<p “=””><p “=””><p “=””>ข้าพเจ้าได้รับเชิญเในฐานะผู้แทนมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ไปร่วมในงานมหกรรมพลังเยาวชน “พลังสร้างสรรค์ ละอ่อนน่านฮักถิ่นเกิด ปี ๒ “ เมืีอวันที่ ๓๐ กรกฏาคม ๒๕๕๙ ณ ช่วงเมืองน่าน วัดภูมินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน สนับสนุนโดยมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ และมูลนิธิส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน (วัดโป่งคำ)
</p>
<p “=””></p>
<p “=””>
พิธีการเริ่มโดยเยาวชนละอ่อนน่านฮักถิ่นเกิด ได้เคลื่อนริ้วขบวน จากบริเวณหน้าโรงแรมเทวราช สู่ช่วงเมืองน่าน (ละอ่อนสะท้อน คนใหญ่ฮี้อตื่น) โดยผู้ร่วมขบวน ได้แก่ เครือเยาวชนจังหวัดน่าน ผู้ปกครองเยาวชน นักวิจัยชุมชน ภาคีเครือข่ายจากต่างจังหวัด และผู้สนใจ
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
ประธานในพิธีกล่าวเปิดงานโดย นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้แสดงความยินดีที่ได้เห็นความตั้งใจของลูกหลานคนเมืองน่าน ที่ได้เป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดเจตนารมณ์ องค์ความรู้ และภูมิปัญญาในการรักษา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม
วิถีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมน่านให้เป็นสมบัติอันทรงคุณค่าของสังคมน่านต่อไป
เมื่อเห็นลูกหลานละอ่อนน่านแสดงพลังพลเมืองที่จะมีส่วนร่วมพัฒนาเมืองน่านแล้ว ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันสนับสนุนทั้งทรัพยากรและกระบวนการเรียนรู้ให้เยาวชน
เพื่อให้สังคมเมืองน่านจะได้มีกำลังคนรุ่นต่อไปที่จะสืบต่อคุณค่าสิ่งดีๆ
เพื่อบ้านเมืองต่อไป
และในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดต้องสนับสนุนและดูแลเยาวชนชุดนี้ให้เขาเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า
คนรุ่นใหม่ต้องคิดขึ้นมาอีกว่าอะไรที่จะมาทำลายความเป็นน่านของเราบ้าง
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
พระครูสุจิณนันทกิจ (พระอาจารย์สมคิด จารณธัมโม)
ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน (วัดโป่งคำ) กล่าวถึงการทำงานของโครงการน่านในปีนี้ ยังคงมุ่งเป้าไปที่ “โครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของการปลูกฝังสำนึกของคนรุ่นใหม่
ตามเป้าหมายของโครงการคือ อยากเห็นคนต้นแบบของคนเมืองน่าน
และอยากจะเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ดี
ที่จะมาจะเป็นต้นกล้าและต้นแบบในอนาคต
การจัดงานครั้งนี้ถือว่า เพื่อเป็นการปลุกสำนึกหรือกระตุ้นเตือนให้น้องๆ
เยาวชนตลอดจนกลุ่มคนที่อยู่ในเมืองน่านที่เกี่ยวข้อง
ได้รู้เห็นว่าน่านวันนี้ ไม่เหมือนน่านวันก่อนๆ
เพราะน้องๆ
เยาวชนมีความตื่นตัว และพร้อมที่จะรับไม้ส่งที่ดีของน่าน ที่เราเรียกว่าครูภูมิปัญญา
</p> <p “=””> </p> <p “=””> นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร ที่ปรึกษาประชาคมจังหวัดน่าน แสดงความยินดีที่เยาวชนได้เตรียมตัวมาอย่างดียิ่ง เพราะไปเห็นตามซุ้มต่างๆ ได้ไปอ่านไปศึกษาอย่างมีความสุข ทำให้เห็นเยาวชนสมัยนี้ไม่ใช่คนที่ใช้เวลาไม่เกิดประโยชน์ แต่ได้นั่งคิดนั่งทำ วิ่งทำ เดินทำ เพื่อที่จะสืบสานสิ่งที่ดีๆ ของจังหวัดน่านให้มีอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินน้ำป่า หรือเรื่องวัฒนธรรมทั้งหลาย อันนี้เป็นความหวังที่ผู้เฒ่าทั้งหลายคิดอยู่ในเรื่องนี้ และเมื่อได้มาเห็นเยาวชนทั้งหลายได้ทำสิ่งเหล่านี้ก็นอนตายตาหลับ ไม่ต้องเดือดร้อนแล้ว ได้หวังพึ่งเยาวชนทั้งหลาย แต่ละคน เวลาไปยืนพูดให้ฟัง เป็นคนไม่พูดเล่น ไม่ใช่คนที่เล่นเฟซบุ๊คไปไลน์ไป เป็นคนที่มีคำพูดที่ออกมาจากความคิด ความคิดมาจากปัญญา และปัญญามาจากการลงพื้นที่ทำเอง อันนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก ต้องขอบคุณองค์กร หน่วยงาน ที่พากันมาลงแรงลงมือ ช่วยอบรมน้องๆ ทั้งหลายให้เป็นคนที่มีความคิดความอ่านไปในทางที่ถูกที่ควร คิดว่าจังหวัดน่านยังคงมีปัญหาอีกมากมายอย่างที่ท่านผู้ว่าฯ ได้กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ แต่ถ้าเราหวังให้คนที่อื่นมาช่วยอย่างเดียวมันคงเป็นไปไม่ได้ เราต้องเริ่มที่เราเองก่อน ความสะอาด ต้องเริ่มที่ใจก่อนคือใจสะอาด เริ่มจากสมองเป็นสมองสะอาด และเริ่มจากปัญญาเป็นปัญญาที่สะอาด แล้วมีพละกำลังที่จะทำ </p>
<p “=””> </p> <p “=””> ข้าพเจ้าในฐานะผู้แทนมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้กล่าวชื่นชมเมืองน่านที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเป็นครั้งแรกในชีวิต มีความปะทับใจในความสวยงามของวัดวาอาราม ภูมิทัศน์ที่สะอาด สงบสุข ของเมืองน่านและความเป็นมิตรของชาวน่าน ในวันนี้ มีความยินดีที่ได้เห็นเยาวชนน่านมีความเข้มแข็งพร้อมเพรียงในการแสดงออกอย่างทรงพลังทั้งในเรื่องวัฒนธรรมและการจัดทำโครงการดีๆ ที่สะท้อนว่า การที่มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ และภาคีเครือข่าย ได้สนับสนุนการสร้างคนรุ่นใหม่ ให้มีสำนึกและรับผิดชอบต่อส่วนรวม ต่อถิ่นที่อยู่อาศัย ได้บังเกิดผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์ด้วยความขอบคุณเยาวชนน่านว่า ในขณะเดียวกับที่ผู้ใหญ่ใจดีเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อให้รับรู้ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆจนเกิดความเข้าใจและเชื่อมโยงตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และลุกขึ้นมาทำประโยชน์แก่ส่วนรวมนั้น เยาวชนเองได้เปิดใจ เปิดโอกาส ให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาเยาวชนจนเกิดการเชื่อมร้อย มั่นคง และยั่งยืนเช่นเดียวกันอย่างราบรื่นเป็นอย่างดียิ่ง </p> </p>
<p “=””><p “=””>เยาวชนโครงการในปี ๒ ได้ร่วมสะท้อนการเรียนรู้ เช่น สามเณรศุภฤกษ์ กันทะ แกนนำเยาวชนโครงการสามเณรมัคคุเทศก์วัดพระธาตุแช่แห้ง ได้กล่าวว่า “ตอนแรกก็รู้สึกแย่ เพราะประวัติมันยาว แต่พอได้อ่านและศึกษา ก็เริ่มน่าสนใจ และชอบในที่สุด อยากให้ทุกคนที่มาที่วัด ได้รู้ประวัติความเป็นมาอย่างแท้จริง จะได้อนุรักษ์และรักษา เพราะบางคนแค่มากราบไหว้ แต่ไม่รู้ความหมาย ตอนแรกมีอะไรหลายอย่างที่ผมไม่รู้ เช่น พระวิหาร ผมไม่คิดว่ามีปริศนาธรรม ประวัติความเป็นมา แต่เมื่อมารู้ จึงเกิดความรู้สึกอยากอนุรักษ์ โดยการส่งต่อให้ผู้อื่นได้รู้ตามด้วย”
</p> <p “=””> </p> <p “=””> นางสาวจิรัชญา โลนันท์ เยาวชน แกนนำโครงการศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าชุมชนบ้านหัวนา สะท้อนการเรียนรู้ว่า … “ ตอนเป็นเด็กหนูได้เข้าไปเก็บเห็ดป่า ได้เข้าไปเล่นน้ำ ป่าเหมือนสวนสนุกของพวกหนู พอมาวันนี้พ่อแม่ไม่ได้สอนให้ลูกๆ เข้าป่า เด็กๆ ไม่รู้ว่าอะไรในป่าที่กินได้ เห็ดอะไรที่กินได้ หน่อไม้อะไรกินได้ จึงคิดว่าเราจะคิดอย่างไรให้เด็กๆ เข้าป่า จึงคิดทำโครงการนี้กันขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กในชุมชน และผู้สนใจเข้าไปสำรวจป่า กระแสภูเขาหัวโล้น ว่าคนน่านทำลายป่า พ่อแม่ ทำเกษตรเป็นผู้ทำลายป่าก็รู้สึกเสียใจ พวกหนูจะขอเป็นตัวแทนของคนน่านที่จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นผุ้ทำลายป่า แต่เป็นผู้หนึ่งที่ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไว้เหมือนกันค่ะ…”
</p> <p “=””> </p> <p “=””> นางสาวจิราภา เทพจันตา แกนนำเยาวชนโครงการสืบสานศิลปะการฟ้อนรำไตลื้อและดนตรีพื้นบ้านเผยว่า “”หนูสังเกตว่าเมื่อจัดกิจกรรมงานไทลื้อประจำปี มีแต่คนรุ่นอายุ 40 กว่าขึ้นไปที่จะแต่งตัวไทลื้อ แต่คนส่วนมากหรือเด็กๆ แต่งชุดธรรมดาไปร่วมงาน จึงไปถามเด็กๆ ว่าทำไมไม่แต่งชุดไทลื้อมางานกัน น้องๆ บอกว่าไม่แต่ง เพราะอายเขา จึงมาเป็นแรงบันดาลใจให้พวกหนูมาทำโครงการ ถึงแม้พวกหนูจะพอรำเป็นบ้าง แต่คิดว่าถ้าเราจะสืบทอดการแสดงต้องให้ถูกต้องตามแบบแผนของชาวไทลื้อ พวกหนูต้องลงไปเก็บข้อมูลทั้งท่ารำ ประวัติ การแต่งกาย โดยไปสอบถามจากผู้รู้ในหมู่บ้าน ทำให้รู้ว่าท่ารำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากท่าทาง การทอผ้าของผู้หญิงไทลื้อในอดีต ทำให้หนูได้เรียนรู้ความหมาย เมื่อก่อนเวลาหนูฟ้อนก็ฟ้อนไปเรื่อย ไม่รู้ความหมาย แต่วันนี้ทำให้พวกหนูรู้ถึงความเป็นมาของท่ารำ ที่สอดแทรกวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทลื้อ ทำให้รู้สึกรักศิลปะบ้านเรามากขึ้น และรู้สึกรักบ้านเกิดมากขึ้น และโครงการนี้จุดประกายให้เลือกไป เรียนต่อที่โรงเรียนเชียงกลางประชาพัฒนา ที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะการแสดงไทลื้อ ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเธอ </p>
</p> <p “=””> สำหรับโครงการดีๆ ๑๓ โครงการ ที่มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้นำมาถอดบทเรียนไว้ในหนังสือชื่อ “พลังพลเมืองละอ่อนน่าน ฮักบ้านเกิด ปี ๒” ที่ข้าพเข้าขอนำภาพบางส่วนของแผนผังการทำงานและ mind map บางโครงการมาเผยแพร่ ดังนี้
<p “=””><p “=””><p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
</p>
<p
ในช่วงเวลาสองวันที่เมืองน่าน ข้าพเจ้าและน้องๆบางคนในทีมงานของมูลนิธิสยามกัมมาจลมีความสุขใจกายที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มีโอกาสไปกราบสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิโบราณนับร้อยปี เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง วิหารพระนอน และวัดภูมินทร์ที่มีภาพเขียนฝาผนังงดงาม รวมทั้งได้พักอาศัยในโรงแรมรูปทรงโบราณที่มีความทันสมัยสะดวกสบาย ในราคาสมเหตุผล อาหารพื้นเมืองที่รสอร่อยถูกปาก และผ้านุ่งเมืองน่านที่ได้อุดหนุนกลับมาหลายผืน เมืองน่านจึงถูกจัดอันดับเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของแผ่นดินไทย
</p>
<p “=””
</p>
</p> “=””> </p> <p “=””> </p> <p “=””>
/p>
<p “=””>
</p>
<p “=””>
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
</p>
<p “=””>>ภาพและข้อมูลบางส่วนจากมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์
</p>
พี่ใหญ่ครับ
ที่น่านมีการเรียนรู้ที่หลากหลายมาก
น่าชื่นชม
ขอบคุณพี่ใหญ่มากครับที่บันทึกให้อ่าน
ปล พี่เปาอาการเป็นอย่างไรบ้างครับ
ชอบเมืองน่านมากค่ะคุณป้าใหญ่ ให้ไปก็ไปอีก
ผู้ใหญ่ให้โอกาส เด็ก เยาวชน เชื้อสายต่าง ๆ ต้นทุนสูงจากชีวิตเป็นสุขอยู่แล้ว คิดดี ก่อการดี สืบทอดจิตวิญญาณ วัฒนธรรมดีงามของคนเมืองน่าน ..... ชื่นชมมากค่ะ
ขอบพระคุณเรื่องราวดีงามจากคุณป้าใหญ่เสมอนะคะ
ขอบคุณพี่ใหญ่สำหรับเรื่องราวน่าชื่นใจนี้นะคะ ถ้าทุกๆจังหวัดทำได้แบบนี้น่าจะดีมากเลยนะคะ
ที่นี่เป็นอีกทีหนึ่งที่อยากไปค่ะ เมืองสงบร่มเย็นน่าอยู่ ยังมีความดั้งเดิมให้เราได้สัมผัสเสมอค่ะ
ขอบพระคุณพี่ใหญ่ที่มีโครงการดีๆให้กับเด็กเมืองน่าน น้องฮักน่านคนน่านแต้ๆภาคภูมิใจในความเป็นคนน่านที่มีวัฒนธรรมที่ดีงามยาวนานมานับจากสายน้ำน่านจากเหนือดอยภูคาสู่ใต้เมืองน่าน มีซอล่องน่านสืบสานต่อมา...สรุปว่ารักถิ่นเกิดแต้ๆเจ้าพี่ใหญ่..ที่เคารพรักของเยาวชนทั่วประเทศค่ะ
กาดข่วงเมืองน่านเจ้า ..หน้าพิพิธภัณฑ์เมืองน่านเจ้าตรงข้ามคือวัดช้างค้ำวรวิหาร
กึดเติงหายามมะแลงแดดอ่อนๆ...ลมพัดมาวอยๆ เยาวชนคนเมืองน่านขอน้อมใจ๋กั๋นส่งดวงวิญญาณของแม่ใหญ่นงนาท สนธิสุวรรณ..สู่สรวงสรรค์เจ้า