Mom, where are you?...เสียงเพรียกจากพระหนุ่ม


ด้านสามเณรเล่า ...คงได้แต่ข่มใจและกัดฟันเดินจากมา ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปดู … Mom, I cried buckets when I left you behind

Mom, where are you? ...เสียงเพรียกจากพระหนุ่ม

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ หรือ ท่านเจ้าคุณอนิลมาน ธมฺมสากิโย พระภิกษุชาวเนปาล ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้เป็นองค์แสดงธรรม เรื่อง “ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก” ในการปฏิบัติธรรมข้ามคืน “ศุกร์ถึงธรรม สุขถึงใจ”

พระเดชพระคุณได้พูดถึงสภาพสังคมทั่วไปของอินเดียและเนปาล ซึ่งมีระบบชนชั้นวรรณะเป็นเครื่องกำหนดสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นมนุษย์ และสำหรับคนที่เกิดเป็น “ผู้หญิง” โดยเพศสภาพแล้ว ยังถูกเหยียดให้กลายเป็นคนอีกชนชั้นหนึ่งของคนในวรรณะเดียวกันอีกด้วย

ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู คนที่เกิดมาในวรรณะจัณฑาล มีค่าอะไรไม่ต่างกับธุลีดิน ยิ่งถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจัณฑาลแล้ว พวกเธอก็คือสิ่งไร้ตัวตนที่ไม่ได้มีความหมายใดๆ

แต่ไม่ว่าผู้หญิงจะอยู่ในสถานภาพเช่นใด วรรณะใด ยุคสมัยใด สิ่งหนึ่งที่พวกเธอมีเหมือนกัน คือ ความรักที่มีให้แก่ลูกน้อย... รักตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำไป

ท่านเจ้าคุณฯ จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่เมืองไทย ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเณรน้อย อายุเพียง 14 ปี

ในวันนั้น เมื่อสี่สิบปีก่อน... หัวใจแม่แทบสลาย... ลูกเณรจะกิน จะอยู่อย่างไร พลัดกันไปคราวนี้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมาหรือไม่ คลับคล้ายจะตายจาก

ด้านสามเณรเล่า ...คงได้แต่ข่มใจและกัดฟันเดินจากมา ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปดู … Mom, I cried buckets when I left you behind…

วันนั้นแม่อาจเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลชิดใกล้ แต่ถึงวันหนึ่งแม่ให้รู้สึกภูมิใจกับ “พระลูกชาย” ยิ่งนัก และเมื่อถึงวันที่แม่เป็นฝ่ายเดินจากไปบ้าง ... โยมแม่จะรู้บ้างไหม พระลูกชายรู้สึกอย่างไร … Mom, I wept gallons when you left me behind…

บทกวีบทนี้ ท่านเจ้าคุณฯ เขียนขึ้น ด้วยความระลึกถึงแม่ ทั้งยังได้อ่านให้พวกเราฟังด้วยตนเองท่ามกลางความเงียบในธรรมสถาน ...ฉันนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ รับรู้ด้วยสายตา ได้ยินด้วยหัวใจ ... ได้ยินกระทั่งความอ้างว้างที่เร้นลึกอยู่ในความอ่อนโยน

Mom, where are you?

Mom, I really miss you.

Mom, I feel safe when I was inside you.

Mom, I feel satisfied when I was breastfed by you.

Mom, now I feel scared when I am away from you.

Mom, with your kiss gave me a life.

Mom, with your love keeps me alive.

Mom, I need you on my side when I’m weak.

Mom, I need you to pull me aside when I conceit.

Mom, I remember you never give up on me.

Mom, I remember you always look out for me.

Mom, I cried buckets when I left you behind.

Mom, I wept gallons when you left me behind.

Mom, where are you?

Mom, I love you.

และฉันว่า... นี่ก็คงเป็น "ความโหยหาร่วม" ของทุกคนที่ไม่มี "แม่" แล้ว


หมายเลขบันทึก: 593286เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2015 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 สิงหาคม 2015 16:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

จำท่านได้

ตอนสมัยท่านได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระสังฆราช

ไปที่ ม ราชภัฏบ่อย เสียดายไม่มีโอกาสได้พบอาจารย์

วันที่ 13-14 สค 2558 ไปม ราชภัฏอีกครับ แต่อบรมอาจารย์ของสังคมครับ

โครงการมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม...

https://www.gotoknow.org/posts/592479

https://www.gotoknow.org/posts/592618

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท