GotoKnow

"วันสุดท้ายของชีวิต 24 Hour"

กิตติวัฒน์ สาคำ
เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2563 13:34 น. ()
แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม 2563 14:19 น. ()

     ถ้าหากว่าเราใช้ชีวิตไปตามกระแสสังคม โดยที่ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเอง ถ้าหากว่าเราได้รู้วันตายของตัวเองได้ แต่เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งมีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง และเมื่อถึงเวลาที่สิ้นสุดของชีวิต เรายังคงอยากจะแสวงหาความสุขที่ต้องการอยู่หรือไม่ 

     คุณเคยอดทนกับอะไรมากๆ อะไรที่ไม่เป็นดั่งใจเรา อะไรที่เราควบคุมมันไม่ได้ หลายคนที่ประสบปัญหา ความดีในจิตใจของคนไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองได้ในยุคปัจจุบัน การคิดบวกก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของชีวิตตนเองได้เช่นกัน

     ระหว่างความคิดกับความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่คล้ายกันก็คือความรู้สึกที่มีต่อสิ่งที่มาจากความรู้สึกภายนอก เข้ามาสู่จิตใจภายใน หากตัดสินแล้วว่ามันแย่แล้ว ใจเราก็รู้สึกแย่ตาม และหากเรารู้สึกยินดีใจเราก็มีความสุข

     ความสุขของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนอื่นๆ แต่ความสุขนั้นสร้างได้ที่ใจตนเอง ถึงจะอ่านหนังสือจนจบบท แต่ถ้าหากไม่เข้าใจความหมายจากเราเอง เราก็อาจจะเข้าใจได้ไม่ง่าย คนเป็นครู ให้ความรู้เด็กๆได้ แต่ประสบการณ์ชีวิตสอนเด็กไม่ได้ ต้องอาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเอง

     หากเรามีความรักกับสิ่งไหน เราก็มักจะทำได้ดีกับสิ่งนั้น การที่จะรักใครนั้น เป็นเรื่องยาก ถ้าไม่ใช่่พ่อแม่หรือคนรัก แต่ถ้าหากเราขาดความรัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานแล้ว ก็ไม่มีความชุ่มฉ่ำหล่อเลี้ยงจิตใจของเรา ความสุขก็จะกลายเป็นความทุกข์

     วาระสุดท้ายของชีวิตเราต่างหวังที่จะได้อะไรกลับไป หรือไม่เอาอะไรกลับไป ตนเองก็เคยคิดอยู่ว่า ถ้าหากวันนี้เป็นวันสุดท้าย เราจะตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานในหน้าที่ หน้าที่ลูกที่ดี เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อของลูกที่ดี เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นที่ปรึกษาที่ดีของเด็กๆ และเป็นคนดีของสังคม เราจะไม่โกรธ หรือเกรียดใครเลย เพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้หากจบชีวิตก็ยังคงติดตัวเราต่อไป

     วาระสุดท้ายคงไม่มีใครที่อยากจะเป็นคนบาปใช่ไหมครับ เพราะจิตสำนึกของคนเราก็อยากจะทำดี แต่เมื่อขุ่นเคืองใจเมื่อไหร่แล้ว              การแสดงออกไปในทางลบก็จะเกิดขึ้น เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ความโกรธ หรือความเกรียด นั้นเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ หากว่าใจเราแก้ได้ด้วยใจเราเอง ทำทุกๆวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วชีวิตก็จะเป็นสุข

     วาระสุดท้ายของชีวิตก็จะทำให้รู้ว่าการจมอยู่กับความทุกข์นั้น ไม่ได้มีความหมายกับชีวิตของเราเลย คนที่สร้างเหตุของความทุกข์นั้น ไม่ใช่คนอื่นเป็นคนสร้าง แต่ใจเราเท่านั้นที่สร้างความทุกข์ขึ้นมา  ผู้เขียนจึงขอนิยามความหมายของวาระสุดท้าย ไว้ดังนี้          

     วาระสุดท้ายของเราก็คือวันก่อนวันพิพากษาในชีวิต หากใครที่นับถือศาสนาคริสต์ วาระสุดท้ายของชีวิตก็คือ การชำระล้างจิตใจของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ เพราะหลังจากผ่านพ้นความตายแล้ว วิญญาณจำเป็นต้องได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ในทางศาสนาพุทธ การเตรียมตัวตาย หากเป็นการย้ำเตือนให้เรารักในชีวิตตนเอง ก็จะทำให้อยู่ในความไม่ประมาทได้ เมื่อวันสุดท้ายมาถึง ก็จะทำให้เราจากไปในแบบที่ไม่มีอะไรให้ยึดถืออีกต่อไป ในทางศาสนาพุทธ เรียกว่า ความหลุดพ้น       

     คำพูดที่เราเข้าใจว่ามันมีอยู่จริง มันคือความจริง ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่หากเรายังคงยึดถือ วาระสุดท้ายแล้ว เมื่อเราเป็นวิญญาณ ตามหลักความเชื่อส่วนบุคคลแล้ว สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือความรู้สึก หากเราสื่อสารกับจิตวิญญาณด้วยความรู้สึก ความคิดของคนจะมีความหมายอะไร วาระสุดท้ายของชีวิต เราก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยวางความคิดของเราไป

     วาระสุดท้ายของชีวิต หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่เราคิดหรือตั้งหวังไว้ว่าจะต้องทำ เราคงทำได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้เวลานั้นมาถึง

     วาระสุดท้ายของชีวิต เราอาจจะเปิดเผยความรู้สึกผิด หรือคำพูดที่เราเก็บไว้ในใจ ออกมาให้ผู้อื่นรับฟัง แล้วผู้คนก็จะเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

     วาระสุดท้ายของชีวิต คงไม่มีใครที่จะฉลาดไปกว่าใคร เหลือแต่ความดีที่มีให้กัน ความคิดที่เป็นตัวตนของคนก็จะน้อยลง โลกหลังความตายของมนุษย์วัดกันที่ระดับจิตวิญญาณ ไม่ใช่ระดับสติปัญญา

     วาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อเรารู้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะจากโลกใบนี้ไป เราจะไม่หาเหตุผลให้กับชีวิต แต่เราจะหาความสุขให้กับชีวิต          

     วาระสุดท้ายของชีวิต ความหมายของชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา หากเวลาเป็นตัวกำหนดชีวิต เราก็จะเห็นความสำคัญของชีวิตเร็วขึ้นเป็น นาที วินาที หรือเสี้ยววินาที

     วาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะไม่ทำดีต่อกันด้วยผลประโยชน์ แต่เราจะทำดีต่อกันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันจริงๆ

     วาระสุดท้ายของชีวิต เนื้อหนังภายนอก ความสวยงาม ของธรรมชาติ คนสวย คนหล่อ จะไม่มีการเลือกปฏิบัติกันด้วยบุคลิกภายนอก แต่ผู้คนจะปฏิบัติกันด้วยความรู้สึกภายใน

     วาระสุดท้ายของชีวิต ปัจจุบันยุคนี้เป็นยุคที่เงินเป็นตัวตัดสินคุณค่าของคน หากใครที่มีเงินมาก ก็จะได้รับการอ่อนน้อมถ่อมตนจากผู้คน แต่หากวาระสุดท้ายในชีวิตมาถึงเงินอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เป้าหมายในชีวิตของเราอาจเปลี่ยนไปสิ่งที่เราไขว้คว้าอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่จะเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าของชีวิตมากกว่าเงิน

     วาระสุดท้ายของชีวิต มาถึง คุณค่าที่เป็นความงาม มีผลต่อความรู้สึกนึกคิด อาจจะไม่มีความหมายมากกว่าการเห็นคุณค่าของจิตใจ

     วาระสุดท้ายของชีวิต ทำให้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เรารับรู้ว่ามีอยู่ สุดท้ายมันไม่ได้มีอยู่ หรือไม่ได้เป็นอยู่อะไรเลย      

     สุดท้ายแล้วเรื่องที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จะสร้างคุณค่า และให้ความหมายต่อตนเอง เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่มีผลกับความรู้สึกของเรา มันคือคุณค่าของชีวิต ทัศนคติในการใช้ชีวิต ค่านิยมในสังคม ที่จะหล่อหลอมชีวิตเรา และตัดสินว่าเราเป็นคนแบบไหน

