งาน "ชื่นใจ...ได้เรียนรู้ (ภาคครูเพลิน)" ครั้งที่ ๑๑ : ข่าวดี !


"...จูลเป็นนักเรียนของเรา ที่สามารถทำตามความตั้งใจของตัวเองจนสำเร็จ ด้วยการแล่นเรือใบตัดอ่าวตามตามรอยพระบาทขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งวันเต็ม นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานสำหรับเด็กที่อายุน้อยที่สุด บนเรือที่เล็กที่สุด ท่ามกลางความมืดมิด พายุและฝน..."

ข่าวดีจากครูปาด


ข่าวดีจากครูปาดเป็นอีกเรื่องเล่าที่สร้างความซาบซึ้งใจให้กับคนเป็น"ครู" เนื่องจากเช้าวันนี้มีเรื่องราวของจูล - ด.ญ.ชาลิสา กฤตนัย อายุ ๑๓ ปี นักเรียนชั้น ม.๑ โรงเรียนเพลินพัฒนา ที่แล่นเรือใบประเภทออพติมิสต์ ออกจาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่คืนวันอังคารที่ ๒๘ มี.ค.๖๐ เวลา ๐๑.๐๐ น. โดยมุ่งหน้าสู่หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในเวลา ๒๑.๒๑ น. วันพุธที่ ๒๙ มี.ค.๖๐ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ระยะทาง ๖๐ ไมล์ทะเล หรือ ๑๑๐ กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งสิ้น ๒๑ ชั่วโมง ๔๑ นาที


ครูปาดเล่าว่า "...จูลเป็นนักเรียนของเรา ที่สามารถทำตามความตั้งใจของตัวเองจนสำเร็จ ด้วยการแล่นเรือใบตัดอ่าวตามตามรอยพระบาทขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งวันเต็ม นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานสำหรับเด็กที่อายุน้อยที่สุด บนเรือที่เล็กที่สุด ท่ามกลางความมืดมิด พายุและฝน..." ขณะที่ได้รับฟังหัวใจฉันมันทั้งตื้นตันและพองโตอย่างบอกไม่ถูก



และ "...หากเราทำในสิ่งที่มีคุณค่า และหากผู้ปกครองได้มองเห็นคุณค่า หรือความดีนั้น ครูหรือโรงเรียนแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเดินทางไปสู่คุณค่านั้นๆ ได้ด้วยตัวเขาเอง"




ครูปาดชี้ชวนให้ทุกคนได้ใคร่ครวญหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวของจูล แล้วบอกกับทุกคนว่า "...ลองหยั่งหัวใจให้ลึกว่าเรามีหัวใจแบบไหนที่เต้นอยู่..." ฉันรู้สึกเหมือนได้คิด ใคร่ครวญตนเองอีกครั้ง ทำให้ได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ทุกอย่างมีช่องทางไปเสมอ และ "ครู"ก็คือส่วนหนึ่งในส่วนเล็กๆของความสำเร็จนี้...


ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับจูลด้วยแรงกายแรงใจที่เต็มเปี่ยม เราร่วมร้องเพลง"คำพ่อสอน"ด้วยกัน


ฉันได้เรียนรู้ว่า ทุกเรื่องราวมีความสัมพันธ์กัน ฉันรู้สึกรื้นๆ ตื้นๆ ตันๆ ในใจไม่หยุด งานชื่นใจได้เรียนรู้กำลังเริ่มต้นอย่างงดงาม แล้วเสียงของครูใหม่ก็ดังขึ้นว่า "...รู้ว่าคุณครูทุกคนเหนื่อย เพราะเราอยากให้เด็กๆ ได้รู้จักความเป็นไทยให้ลึกซึ้งขึ้น... วันนี้อยากจะขอให้ทุกคนจริงจังกับการเรียนรู้เพื่อที่เราจะสามารถสร้างการเรียนรู้ที่ดีขึ้นให้กับเด็กๆ ของเรา และงานเขียน KM ที่เพื่อนของเราติดเอาไว้บนบอร์ดก็คือการส่งต่อประสบการณ์จากการปฏิบัติของครูทุกคน..."


ฉันรู้สึกประทับใจความร้อยเรียง เชื่อมโยงของกระบวนการในขั้นตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่าเป็นการส่งต่อไปสู่กิจกรรมการอ่านงาน KMจากงานเขียนของเพื่อนครูที่ทรงพลังเสียจริงๆ



สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยน


  • KM เป็นแรงบันดาลใจให้กับตนเองและช่วยให้เราอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น
  • ครูจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนรู้ เพราะเพียงแค่คิดโจทย์ดีๆ ที่ทำให้ผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อ
  • ครูควรมองเห็นเป้าหมาย ควรยกระดับไปในทิศทางที่สูงขึ้น เห็นเด็กให้ชัดและค่อยๆ เดินทางต่อไปด้วยเนื้อหา ทักษะ เงื่อนไข สภาพแวดล้อม ที่ยากขึ้น และควรต้องทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงของสิ่ง ที่ไม่นิ่ง มีการแปรสภาพอยู่ตลอดเวลา ต้องเห็นทั้งความซับซ้อน เห็นทั้งเหตุปัจจัยที่มองไม่เห็นง่ายๆ และต้องสามารถอยู่กับความคลุมเครือ และเดินทางไปในความคลุมเครือด้วยความชัดเจน
  • แหล่งขุมทรัพย์ของภาษาคือ วรรณคดีและวรรณกรรม
  • ครูหนึ่งสามารถพาเด็กก้าวผ่าน นำพาเด็กเข้าสู่ความสามารถของตัวเองได้
  • ครูจริง มีข้อดีคือการรับฟังเด็ก จึงเกิดบรรยากาศแบบคนที่คุยกันได้
  • ถ้าเข้าถึงหัวใจของการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง จะทำให้เราสามารถนำไปสอนในวิชาไหนก็ได้
  • ประถมศึกษา คือ การศึกษาเพื่อพัฒนาคนทั้งคนให้สมบูรณ์
  • กระบวนการเรียนรู้ในครั้งเปรียบเสมือนขุมพลังให้กับตัวเราได้ซึมซับ เรียนรู้ เพื่อก้าวต่อไป :)




คุณครูเกมส์ - สาธิตา รามแก้ว บันทึก

หมายเลขบันทึก: 628598เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2017 14:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2017 09:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท