3 days in Bangkok...1)พอเริ่มจะออกเดินทาง ก็ขลุกขลักเสียแล้ว!


โบราณว่า จะออกเดินทางไปไหนให้กำหนดจิตตัวเองให้ดี ตั้งสมาธิให้มั่น หากประสบกับอุปสรรคใดๆจะได้คิดหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที
6.00 น.ของวันที่ 30 พ.ย.  พี่เม่ยก็จัดแจงกับตัวเองเสร็จสรรพเรียบร้อย พร้อมๆกับสมาชิกทุกคนในบ้าน   เพราะนัดหมายกับเด็กๆและคนขับรถประจำตัว (อ.จำนงค์) ไว้เรียบร้อยแล้วว่าวันนี้ให้แวะไปส่งพี่เม่ยก่อนที่หน้าอาคารบริหารคณะแพทย์ก่อนไปส่งลูกที่โรงเรียน  ทีมงานของเรา (มีท่านเอื้อ อาจารย์เสาวรัตน์ คุณศิริ คุณ nidnoi และ พี่เม่ย) จะนั่งรถตู้ไปที่สนามบินพร้อมๆกันเพื่อเข้าร่วมงานมหกรรมการจัดการความรู้#3 ที่ไบเทค บางนาค่ะ
ดูท่าทางเด็กๆยังไม่ค่อยหายง่วงนอนกันเลยค่ะ เพราะตื่นก่อนเวลาปกติเกือบชั่วโมง  เราทั้งสามมานั่งเรียงกันอยู่ข้างๆรถ เพื่อรอคนขับรถประจำบ้านกดรีโมทรถให้เราเข้าไปนั่งกัน...แต่....
เหมือนโดนกลั่นแกล้งยังไงก็ไม่ทราบค่ะ รถคันที่เราใช้ประจำเกิดปัญหารีโมทคอนโทรลสับสน ไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปในรถค่ะ ตั้งหน้าตั้งตาร้องอยู่ท่าเดียว ทำไงดี!  ไม่เป็นไรค่ะ เราก็อพยพไปขึ้นรถเก่าแก่คู่ใจอีกคันหนึ่ง  โอ้...ไม่นะ....เจ้าแก่ของเราเกิดอาการสตาร์ทไม่ติดขึ้นมาทันทีเพราะ "แบตหมด"
พี่เม่ยเริ่มวิตก เดินไปเดินมาอยู่ไม่ติดแล้วค่ะ  ส่วนคนขับรถก็แสนใจเย็น เปิดฝากระโปรงดูโน่น ดูนี่ ไปค้นหากุญแจรีโมทสำรองมาก็แล้ว ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเกือบถึงเวลานัดหมายกับทีมงานแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ออกจากบ้าน  หันไปมองหน้าคนขับรถ  ท่านก็ส่ายหน้าหมดหนทาง แย่แล้ว ทำไงดี....
พี่เม่ยตั้งสติแล้วตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาท่านเอื้อเพื่อขอให้ท่านแวะมารับพี่เม่ยด้วย เพราะเป็นทางผ่านจากบ้านท่าน โชคดีจังค่ะ...ท่านเอื้อกำลังเดินทางมากับอาจารย์เสาวรัตน์ใกล้ถึงบ้านพี่เม่ยพอดี  จึงได้แวะมารับพี่เม่ยที่บ้านได้ทันเวลา....
ไม่มีเวลาพูดอะไรแล้วค่ะ รีบโบกไม้โบกมือบ๊าย..บายกับลูกสาวทั้งสอง ที่กำลังนั่งทำหน้ากลุ้มใจกันอยู่ว่าจะไปโรงเรียนได้ยังไงเนี่ย.....
แล้วไม่ลืมหันไปสั่งความกับ อ.จำนงค์ไว้ว่า "เดี๋ยวกลับมาค่อย เช็คบิล กันนะค๊ะ...ฮึ่ม!"
อาจารย์เสาวรัตน์กับท่านเอื้อบอกว่า สงสัย อ.จำนงค์ไม่อยากให้เม่ยไปกรุงเทพ เลยแกล้งทำให้รถใช้การไม่ได้ทั้งสองคันเลย  แต่พี่เม่ยว่าท่านน่าจะอยากให้พี่เม่ยไปหลายๆวันมากกว่าค่ะ ท่านจะได้สบายหูสบายตาเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
มานั่งคิดสงสัยว่าเมื่อกี้เราออกจากบ้าน เราก้าวเท้าไหนออกจากบ้านก่อนหนอ....ดูสิ...แค่เริ่มต้นเดินทางก็ขลุกขลักเสียแล้ว โชคดีที่ยังแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปด้วยดีได้....
เป็นบทเรียนเล็กๆกับตัวเองค่ะ ว่า "สติ" เท่านั้นที่จะช่วยนำพาเราให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดี
คำสำคัญ (Tags): #เดินทาง
หมายเลขบันทึก: 64970เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2006 14:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

แล้วตกลงวันนั้นเด็ก ๆ ไปโรงเรียนกันทันรึเปล่าค่ะ

คุณรัตติยาคะ..
    เล่าต่ออีกนิดก็ได้  พอติดรถท่านเอื้อมาถึงคณะเรียบร้อย ด้วยความเป็นห่วงเด็กก็รีบโทรศัพท์กลับไปสอบถามว่าเป็นไงกันบ้าง คุณลูกหัวร่อร่าแล้วบอกว่า "พอแม่ออกจากบ้านไปปุ๊บ ป๊าก็สตาร์ทรถได้ปั๊บเลยค่ะ..."

พี่เม่ยค่ะ งั้นถามใหม่ 

แล้วพี่เม่ย ได้เช็คบิล คนที่บ้านรึยังค่ะ  อิ อิ

          สวัสดีค่ะพี่เม่ย....เสียดายที่เจอหน้ากันที่ไบเทคแล้ว ไม่กล้ากอดพี่เม่ย...เลยมานั่งเสียดายย้อนหลังอยู่นี่แหละค่ะ....

          ขอสนับสนุนว่า
สติ มีความสำคัญมากยามคับขันค่ะ...

          เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ตัวเองมีประสบการณ์คล้าย ๆ พี่เม่ยเหมือนกัน เพราะจับรถคันไหน ก็เป็นติดขัด ขยับขับต่อไปไม่ได้ถึง
2 คัน พอคันหนึ่งไปไม่ได้ ก็หันไปจับอีกคัน ขับไปได้แต่โดยดี แต่ขากลับอีกประมาณ 25 กิโลเมตร ก่อนจะถึงบ้าน ก็พาลเข้าเกียร์ไม่ได้เสียดื้อ ๆ ตอนนั้นกำลังอยู่เลนขวา ตกใจเหมือนกันแต่ก็ยังมีสติจึงประคองรถเข้าแอบซ้าย ก่อนที่คันหลังจะชนท้ายเราเข้า สุดท้ายขับต่อไปไม่ได้ ต้องโทรเรียกให้น้องเขยช่วยขับรถมาลากรถเรากลับบ้าน ถึงบ้านสามทุ่มครึ่งเห็นจะได้...เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ...

ตัวจริง สวย กว่ารูป  นะครับ

 

  • แวะมาทักทายครับ
  • เอารูปมาฝาก มีหลายรูปแล้วจะส่งไปให้นะครับ
  • เอารูปนี้ไปก่อน
  • http://gotoknow.org/file/khajitfoythong/Pee+mei.jpg

     
รูปที่คุณขจิตเอามาฝากนี้ ดูพี่เม่ยมีความสุขม้ากมากค่ะ
คุณรัตติยาคะ
  • เช็คบิลคนที่บ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้ของแถมกลับมาเป็นบิลอีกหนึ่งใบเหนาะๆ  (ค่าแบตเตอรี่ลูกใหม่??....)
  • เช็คบิลแถมแบตเตอรี่ด้วยหรือครับ
  • มีรูปอยู่ที่คุณ Nidnoi ครับ

 งานนี้มีคนชมพี่เม่ยว่าสวย...หลายท่านเลยครับ

..................

ถือโอกาสถามพี่ปวีณา เรื่องรถครับ?

ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดครับ ที่รถไม่ยอมเข้าเกียร์ ผมคิดว่าอันตรายมาก

ไม่แน่ใจว่าจะเหมือนผมหรือไม่ ที่เหยียบคลัชท์เต็มที่แต่เข้าเกียร์ไม่ได้ ช่างบอกว่า เป็นเพราะอะไรสักอย่างรั่ว และนำเข้าอู่แก้ไขไม่นานก็สามารถวื่งได้ตามปกติ

  • ขอสนับสนุนด้วยคนค่ะคุณเอก ว่าพี่เม่ยเป็นคนสวยจริง ๆ ประทับใจเมื่อได้พบตัวจริง พี่เม่ยยิ้มง่าย...เวลายิ้ม...หน้าหวานมาก ๆ เลยค่ะ

  • ส่วนเรื่องรถที่มีปัญหานั้น ช่างบอกว่ามีสาเหตุมาจากลูกยางปั๊มครัชท์รั่ว ที่จริงถ้าวันนั้นมีน้ำมันเบรคติดรถไว้บ้างแล้วนำไปเติมในกระบอกครัชท์ ก็จะทำให้สามารถเข้าเกียร์ได้ ใช้ชั่วคราววิ่งกลับบ้านได้ไงคะ แล้วค่อยพาเข้าอู่ โดยไม่ต้องใช้วิธีลากรถกลับ

  • มีข้อสังเกตว่าถ้าเป็นรถเก๋งจะใช้น้ำมันเบรคสีฟ้า รถกระบะใช้น้ำมันเบรคสีเหลือง ไม่ควรใช้ผิดสีเพราะจะทำให้ไปกัดลูกยาง ทำให้ลูกยางเสื่อมเร็ว ที่รู้นี่เพราะเขาบอกมาอีกทีค่ะ...ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไร

  • ไม่ทราบว่าคุณเอกเสียค่าซ่อมให้ช่างเท่าไร ถ้าอาการเป็นแบบเดียวกันนี้ จะเสียค่าซ่อมประมาณ 300 กว่าบาทค่ะ

พี่ปวีณาครับ

ใช่แล้วครับ...อาการเดียวกันคือ มีสาเหตุมาจากลูกยางปั๊มครัชท์รั่ว  ช่างบอกว่าเป็นได้ เพราะลูกยางอาจเสื่อม

ผมก็ประคองรถ ใช้เกียร์ต่ำที่ค้างอยู่ ค่อยๆคลานไปอู่ แต่ก็ตกใจ เพราะเกิดเหตุกลางเมืองแม่ฮ่องสอน ไฟแดงอยู่ครับ ...มีสาวๆนั่งอยู่ในรถด้วย เสียฟอร์มเลย ลนลาน เหงื่อตกเลยครับ

ก็มีข้อแนะนำ ๒ เรื่องครับ

  • น้ำมันเบรคตามที่พี่ปวีณาบอก รถเก๋งใช้น้ำมันเบรคสีฟ้า ส่วนรถกะบะใช้สีเหลือง
  • ลูกยางเสื่อมไปตามสภาพการใช้งาน ก็ต้องเช็คบ่อยๆตามระยะ

ค่าใช้จ่ายไม่แพงครับ ผมก็หมดไปประมาณ ๒๐๐ บาทครับ พร้อมกับความรู้ดีๆที่เป็น Tacit Knowledge จากช่างใจดีครับ

 

  • พี่เม่ยพลอยได้ความรู้เพิ่มเติมไปด้วยเลยเรื่องยางปั๊มคลัชท์  จากคุณจตุพรและคุณปวีณา
  • ตัวเองไม่ค่อยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรถมีปัญหานะคะเพราะนานๆจะได้ขับซักที...
  • ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับคนขับรถมากกว่าค่ะ.....

คุณจตุพรค่ะ พี่เม่ยกับทรงผมใหม่ดู bright มากค่ะ น่ารักมาก วันนั้นดิฉันไปเจอพี่เม่ยที่ Lotus เดินอยู่กับลูกสาว แหม! นึกว่าพี่กะน้องค่ะ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท