..
ภาพวันที่พ่อเห็นลูกขี่จักรยานสีชมพูคันนี้..แล้วส่งยิ้มไปมาให้พ่อ....อย่างมีความสุข
จักรยานสีชมพูคันนี้พ่อซื้อให้เป็นของขวัญ...ในวันที่ลูกสอบได้เกรดเฉลี่ย 3.89 ก่อนจะขึ้นป.4
จักรยานสีชมพูคันนี้ อยู่กับลูกได้เพียงเทอมเดียว ในชั้นป.4 ....
แล้วมันก็หายไป ในค่ำคืนของวันที่ 28 กันยายน 2558
..
..
พ่อรู้ว่าลูกรักมันแค่ไหน?
ทุกวันศุกร์ตอนเย็นลูกจะกุลีกุจอ นำหนังสือเรียนพิเศษภาษาอังกฤษมาใส่เอาไว้ที่ตระกร้ารถ เตรียมพร้อมเพื่อจะขี่ไปเรียนพิเศษที่บ้านย่าในเช้าวันรุ่งขึ้น (บ้านย่านั้นอยู่ห่างจากบ้านของดวงใจประมาณ ครึ่งกิโลเมตร)
พ่อเห็นว่า...การได้ขี่จักรยานไปบ้านย่า นั่นเท่ากับว่า...พ่อได้สอนลูก...ให้กล้าที่จะออกไปผจญภัยในโลกกว้างใบนี้แล้ว
เพราะสักวันหนึ่ง....เมื่อลูกปีกกล้าขาแข็ง... ลูกต้องบินไกลกว่านี้ ...และนี่คือการสอนให้ลูกได้เรียนรู้โลกภายนอกตามลำพังด้วยตัวของลูกเอง
..
..
เช้าวันที่ 29 กันยายน 2558 หลังจากที่ลูกไปโรงเรียนแล้ว
และหลังจากที่พ่อส่งแม่ไปทำงานแล้วด้วยเช่นกัน...
พ่อกลับเข้าบ้าน เพื่อทำภาระกิจที่รอพ่ออยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน งานเตรียมสอน หรือแม้กระทั่งงานในสวนเองก็รอพ่ออยู่อย่างไม่ขาดสาย ...พ่อเดินเก็บข้าวของต่าง ๆ ที่ดวงใจวางเอาไว้บ้าง.. แม่วางเอาไว้บ้าง ให้เข้าที่เข้าทาง และก็มาสะดุดลงตรงที่....หนังสือเรียนพิเศษ ที่ปกติดวงใจจะใส่ลืมเองไว้เสมอในตระกร้ารถจักรยาน หลังจากที่ลูกเลิกเรียนพิเศษที่บ้านย่า และปั่นจักรยานสีชมพูคันนี้กลับมาจอดไว้ที่บ้าน
..
หนังสือเรียนพิเศษนี้มันตกอยู่บนพื้นหน้าบ้าน
..
ปกติพ่อจะไม่ค่อยห่่วงข้าวของต่าง ๆ ที่วางไว้ภายในบริเวณบ้านสักเท่าไหร่?.. บางครั้งพ่อก็วาง Notebook ทิ้งไว้ที่โต๊ะหน้าบ้านข้ามวันข้ามคืน แต่มันก็ยังคงอยู่ที่เดิมของมันเสมอ ....บางครั้งก็มากกว่านี้...อาจเพราะเนื่องจากว่า..บ้านของเราเป็นบ้านสวนที่อยู่ในชนบท ผู้คนก็เป็นคนที่รู้จักกัน และส่วนใหญ่ก็เป็นเครือญาติที่มาจากเกาะสมุย บ้านเดียวกับย่าของดวงใจเสียเป็นส่วนใหญ่ ...พ่อจึงปล่อยวางเรื่องเหล่านี้โดยไม่ได้คิดอะไร.... และตลอดระยะเวลาที่พ่ออยู่ที่บ้านสวนแห่งนี้ มันก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้พ่อคิด....
..
พ่อเคยตั้งลืมสิ่งของมีค่า แม้กระทั่งกระเป๋าสตางค์ของพ่อไว้หน้าบ้านอยู่หลายต่อหลายครั้ง พอพ่อตื่นเช้าขึ้นมาตอนเช้าถึงเพิ่งรู้ว่า...นี่เราตั้งลืมของมีค่าไว้อีกแล้ว ...และพ่อก็คิดอย่างนี้ของพ่อเสมอว่า....บ้านสวนของเรานั้นมันปลอดภัยที่สุดแล้ว
..
มาวันนี้... พ่อเห็นหน้าของลูกเศร้าไปถนัดใจ
เพราะพ่อรู้ว่า...มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ลูกเสียใจนั้นเอง
จักรยานสีชมพูคันนี้ พ่อซื้อให้ดวงใจเป็นของขวัญวันที่ลูกบอกผลการเรียนให้พ่อรู้.......พ่อซื้อมันมาในราคาไม่แพงหรอกนะ
...
แต่พ่อรู้ว่า...ของที่มีค่าต่อจิตใจของลูกนั้น ...มันไม่ใช่อยู่ที่ราคาค่างวดหรอก
พ่อรู้ว่า...ของที่มีค่าต่อจิตใจของลูกนั้น.... มันอยู่ที่ความผูกพันและการเห็นค่าของกันและกันต่างหาก
พ่อจึงรู้ว่า...ลูกคิดอะไรอยู่? ลูกคงไม่มีจักรยานสีชมพูคันนี้ ขี่ปั่นไปเรียนพิเศษกับป้าป้อมที่บ้านของย่าอีกแล้ว
..
ความผูกพัน....ในสิ่งที่ตัวเองเห็นคุณค่านั้น... มันเป็นสิ่งที่มีค่าของใครบางคนเสมอ
..
มาวันนี้...พ่อรู้แล้วว่า....สังคมบ้านเรามันเริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มากขึ้น ไปทุกวัน ทุกวัน
..
บางแห่งบางมุม....มันก็ดีจนน่ายกย่องสรรเสริญ
และบางเหลือบบางมุม.... มันก็เลวร้ายจนเราคิดไม่ถึง
..
พ่อไม่โทษ สิ่งใดในโลกหล้านี้หรอกนะ!!
เพียงแต่พ่อคิดว่า...เราจะทำอย่างไร? กับซอกเหลือบที่คอยเหยียบย่ำให้สังคมมันต่ำช้าลงไปนี้...ต่างหาก
..
และแล้ว...นับวัน... สังคมชนบท.... ก็เริ่มถูกสั่นคลอนด้วยซอบเหลือบนี้ด้วย... เช่นกัน
รอวันเวลา ที่มันจะแผ่ขยาย..กิ่งก้านสาขามากขึ้นตามลำดับ
..
..
..
ก่อนหน้านั้นพ่อยังแปลกใจอยู่นะ!! ที่....หม้อก๋วยเตี๋ยวของแม่ค้าหน้่าปากซอย... ที่เขาตั้งเอาไว้หน้าบ้านนั้น....มันหายไปไหนได้อย่างงัย!!!
แต่มาวันนี้..พ่อไม่แปลกใจแล้วละ!!
..
..
แต่พ่อก็ยังหวังอยู่นะว่า....สังคมชนบทที่พ่ออยู่นี้ มันต้องไม่เป็นเช่นนี้
ตราบใดที่น้ำดี ยังมีอยู่... พ่อจะยังคงเชื่อเช่นนี้ของพ่อเสมออยู่
..
สงสารก็แต่..ดวงใจ ....เพราะเด็กวัยเท่าลูก ลูกยังคิดกว้างเท่าพ่อไม่ได้
..
แต่พ่อก็จะสอนลูกเรื่อยไป...จนกว่า
ลูกจะปีกกล้าขาแข็ง... พร้อมที่จะผจญกับโลกกว้างใบนี้
..
บางทีคนที่เค้าเอาไปเค้าอาจจะใจอ่อนสงสารลูกก็ได้นะ!!
..
ปล. สุดท้าย หลังจากวันที่จักรยานของดวงใจหายไป 3 วัน ก็มีคนพบเห็นว่า...ได้มีคนขี่มาทิ้งไว้ข้างถนนสายใหญ่
พ่อจึงมีคำถามต่ออีกว่า...มันเกิดอะไรขึ้นนะ? ที่คนลักจักรยานของดวงใจไปแล้ว มันขี่มาทิ้งไว้ข้างถนน ทำไมมันไม่เอาไปขาย ทำไมมันเพียงแค่ขี่มาทิ้งไว้
หรือว่า....มันเพียงแค่ขอเอามาใช้ชั่วคราว...เสร็จธุระแล้วมันก็ทิ้งไป....เหมือนทิ้งขยะ.....
!@@@@@#@#@%$SWDW@#$%^#@++!!... เอาน่า..พ่ออาจเป็นคนที่ใจกว้างพอ...พอที่จะมองโลกใบนี้ ด้วยเหตุผลอื่น....เราอาจยืมเขาไปใช้แบบนี้ เมื่อชาติก่อน ชาติโน้น...ชาตินี้ เขาก็มาขอยืมกลับคืน ...!!#!$#R%@#%FDFADF@!!...เป็น เหตุเป็นผลที่ไม่ต้องพิสูจน์....แต่มันก็สบายใจดีนะ ...ขออโหสิกรรมระหว่างกัน..ก็แล้วกัน...
...ขโมย ...คนที่อยากได้สิ่งของคนอื่น...มีทุกชาติทุกภาษานะคะ...
ทุกสังคม ไม่ว่าเมือง หรือชนบท มีของหายครับ
เสียใจกับน้องดวงใจด้วยครับ
นั่นคือสิ่งที่จะฝึกให้น้องเขาเข้าใจโลกมากขึ้น
เราจะมีปัญหานี้มากขึ้น
ไม่ใช่เพราะปัญหาเศรษฐกิจอย่างเดียวนะคะ แต่เพราะคนถูกกระตุ้นผ่านสื่อทุกประเภทให้บริโภคทั้งสิ่งจำเป็นและไม่จำเป็น "มากเกินพอดี"
คนที่ศิลธรรมในใจต่ำจึงก่ออาชญากรรมได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าไม่มีที่ใดปลอดภัย แม้แต่ "บ้านสวน" หรือชนบทที่เคยสงบสุข ชีวิตจะยากขึ้นจริงๆ ค่ะ
ขโมยมีทุกที่ เดี๋ยวนี้ไว้ใจกันไม่ได้จ้ะ
ประมาทกันไม่ได้จ้ะ
-ที่บ้านไร่ของผม ณ เวลานี้รู้สึกปลอดภัย......ดีครับ
-แต่คงต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น เหตุยังไม่เกิดก็ต้องป้องกันเอาไว้..
-เป็นกำลังใจให้น้องนะครับ..
-ขอบคุณครับ
ถึงแม้บางอย่างจะหายไป แต่เราต้องไม่ลืมจริยธรรมนะครับ
สังคมเปลี่ยนไปครับพี่แสง
ความปลอดภัยลดลง
มาให้กำลังใจครับ
ผมก็เชื่อเช่นอาจารย์พจนา ครับ
แต่สังคมชนบท ที่บ้านผมนั้น มันอาจเจอน้อยมาก เมื่อครั้งโน้น
..
แต่ผมก้ยังซึมซับความรู้สึกเช่นเดิมครับ
เมื่อมี มันก็พอ
แต่ทุกวันนี้ ความไม่มีมันเพิ่มขึ้นนะครับ
เมื่อมีมัน...มันจึงไม่พอ จริง ๆ
..
ยังไม่อยากคิดเลยครับอาจารย์พจนาครับ
นี่คือสิ่งที่จะฝึกให้น้องเขาเข้าใจโลกมากขึ้น.....
..ชอบประโยคนี้ของคุณ พิชัย มากครับ
จะจำไว้นะครับ....เพื่อจะได้นำไปใช้ต่อ
ขอบคุณ ครับ
เราจะมีปัญหานี้มากขึ้น
ไม่ใช่เพราะปัญหาเศรษฐกิจอย่างเดียวนะคะ แต่เพราะคนถูกกระตุ้นผ่านสื่อทุกประเภทให้บริโภคทั้งสิ่งจำเป็นและไม่จำเป็น "มากเกินพอดี"
คนที่ศิลธรรมในใจต่ำจึงก่ออาชญากรรมได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน
.
ผมเชื่อพี่nui ครับ
..
ขอบพระคุณ ทุกความเห็นครับ
..
สุดท้าย หลังจากนั้น 3 วัน มีคนพบว่า...จักรยานถูกโยนทิ้งไว้ข้างถนน
..
สังคมมันเปลี่ยนไปจริง ๆ ครับ
แต่ก็ขออโหสิกรรมระหว่างกัน ครับ