วันนี้รับหน้าที่เป็นผู้หนึ่งในเวรเช้า 7.30 - 8.30 น.งานมามากมายเช่นเคย เนื่องจากสัปดาห์นี้งานประจำของตัวเองคือจุดตรวจสอบ test พิเศษ ซึ่งทำให้เมื่อวานซึ่งเป็นวันแรกของสัปดาห์ มีงานตรวจสอบ ceruloplasmin เพียง 3 ราย ไม่มี lactic ซึ่งต้องทำทันที จึงพอมีเวลาว่าง จัดการงานเอกสารของหน่วยได้ รวมทั้งไปทาน"มื้อเที่ยงพิเศษ"กัน (เก็บไว้เล่าเมื่อมีรูปแล้วค่ะ) ในขณะที่คุณศิริเธออยู่จุดตรวจสอบ test พิเศษอีกจุด แต่โชคดี(หรือโชคร้ายก็ไม่ทราบ) มี test Ammonia ที่ต้องทำทันทีมาถึง 3 ราย (เราจึงกัน 2 จุดนี้ไว้เพื่อให้สามารถทำได้ทันที)
ไม่ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของงาน routine เมื่อวานในห้อง เพิ่งทราบว่ามีเกือบ 1000 ราย ในขณะที่ช่วงเช้าของวันนี้ก็ดูเหมือนมีพายุ samples เหมือนกัน พวกเรามีกัน 4 คนในช่วงแรกนี้ เปิดเครื่อง set เครื่องต่างๆ แล้วก็มาหมุนวนกันอยู่ตรงจุดรับสิ่งส่งตรวจนี่แหละ สำรวจมาแล้วพบว่า 2 ชั่วโมงแรกของวันนี้ เรารับมือกับ sample ทั้งหมด 400 กว่ารายค่ะ....มหัศจรรย์อีกแล้ว
หลอดเลือดและขวดปัสสาวะที่ล้นทะลักเข้ามาในช่วงเช้า | ปั่นแยกแล้วมาเริ่มเข้าแถวเรียงราย ด่วนต้องติดป้ายแดงเพื่อให้หยิบไปก่อนได้เร็ว |
คนตรวจเช็คความเรียบร้อยของ sample เพื่อนำไปใส่เครื่องตรวจ |
มีหลายรายที่ต้องดูดออกมาใส่ cup ก่อนนำไปเข้าเครื่องและดูดทำ electrolytes |
ปริมาณงานที่เห็นตั้งกองรออยู่นั้นมากเสียจน สมาชิกที่มาในเวลา 8 โมงที่ยังไม่จำเป็นต้องเริ่มงาน ก็ไม่สามารถทนได้ต้องลงมา ลงไม้ลงมือช่วยกัน และแล้วด้วยจำนวนคนที่ยังไม่เต็ม 100 % ดี เราก็สามารถพิชิตงานไปได้ ประมาณ 200 - 300 รายในเวลาไม่เกิน 9 โมง ในวันนี้เรามีพี่ผอบ (มือยิง barcode ตาทิพย์และมือปั่นชั้นเซียน) น้องมีณา (มือติด sticker และ process tube ที่ยอดเยี่ยม) พี่ประจิม (มือปั่น มือเขย่าชั้นเซียน) น้องอ๋งซัง (ดูแลเครื่อง Hitachi) พี่บุญเลิศ (มือลงทะเบียนชั้นเซียนเหยียบเมฆ) ตัวเอง (คุณนายช่างสังเกต-ตั้งให้ตัวเอง) นายดำ (คนเสียงดังพลังดี มารับช่วง electrolytes จากคุณนายช่างสังเกตเพราะแค่ดูดใส่ cup ก็ทำไม่ทันแล้ว) และเสริมด้วยคุณถวิล (นายปรือ ผู้แทนร้อยหน้า - ทำงานทุกหน้าที่เรื่อยๆไป บางทีก็งงว่าคุณท่านอยู่จุดไหนกันแน่) ทั้งทีมเหล่านี้ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างเมามัน สนุกสนาน โดยต่างก็ทำสิ่งที่ตนเองถนัด ส่งรับช่วงกันไม่หยุดหย่อน เนื่องจากเรามีระบบหมุนเวียนงาน ทำให้ทุกคนรู้งานทุกจุด เมื่อต้องทำร่วมกันโดยไม่แบ่งหน้าที่ ทำให้งานเดินอย่างไม่น่าเชื่อ
เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ลักษณะการทำงาน"มืออาชีพ"แบบนี้นั้น ต้องเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ (ของผู้ที่ทำงานมานานๆ) และการเรียนรู้ ดัดแปลง สังเกต ปรับเปลี่ยน (ของผู้ที่ทำงานมาระยะหนึ่ง) จึงทำให้ปริมาณงานที่ควรจะทำเสร็จได้ โดยใช้เวลา ครึ่งวันเช้า สำเร็จเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง หากให้คนอื่นที่เพิ่งมาทำงานใหม่ๆทำ โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญระบบงานดูแลอยู่ด้วยเลยละก็ งานขนาดนี้คงใช้เวลาเลยเที่ยงไปโน่นเลยล่ะค่ะ
เมื่อมีเวลาหายใจ ก็หยุดคิดได้ว่า นี่แหละ Tacit knowledge อีกแบบหนึ่ง เป็นความรู้ฝังลึกของการทำงานเป็นทีม ที่แต่ละคนส่งเสริมกันและกัน ทำให้ทำงานได้อย่างราบรื่น สนุกสนาน แม้มีปริมาณมากเกินกว่าที่จะรับได้ งานลักษณะเช่นนี้คงมีตัวอย่างให้เห็นได้ไม่มากนักเพราะเกิดจากสถานการณ์บังคับให้คนทำงานเรียนรู้ไปโดยปริยาย เราจะสกัด TK นี้ออกมาได้อย่างไร จึงจะนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น ทีมอื่นที่ทำงานลักษณะคล้ายๆกันนี้ได้ เป็นการทำงานที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ เพราะเมื่อเราต้องคิดปริมาณงานต่อคนต่อเวลาที่ทำจริงๆ โดยจับเวลาจากการทำงานตามขั้นตอนปกติ พบว่าในช่วงเช้านี้ เราต้องใช้คนถึง 3 เท่าของที่มีอยู่ แต่เพราะ TK ในการทำงานเป็นทีมที่พวกเรามีนี่เอง สิ่งมหัศจรรย์แบบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาไปเสีย
น่าดีใจและภูมิใจที่ได้เห็นที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ความสามารถแบบนี้แหละ ที่ทำให้พวกเราขอคนเพิ่มในหน่วยยากเย็นแสนเข็ญ อธิบายขยายความกันไม่รู้กี่สิบรอบ เพื่อจะให้ผู้ที่มีอำนาจประเมินและอนุมัติคนเพิ่มมองเห็นว่า งานมันมากจนเกินจะทนแล้ว ไม่อยากให้คนคุณภาพเหล่านี้ต้องรู้สึกท้อถอยมากไปกว่านี้เลย จึงขอนำมาชื่นชม และประกาศให้ใครๆรู้ว่า เรามี tacit ที่น่าภาคภูมิใจ ถึงแม้ไม่เอื้อประโยชน์กับเราเลย (ใครๆก็คิดว่าพวกเราทำกันมาได้ ก็จงทำกันต่อไป ไม่ต้องเพิ่มคนหรอก) เราก็ได้แต่ชื่นชมให้กำลังใจกันเองอย่างนี้แหละ...ยังไม่ท้อค่ะ....แต่เหนื่อย...ย.ย.ย.ย....จัง (เหนื่อยกายยังพอทนได้ แต่เหนื่อยใจ...เวลาอธิบายนี่...ซู้ด..จะทน)
เป็นบันทึกโดนใจอีกหนึ่งแล้ว
อ.โอ๋ ครับ
ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ กำลังใจและ ความเข้าใจ "มีค่า" มากมายเกินบรรยาย
เคยคิดว่าเขียน เพราะอยากเขียน กลับมาอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน ก็ดีใจที่ได้เขียน แต่เมื่อมีการต่อยอดด้วยความเห็นจากผู้อ่าน ก็เริ่มรับรู้มากขึ้นเรื่อยๆว่า ความเห็นจากผู้อ่านเป็น"พลัง"ที่เพิ่มทุนให้คนเขียนได้เป็นอย่างมากนะคะ
ไม่น่าเชื่อว่า ตัวหนังสือเพียงสองสามบรรทัดจะ"ทรงคุณค่า"ต่อจิตใจได้ขนาดนี้ จะนำไปปฏิบัติต่อทุกท่านและเพื่อผู้อื่นต่อไปด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่สอนให้เข้าใจด้วยการกระทำค่ะ