     ความจริงแล้วถ้าหากวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงจริงๆ เราจะทำอะไรได้ไม่มากนอกจากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ปัจจุบันคือสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้า ณ ขณะนั้น คุณค่า ที่อยู่นอกเหนือจากความคิด ความรู้สึกผิด แรงบันดาลใจต่างๆล้วนแต่เป็นเพียงเป้าหมายที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง คือการดำรงตนให้อยู่ด้วยความไม่ประมาท จะเป็นเครื่องเตือนใจให้กับตัวเองในทุกๆวัน

สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน

ความเห็น

ชัชวาล กลับแสง
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับ คุณกิตติวัฒน์ ใช่แล้วครับไม่ว่าวันสุดท้ายจะเป็นวันไหน แต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณครับ

ครูเล็ก ฤทธิพงศ์
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับ คุณกิตติวัฒน์ ชื่นชมผลงานครับ เราไม่รู้วันสุดท้าย แต่เรารู้สติและความดีความสุขของเราครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณครับ

นริศรา อินต๊ะสม
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ประทับใจในงานเขียนของคุณค่ะ ทำปัจจุบันให้มีความสุข เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

สิริญาภร ทรงสุภา
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ดิฉันประทับใจการเขียนของคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจในการสร้างบทความที่ดี ๆ แบบนี้ต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

กรกต กลิ่นเดช
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับคุณกิตติวัฒน์ เป็นมุมมองที่ดีมากๆเลยครับ

ชื่นชมในบทความที่เขียนบรรยายมาอย่างมีความหมายและลึกซึ้งค่ะ :) เป็นกำลังใจให้ทำสิ่งดีๆต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณกิตติวัฒน์ ผมประทับใจในการเขียนของคุณมาก เป็นกำลังใจให้ในงานเขียนต่อไปครับ

อรอุมา สมีกลาง
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับค่ะกิตติวัฒน์ ฉันประทับใจในการเขียนของคุณมาก เป็นกำลังใจให้ในงานเขียนต่อไปค่ะ

ประภาพร ชัยวงค์
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ เป็นกำลังใจในงานเขียนของคุณนะค่ะ

สวัสดีครับ คุณกิตติวัฒน์ ผมชื่นชมผลงานของคุณนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

สุนิสา พรมใจ
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ทำทุกวันให้ดีที่สุด ฉันเป็นกำลังใจให้กับงานเขียนของคุณนะคะ ขอบคุณค่ะ

นภัสวรรณ ถาวรรณา
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ คุณเขียนเรื่องราวผ่านความรู้สึกได้ดีมาก อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณค่ะ

กิตติวัฒน์ สาคำ
เขียนเมื่อ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ คุณกิตติวัฒน์ วันสุดท้ายของคุณมีความหมายเยอะมากเลยครับ ชื่นชอบในงานเขียนของคุณ เป็นกำลังใจให้ครับ

ทศวรรษ คำสม
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับ คุณกิตติวัฒน์ ผมชอบงานเขียนของคุณมากครับเขียนได้ดีครับ ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีมากครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณมากครับ

กวิสรา ชัยมงคล
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ดิฉันชื่นชมในงานเขียนของคุณนะคะ ขอเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ต่อไปค่ะ

อภิวัฒน์ คำปินตา
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับ คุณ กิตติวัฒน์ กระผม ชื่นชอบในงานเขียนของคุณมากๆเลยครับ เขียนเข้าใจง่าย จะติดตามไปเรื่อยๆนะครับ

กิตติวัฒน์ สาคำ
เขียนเมื่อ

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นด้วยครับ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ชื่นชอบเรื่องราวของคุณ ขอเป็นกำลังใจนะคะ

พัชรินทร์
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ ดิฉันชื่นชมผลงานของคุณนะค่ะ เขียนได้น่าประทับใจมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ในการสร้างสรรค์ผลงานต่อๆไปอีกนะค่ะ

วิภารัตน์ ดอกแสง
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ เป็นงานเขียนที่ดีและน่าประทับใจมากค่ะ ขอบคุณข้อคิดชีวิตดี ๆ แบบนี้นะคะ

จีรภา หลวงมะลิ
เขียนเมื่อ

สวัสดีค่ะ คุณกิตติวัฒน์ดิฉันชื่นชมในสิ่งที่คุณได้เขียนมาเป็นผลงานที่น่าประทับใจและขอเป็นกำลังใจให้นะคะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย