" หนังสือ " ขุมทรัพย์....ที่ไร้ค่า ??


ทำอย่างไร จิตสำนึกของคนไทยในการอ่านหนังสือ...จะกลับมา ??


แต่ไหนแต่ไร ทุกคนก็รู้ว่า " หนังสือคือ...ขุมทรัพย์แห่งปัญญา"

แต่ไหนแต่ไร ทุกคนก็รู้ว่า " อ่านมาก ...ฉลาดมาก"

แต่ไหนแต่ไร ทุกคนก็รู้ว่า " โลกทั้งใบ ...อยู่ในหนังสือ"




เจ้าของ สำนักพิมพ์เล็ก ๆ ท่านหนึ่งบอกว่า ....

" ปัจจุบัน สำนักพิมพ์เล็ก ๆ ปิดตัวลงอย่างถาวร"

ทำไมหรือ...คนไม่อ่านหนังสือ หนังสือพิมพ์ออกมาก้อ...ขายไม่ได้ !

ดูแต่หนังหนังสือ " สกุลไทย" ที่มีอายุยืนยาวมาหลายสิบปี

ณ วันนี้...ยังต้องยุติ อย่างถาวร !

พนักงานร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านบอกว่า....

"เราไม่รับหนังสืออะไร ๆ มาขายอีกแล้ว รวมทั้งหนังสือพิมพ์ด้วย"...




และ...กับวลีเด็ดของ ผู้ที่ได้ชื่อว่า...เป็น " ผู้อำนวยการโรงเรียน"

( ที่อาจเป็นโรงเรียนเดียวในโลก...ก็เป็นได้....ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยว

กับอีกหลายสิบหลายร้อยโรง.........! )

"ห้องสมุดไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร...." เหมือนสนองกระแสแห่ง

กาลเวลา ที่พาให้คน (ไทย) ไม่....อ่านหนังสือ




" เมือ่ไม่อ่าน....ไฉนเล่า......เจ้าจะรู้

เมื่อไม่ดู......ไฉนเล่า......เจ้าจะเห็น...."

ทุกวันนี้คุณมะเดื่อมีความลำบากยากยิ่ง

กับการสอนให้เด็ก " เขียนเรียงความ"

เรียงความ...เป็นการเขียนเรียบเรียงความรู้

ทั้งหลายทั้งมวล ทั้งจากประสบการณ์และการอ่าน




" การอ่าน " นอกจากจะได้ความรู้อันหลากหลาย กว้างขวางแล้ว

ยังได้รูปแบบของการใช้ถ้อยคำ สำนวน การเรียบเรียงคำ ข้อความ

อันเป็นแบบอย่างที่ดียิ่งของการเขียนอีกด้วย

แล้ว....ไม่อ่าน....จะได้อะไรสำหรับเอามาเขียนเรียงความกันเล่า ??




เด็กอนุบาลหนึ่ง อนุบาลสอง มาโรงเรียนด้วยดวงตาที่ปรือ พร้อมกับ

อาการสลึมสลือ...ได้ความว่า แม่ให้เล่นเกมในโทรศัพท์จนติดเกม

เล่นตลอดตั้งแต่กลับบ้านไปจนดึก....!!

เด็กประถมไม่สนใจในเรื่องการอ่าน ไม่ทำ บอกพ่อแม่ว่า ไม่มีการบ้าน

เรียนแย่ลง...พ่อมาบอกครูว่า เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจหนังสือ

เด็กประถม มีมือถือเอามาอวดกันที่่โรงเรียน ใครไม่มีก็ให้พ่อแม่

ซื่้อให้.....พ่อแม่ก็ใจดีซื้อให้...!! แต่พอมาโรงเรียนไม่มีสมุด

ไม่มีดินสอจะเขียน ไม่มีหนังสือจะอ่าน โรงเรียนแจกให้

ก็หาย ไม่รู้เอาไปไว้ที่ไหน ??




จะทำอย่างไรกันดี...เพื่อที่จะให้ " หนังสือ" กลับมาอยู่ในมือ

ของ...เด็กไทย และ คนไทยทุกคน ...แทน " โทรศัพท์มือถือ"

ทำอย่างไร จิตสำนึกของคนไทยในการอ่านหนังสือ...จะกลับมา ??


หมายเลขบันทึก: 619478เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2016 22:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 ธันวาคม 2016 14:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีครับ เป็นความคิดในการนำเสนอที่ถูกต้องครับ

ผลการอ่านการเขียนของเด็กเป็นการยืนยันได้ว่า

"พูดมาก"ได้(ที่พูดมากแต่ไม่ได้เรื่อง ถ้าให้พูดเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่ได้มากเหมือนกัน)

แต่ "เขียนมาก" ไม่ได้

แล้วใครจะช่วยละครับ ถ้าไม่ใช่ "ครู "


สวัสดีจ้ะท่านอาจารย์ธนา ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณ

อาจาย์เป็นอย่างสูงที่กรุณาให้เกียรติมาแสดงความคิดเห็น

ที่บันทึกนี้

จริง ๆ แล้ว นิสัยรักการอ่าน โรงเรียนมีส่วนส่งเสริม

สนับสนุนเป็นอย่างมาก แต่ครอบครัว หรือบุคคล

รอบ ๆ ตัวเด็กก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยจ้ะ

แต่...หากครอบครัวและบุคคลรอบ ๆ ตัวเด็ก

ยังเป็นสมาชิกที่ดีของ " สังคมก้มหน้า" ก็ไม่มีหวัง

ที่จะทำให้เด็ก ๆ รักการอ่านได้ การอ่านที่โรงเรียน

จัดให้ก็จะกลายเป็น " บังคับ " ให้เด็กอ่านไป

ไม่เกิดผลที่ดีเลยจ้ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจ

-สวัสดีครับพี่ครู

-การอ่าน+การเขียน ช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติได้เรียนรู้ เรียบเรียง ความคิดจริงๆ ครับ

-ต้องช่วยกันสร้างสรรสิ่งดี ๆ ต่อไปครับ

-เป็นกำลังใจให้พี่ครูนะครับ


หวัดดียามบ่ายจ้ะน้องเพชร

ต้องบอกว่า สำหรับสังคมไทย

จะสร้างสังคมแห่งการอ่านให้เกิดขึ้น

คงยากนักแล้ว เพราะ เดี่ยวนี้

คนทุกวัย นับแต่วัยเด็กเล็กจนถึง

วัยคุณปู่ คุณย่า ก็สมัครใจเป็น

สมาชิกที่ดีของ " สมาคมก้มหน้า"

กันแทบจะทั้งประเทศแล้ว

ก็คงต้องทำใจล่ะจ้า่า

คิดถึงนะ...บ้านไร่หนาวหรือยังจ๊ะ

ปัญหาเดียวกันเลยค่ะครูมะเดื่อ

ผมเชื่ออยู่อย่างเสมอ

..

หนังสือนั้นไม่เคยไร้ค่ากับเราเลยสักครั้งเดียว...เมือเปิดอ่าน

..

เชียร์ครับ

หวัดดีจ้ะคุณตุ๊ก

ปัญหานี้ น่าจะเป็นปัญหาระดับชาติ

ไปแล้วนะ ทุกที่ ทุกหน ทุกแห่ง

ก็เจอเหมือน ๆ กันนะจ๊ะ

คิดถึงจ้าา

หวัดดีจ้ะคุณแสง

สำหรับคุณมะเดื่อ ก็เชื่อเช่นนั้นจ้ะ

หนังสือคือโลก คือขุมทรัพย์ทางปัญญา

แต่จะทำอย่างไรให้ เด็กยุตดิจิตัลคิดเห็น

และรู้สึกเช่นนี้ดีล่ะจ๊ะ

ระลึกถึงเสมอจ้ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท