โครงการพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอาเซียนสำหรับนิสิต (1)


โครงการพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอาเซียนสำหรับนิสิตของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

วันนี้ 17 กรกฏาคม 2558 เป็นผลสืบเนื่องจากผู้เขียนไปช่วย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในบันทึกนี้ คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์นิสิตของมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอาเซียนสำหรับนิสิตได้คัดเลือกนิสิตที่เป็นพระและฆารวาสรวมกันได้ 25 รูป/คน ทางสถาบันภาษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดูแผนที่ได้ที่นี่


ท่านพระมหาหรรษา, รศ.ดร.ผู้อำนวยการสถาบันภาษา

ตอนนี้ผู้เขียนอยู่ในห้องพุทธเมตา ฟังเพลงบรรเลงเพื่อรอนิสิตและผู้เข้าร่วมประชุม ท่านพระมหาสำรวยและท่านพระปารมี มาก่อนเลย ท่านพระมหาหรรษา, รศ.ดร.ผู้อำนวยการสถาบันภาษา บล็อกเกอร์ ของเราเป็นประธานในพิธี

ตอนแรกเป็นการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดได้ชม Video ของสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยแนะนำเรื่องทั่วไปของสถาบันภาษาว่ามีความเป็นมาอย่างไร ภาษาอังกฤษเปลี่ยนชีวิตผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างไร ต่อด้วยกิจกรรมฝากตัวเป็นศิษย์ การรับศีล 5 ก่อนการเรียนภาษาอังกฤษ

ท่านพระมหาหรรษา, รศ.ดร.ผู้อำนวยการสถาบันภาษาให้ความรู้แก่พระนิสิตและนิสิตว่าภาษาจะเป็นโอกาสทำให้เราได้เรียนรู้โลก เรียนรู้วัฒนธรรม ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้โอกาส นิสิตควรตกตวงโอกาสนั้นได้ดีที่สุด พร้อมทั้งเล่านิทานเรื่องเทพเจ้าแห่งโอกาสให้ฟัง มีขายาวพร้อมที่จะไปอยู่ตลอดเวลา ไม่มีผมข้างหน้าเนื่องจากถูกคนอื่นพยายามคว้า แต่ไม่สามารถจับได้ การเรียนภาษาเหมือนกับ fossil จะสะสมและเก็บไปเรื่อยๆ เมื่อมีโอกาสได้ใช้จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เหมือนการเรียนรู้การปั่นรถจักรยาน ถ้าเชื่อว่าภาษาสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ให้ทำบ่อยๆจะมีประสบการณ์(experience)และเป็นผู้เชี่ยวชาญ (expertise) ผู้เขียนทำกิจกรรม Find someone who ต่อ โดยให้ผู้ร่วมกิจกรรมสัมภาษณืกันเอง เป็น กิจกรรม Ice breaking ใบงานแบบในภาพ เมื่อใครทำกิจกรรมอะไรได้แล้วให้เขียนชื่อไว้ครับ


ในตอนสุดท้ายก็ช่วยกันสรุปว่าใครทำอะไรได้ ถ้าพูดภาษาอื่นได้เช่นภาษาจีน ก็ให้พูดเลย บางคนสามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ ก็ให้ร้องเลยครับ


ทั้งพระ และเณร นิสิต ฝึกภาษาอังกฤษโดยการสัมภาษณ์กัน แล้วเขียนชื่อผู้ทำกิจกรรมดังกล่าวได้เอาไว้

หลังจากนั้นก็แบ่งกลุ่มทำกิจกรรมกลุ่ม เขียนประโยค แล้วจะมาเขียนอธิบายต่อนะครับ ....


หลังจากนั้นตอนบ่ายท่านอาจารย์ ผศ.เพ็ญพรรณ เจริญพร จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร มาบรรยายเรื่องความรู้ให้นิสิตและพระเณรนิสิตได้เข้าใจเรื่องรากเหง้าของภาษาอาเซียน


นิสิต พระและเณร ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเพณีความเป็นมารากเหง้าของอาเซียนทั้งหมด อาจารย์สอนเรื่องประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้เรื่องเส้นทางการค้าในอาเซียน การเผยแพร่และการเข้ามาถึงความเชื่อ ความคิดของคนอาเซียนด้วย...มีการับอารยธรรมของคนที่เข้ามาในอาเซียน มีการพัฒนาเมืองท่าให้เป็นนครรัฐ ส่วนใหญ่อยู่ตามลุ่มแม่น้ำสำคัญ

ตามหลักฐานของจีน กล่าวไว้ว่า อาจาณาจักรฟูนันหรือฟูหนานเก่าแก่มาก ชาวจีนมีประวัติเล่าเรื่องพราหมณ์โกธัญญะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องประวัติศาสตร์อาณาจักรขะแมร์ในกัมพูชา ซึ่งตรงกับต้นอยุธยา นอกจากนี้ยังมีเรื่องอาณาจักรในไทย ตั้งแต่ทวารวดีจนถึง อยุธยา มีเรื่องอาณาจักรในพม่า ตั้่งแต่อาณาจักรพุกาม เรื่อยมาจนถึงพม่าเสียเอกสารให้อังกฤษ ความเป็นไปของอาเซียนนครรัฐก็ยังมีความสำคัญอยู่ มีอาณาจักรศรีวิชัย และเรื่องอาณาจักรของอินโดนีเซีย ในสังคมอาเซียนก่อนนั้นเป็นอักษรปาละวะ สมัยก่อนเขียนเรื่องความเชื่อทางศาสนา เรื่องการยกย่องเชิดชูประกาศเกียรติคุณของเทพเจ้า ในระยะแรกไม่ค่อยมีการพูดถึงเรื่องคนพื้นเมือง

ตอนเวลา 15.30 น.พี่อาจารย์สมศักดิ์ กัณหา และพี่อาจารย์สันติ จิตระจินดาจากโรงละครมายาฤทธิ์ ได้มาทำกิจกรรมรู้จักตนเอง โดยให้ทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และให้ย้อนเล่าเรื่องในอดีต เรื่องของอาหารที่ชอบ ความประทับใจในเรื่องเก่า แฟนคนแรกหรือคนที่รู้สึกดีๆเป็นคนแรก สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดในชีวิตคืออะไร สิ่งที่อยากทำมากที่สุดในชีวิตเมื่อจบการศึกษาคืออะไร สิ่งที่นึกในใจ ห้ามบอกใคร อะไรคือจุดเด่นของเรา 3 ข้อและจุดอ่อนของเรา 3 ข้อ เป็นต้น

ต่อไปให้กระดาษ 1 แผ่นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฉีกกระดาษ พับหรือเจาะกระดาษก็ได้ ให้กระดาษนั้นเป็นประติมากรรมแสดงตนเอง ให้เวลา 3 นาที เมื่อได้แล้วก็ให้มาเล่าว่า อะไรคือจุดเด่นของเรา 3 ข้อและจุดอ่อนของเรา 3 ข้อ โดยแสดงประติมากรรมนั้นๆด้วย

หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มช่วยกันสังเคราะห์ว่าอะไรเป็นข้อสรุปร่วมของกลุ่มว่าอะไรเป็นข้อดีและอะไรเป้นข้อเสียของกลุ่ม ลงในกระดาษแผ่นใหญ่ พร้อมทั้งแสดงประติมากรรมของกลุ่มลงในกระดาษ โดยติดกระดาษกาวนอกจากนี้ยังใช้ปากกาเขียนจุดเด่น 3 ข้อและจุดด้อย 3 ข้อด้วย หลังจากนั้นให้ไปติดที่กระดานและนำเสนอจุดร่วมของกลุ่มทั้งหมด ...

