจะอ่านรู้เรื่องได้อย่างไร ปรัชญามันต้องอ่านไม่รู้เรื่อง 5 5 5
สำนวนนี้ ใช้ต่อๆ กันมาเยอะครับ ตอนที่อาตมาเรียน ป.โท (รอบสองนะครับ เพราะรอบแรกจบก่อนกำหนด 5 5 5) ก็มีเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้จบป.ตรีด้านปรัชญา บอกอาจารย์บางท่านว่าอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ..อาจารย์ท่านนี้ก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์เช่นเดียวกัน ..ท่านก็บอกแบบนี้แหละครับว่า เพราะมันเป็นปรัชญา ปรัชญาจะอ่านรู้เรื่องได้อย่างไร ปรัชญามันต้องอ่านไม่รู้เรื่อง 5 5 5
ดังนั้น อาตมาก็ขอยืมสำนวนของบูรพาจารย์มาบอกคุณโยมอีกรอบว่า เพราะมันเป็นปรัชญา ปรัชญาจะอ่านรู้เรื่องได้อย่างไร ปรัชญามันต้องอ่านไม่รู้เรื่อง 5 5 5
เจริญพร