แต่ละทีมออกมานำเสนอของตนเอง ได้ประเด็นในเรื่องจุดอ่อนและจุดด้อยส่วนใหญ่ขัดแย้งกัน

อาจารย์สันติ จิตระจินดา ได้ให้ความคิดเห็นเรื่องความต่างควรมีจุดร่วมกัน ในการเรียนรู้เรื่องโลกความจริงที่เราอยู่เราควรหาความเหมือนและหาจุดแตกต่าง ในแต่ละชีวิตคนต้องมีการต่อรอง ดังนั้นทุกคนมีความรู้เท่าๆกันแต่เลือกวิธีทางที่ไม่เหมือนกัน ตัวตนของแต่ละคนจะไม่นิ่ง ชีวิตคนเราจะไม่นิ่งมีพลวัตอยู่เสมอ การให้รู้จักตนเองจะทำให้เราครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ศาสนาแต่ละศาสนาส่วนใหญ่มีวิธีปฏิบัติ ศาสนาพุทธคือศาสนาที่พระพุทธเจ้าบอกว่า มนุษย์สามารถแก้ปัญหาได้ เช่นเรื่องอริยสัจ 4 ทุกขื สมุทัย นิโรจ มรรค การเรียนภาษาทำให้เราก้าวข้ามไปได้ เรื่องการเข้าใจตนเองจะทำให้เราเผชิญตนเองชีวิตได้ด้วยตนเองได้

ทีมงานของอาจารย์สินติและอาจาย์สมศักดิ์ได้ให้ดู power point การมองความคิดของคนที่แตกต่าง การไปแลกเปลี่ยนกับในต่างประเทส จะต้องทำใจก่อน ว่าความจริงเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมทางจิตใจ ในมาเลเซียมีพหุวัฒนธรรม มีคนจีน คนมุสลิม คนคริสต์ สามารถอยู่ด้วยกันได้ คนอินเดียเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดี สภาพแวดล้อมมีผลต่อบุคคล ปัจจุบันบอกว่า สภาพทางสังคมจิตวิทยามีผลต่อบุคคล ทำให้คนมีความแตกต่างกัน ...

ในยุควัฒนธรรมเอเซียมีเรื่อง

1 นับถือผี 2. มีอารยธรรม 3.ยุโรปรุกราน 4. จักวรรดิอเมริกา 5.พลังเอเซีย

มีการจัดจัดประเภทชั้นส้งคม คือระดับสูง ระดับกลางและระดับต่ำ การศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงระดับชั้นในสังคมได้ ความจริงจังในการเรียนหนังสือในระดับอุดมศึกษาในประเทศอาเซียนสูงกว่าคนในประเทศไทย

แล้วจะเอาภาพกิจกรรมมาให้ดูนะครับ....ขอบคุณครับ....



ความเห็น (6)

มาร่วมอนุโมทนาบุญและชื่นชมสำหรับกิจกรรมที่ทำถวายพระ และนักศึกษาด้วยค่ะ

ขอบคุณพี่ใหญ่มากครับ

ได้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมนิสิตและพระ เณร ให้ได้ความรู้มากที่สุด

สาธุๆครับ

ดีจังเลย ได้สอนพระภิกษุสงฆ์....ได้บุญมากๆค่ะ ... น้อง ดร. ขจิต ดูแลสุขภาพ ด้วยนะคะ

เป็นห่วง ดื่มน้ำมากๆๆ นะคะ (เอา 33 คูณกับ น้ำหนักตัว.. จะเป็นปริมาณน้ำที่ต้องดื่มต่อวัน นะคะ ... เป็นซีซี ค่ะ)

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับอาจารย์ ผมก็เป็นศิษย์มหาจุฬาเหมือนกันครับแต่เรียนที่หนองคาย


ขอบคุณมากๆครับพี่ดร.เปิ้น

ขอบคุณครู ธิติพงษ์มากครับ

สาธุๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท