อิสระ...แต่รักกัน


การขออิสระมิใช่ให้ได้ในทุกเรื่องหรือทุกอย่าง แต่เฉพาะบางเรื่อง บางอย่าง บางเวลา บางกรณี บางสถานที่ บางเหตุผล บางความจำเป็น แต่อิสระนั้นย่อมมีเนื้อที่ ปริมาณหรือความกว้างมากกว่าเงื่อนไขจึงจะเรียกว่า "อิสระ...แต่รักกัน" อย่างสมบูรณ์

          มนุษย์มักหลงวนเวียนอยู่ในห้วงแห่งรัก ก็เพราะเราเกิดมาจากความรัก...นับจากบรรพบุรุษยุคไดโนฯ จนถึงยุคเทคโนฯ พ่อแม่ที่มีแต่รักและรักกันจนได้พยานรักแห่งเราขึ้นมา ลืมตาขึ้นมาก็ได้สัมผัสแห่งรักอันบริสุทธิ์ จึงยึดติดอยู่กับรักที่ว่านั้นเรื่อย ๆ มา เพราะถูกสอนให้เป็นฝ่ายรับรักมาตั้งแต่เกิด และเพิ่งจะได้เรียนรู้ที่จะให้รักแก่คนอื่นบ้างก็เมื่อได้รู้ว่ารักที่ได้รับนั้นเริ่มมีการแบ่งปันเฉลี่ยให้ใครคนอื่น (การเฉลี่ยรัก...ความคิดครั้งยังเยาว์วัย) ก็เพราะมีน้องเกิดมาอีกหนึ่งชีวิต และนี่ก็เป็นบ่อเกิดแห่งอารมณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้มนุษย์ได้เรียนรู้รัก...ชีวิต

          "อิสระ...แต่รักกัน" ได้ยินคำนี้ครั้งแรก จึงเริ่มตีความเสียยกใหญ่ ด้วยการใช้ฐานความคิดของตัวเองเป็นหลัก จากคำสองคำ คือ

          อิสระ >>> การไม่มีตัวตน ไม่ยึดติด ไม่ก้าวก่าย ไม่ครอบครอง ไม่... ไม่...ไม่... และปล่อยให้เป็นไปตามแต่ใจต้องการ จึงเรียกว่า "อิสระ"
          รัก >>> คนสองคนหรือหลายคน มีปฏิสัมพันธ์กันทางบวกเชิงสร้างสรรค์ จึงเรียกว่า "รักกัน"

          "อิสระ...แต่รักกัน" เป็นเรื่องที่ยากนักที่คนรักกันจะทำได้ เพราะเมื่อรักกันแล้วก็มักจะมีเงื่อนไขแห่งรักตามมาเสมอ ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นรักที่บริสุทธิ์ระหว่างบิดามารดากับบุตรก็ยังอิสระได้ยาก หากมีคำว่า "แต่..." หรือ "ขอเรื่องเดียว..." นี่ก็ถือว่าไม่อิสระเพราะอิสระที่ว่านั้นมักจะตามด้วยเงื่อนไขเสมอ ถึงแม้เงื่อนไขนั้นจะเต็มไปด้วยรัก แต่ก็ไม่ถือว่าอิสระ ก็เพราะมนุษย์ไม่อยากสูญเสียสิ่งที่รักไป จึงเรียนรู้ที่จะตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย รักนั้นจึงเป็นการยึดติด ครอบครอง ก้าวก่าย จึงไม่มีอิสระแห่งรัก

          "อิสระ...แต่รักกัน" ดูเหมือนจะเป็นภาระที่หนักอึ้งทั้งผู้ให้และผู้ขอ สำหรับผู้ให้จะมีความวิตกกังวลเกรงว่ารักนั้นจะหลุดลอยหายไป หากไม่มีเงื่อนไขช่วยดึงสายป่านแห่งรักไว้ เพราะความไม่เชื่อใจในสภาพแวดล้อมที่มาล้อมรัก ส่วนผู้ขอก็หนักเอาการตรงที่ต้องรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและบุคคลที่ตนรักเพราะต้อง "กตัญญูและศรัทธาในรัก" เนื่องจากความอิสระมักจะถูกแวดล้อมด้วยกิเลสตัณหา หากไม่ควบคุมตนเองหรือไม่มั่นคงในความรักพอรักที่ว่านั้นก็อาจจะกลายเป็นรักร้าง การปล่อยให้เป็นอิสระเหมือนการปล่อยเชือกว่าวให้หลุดออกจากมือไม่รู้ทิศรู้ทางล่องลอยไปตามกระแสแรงลม ไม่มีจุดหมายปลายทางแห่งชีวิต สุดท้ายว่าวนั้นก็ตกลงสู่พื้นดินในสภาพที่แทบจะใช้การไม่ได้อีกต่อไป นี่คืออิสระที่ไร้เงื่อนไขและการไม่ควบคุมใจตนเองให้หนักแน่นพอ ปล่อยให้หลงมัวเมาไปตามกิเลสตัณหา

          "อิสระ...แต่รักกัน" ในทางวิจัยเรียกว่า "อิสระ...เทียม" เนื่องจากเป็นอิสระที่มีเงื่อนงำอยู่ภายใน เพราะการขออิสระมิใช่ให้ได้ในทุกเรื่องหรือทุกอย่าง แต่เฉพาะบางเรื่อง บางอย่าง บางเวลา บางกรณี บางสถานที่ บางเหตุผล บางความจำเป็น แต่อิสระนั้นย่อมมีเนื้อที่ ปริมาณหรือความกว้างมากกว่าเงื่อนไขจึงจะเรียกว่า "อิสระ...แต่รักกัน" อย่างสมบูรณ์ และหากมนุษย์มีความเชื่อใจไว้ใจ เข้าใจ หนักแน่น มั่นคง ศรัทธาในรัก "อิสระ...แต่รักกัน" ย่อมสัมผัสได้ด้วยใจเพราะเป็นเรื่องของใจที่ใช้ใจรักอย่างอิสระ

          "อิสระ...แต่รักกัน" เปรียบดั่งการผ่อนปรนสายป่านที่ผูกติดไว้กับว่าว ให้รู้จักผ่อนบ้าง ตึงบ้าง ตามจังหวะและเวลา ตามสถานการณ์และแรงลม คนถือสายป่านก็ไม่รู้สึกอึดอัดกลับสนุกในการได้ผ่อน ได้ดึง ได้วิ่ง ได้เดิน ได้หยุด...รอ เป็นจังหวะแห่งชีวิต ส่วนว่าวนั้นเมื่อถูกดึง หรือได้ผ่อนปรนสายป่านตามจังหวะและทิศทางลมก็ไม่เซถลาดิ่งลงมาปักพื้นดิน แต่จะค่อย ๆ ทะยานตัวขึ้นสู่ฟากฟ้าและติดลมบนในที่สุด จึงมองว่าอิสระอย่างแท้จริง ในการดำเนินชีวิตก็เฉกเช่นกันให้เรารู้จักยึดหลัก "ทางสายกลาง" อย่าตึงเกินเพราะจะขาด หย่อนไปก็จะเหลวใช้การไม่ได้ รู้จักผ่อนปรนชีวิตจึงจะพบกับความ "อิสระและรักกัน" อย่างแท้จริง

หมายเลขบันทึก: 56493เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2006 22:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 15:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

อิสระ..แต่รักกัน ดูเผินๆ เหมือนคนเจ้าชู้ แต่อ่านพิศๆ ถึงรู้ว่า ยิ่งใหญ่มาก เป็นความรักที่ปลดปล่อยทั้งตนเองและผู้อื่น...อาจารย์ vij เขียนให้อ่านเข้าใจถึงแก่นความคิดและรายละเอียด...เขียนเก่งจังเลยค่ะ...

น้อมรับคำชมจากท่าน อ.จันทรรัตน์ ด้วยความเขินอาย

 ฟังครั้งแรกจากชายเจ้าชู้ค่ะ "อิสระ...แต่รักกัน" ก็เลยดูจะเห็นแก่ตัวสำหรับคนพูด หากมีคนกล้าขอ "อิสระ" มีหรือที่เราจะไม่กล้าให้ แต่หากกาลข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งกับคนขอและคนให้ก็ต้องยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย และจะไม่โยนบาปให้กัน อิสระ...แต่รักกัน ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกแห่งรัก

ทั้งคนขอและคนให้ต่างอิสระในรักนี้ มันจะเป็นบทพิสูจน์หนึ่งของคนสองคนว่าแท้ที่จริงเขาและเธอเข้าใจคำว่า "ความรัก" มากแค่ไหน

ขอบคุณท่าน อ.จันทรรัตน์ ค่ะ

  • แวะมาอ่านอิสระแต่รักกันครับ
  • มาช้ากว่าท่านอาจารย์จันทรัตน์
  • ยอมรับ ว่าเขียนเก่งมาก กัดฟันชมนะเนี่ย หายไปนานมาก มีคนบ่นคิดถึง รู้สึกว่าจะเรียนปริญญาเอกอยู่ อยากทราบไหมว่าใคร

(คิ๊กๆๆ...) แอบหัวเราะคุณ "ขจิต" มากัดฟันชม นี่ถ้าคุณ "ขจิต" เป็นเด็ก ๆ ก็คงจะบอกว่า "กัดเหงือกชม" หรือเปล่านะ...กำลังมองไปถึงพัฒนาการตามวัยของมนุษย์ค่ะ

เอ!! ตอนเด็ก ๆ แม่มักจะเอาขนมหวานมาล่อให้หยุดร้อง พอชักแก่ตัวขึ้นมาหน่อยก็มีคนเอา "ความคิดถึง" มาล่อซะนี่ เหมือนจะทราบว่า Vij ไม่ชอบทานขนมหวาน แต่ชอบทานความคิดถึง "ฮัดเช้ยๆๆ!! อยากรู้จังเลยว่าเอ่ยถึงฉัน ถึงได้จามอยู่ได้ตลอดวัน จนไม่มีเวลาทำงาน ใครบ่นถึงฉัน เลยจาม ฮัดเช้ยๆ"  บอกมาค่ะ...ถ้าไม่บอกจะบีบคอ แฮ...!!

ขอยืมคำพูด "อิสระ....แต่รักกัน" ไป post ใน MSN สัก 2 - 3 วันนะคะ

(กิ๊กๆๆ...) หัวเราะก่อนกล่าวคำทักทาย...สวัสดีค่ะคุณ "sompornp" ตกใจ!! นึกว่าใครแอบหย่องมาข้างหลัง ยินดีให้ยืมค่ะ "อิสระ...แต่รักกัน" 2-3 วัน หากเลยกำหนดจะคิดค่าเช่าแบบเหมาจ่ายค่ะ และหากใช้แล้วติดชาร์ทอย่าลืมส่งข่าวนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ

คุณ Vij คะมาชวนไปที่นี่ตามหานางฟ้า เชิญนะคะ
เดินตามหลังคุณ "เมตตา" ไปต้อย ๆๆ เลยค่ะ อ่านและลงความเห็นเรียบร้อยแล้วค่ะ สนุกมากมันส์จริง ๆ ชนิดไม่ต้องกินโก๋แก่...มันส์ทุกเม็ด เด็ดทุกคำ ความรักในแบบฉบับ คุณ "เมตตา" เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง และทรนงในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง แต่แฝงไว้ด้วยคุณธรรมศิลธรรม
  • ให้ทายว่าใครคิดถึง
  • ไปอ่านที่พี่เมตตามา สนุกมาก เจอคุณไมโตเล่าด้วย หลายคนมาเสริม สนุกดี

  อ่านไปนึกชมไปเหมือนจะเห็นได้ว่าในความหม่นหมองเมื่อเพ่งมองดี ๆ ก็จะมีความสดใสซ่อนไว้เสมอ ดีใจด้วยนะ เขียนดีจริง ๆ

คุณ "ขจิต" ยังอีก ยังไม่เฉลยอีกแน่ะ แถมยังจะมาท้า (ให้) ทายกันอีก "อิสระ...แต่รักกัน" เพราะอิสระนั้นยังมีเงื่อนไข เอาเป็นว่าหาก Vij ทายถูก จะให้อะไร อย่าบอกนะคะว่าจะให้ความคิดถึง

ไม่ทายดีกว่าทายผิดเดี๋ยวหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ พอทายถูกคนถามก็เฉไฉไปทางอื่นอีก ตกลงผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง เฉลยเลยดีกว่ามั้งค่ะ คนตอบจะได้ไม่ขาดทุกแต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าลงทุนอะไรไป...งานนี้ไม่หลงกลใครง่าย ๆ แล้วค่ะ

คุณไม่แสดงตน...แต่เห็นเป็นเงา ๆ ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม น้อมรับไว้ใส่ใจค่ะ เหมือนจะเห็นว่าในความหม่นหมอง เมื่อเพ่งมองดี ๆ ก็จะมีความสดใสซ่อนไว้เสมอ ดีใจค่ะที่ยังมองเห็นทะลุเข้ามาถึงกลางใจ แต่ว่าที่สดใสนั้นอาจเป็นเพียงเพราะปกปิดความเศร้าหมองก็เป็นได้

ขอบคุณคุณ สิริพร กุ่ยกระโทก ที่แวะเข้ามาทักทาย HAPPY HALLOWEEN เช่นกันค่ะ

คุณ Vij  คะ

  • เอา "อิสระ....แต่รักกัน"  มาคืนแล้วนะคะ  เพราะขอยืมไป 2-3 วัน (กะปุ๋มแซวเล็กน้อย)
  • จริง ๆ  2- 3 วันรวมกันน่าจะเป็น 5 วันนะ
  • (ยิ้ม...ยิ้ม)

คุณ "somporn" คะ ดีใจค่ะที่เอาอิสระ...มาคืน ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้อิสระกลับคืนซะแล้ว หายใจไม่ออกอยู่หลายวันค่ะ กำลังนึก ๆ อยู่ว่าเพราะเหตุใด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณ somporn เอาอิสระมาคืนนี่แหละค่ะ  ตอนนี้ค่อยหายใจทั่วท้องหน่อยค่ะ...อิสระจากพันธนาการ ได้รักกันอย่างที่ใจอยากจะรัก

คุณ "somporn" นี่เป็นคนรักษาสัญญาได้ดีจังค่ะ นับถือค่ะนับถือ ยิ้ม ๆ ไว้ค่ะ...โลกจะสดใส ด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ขอบคุณนะคะที่เดินผ่านมาในถนนสายนี้ และแวะเอาอิสระมาคืน (ยิ้ม ๆ)

     เข้ามาตามอ่านดูย้อนหลัง คห.นี้อาจจะเชยไปแล้วก็ได้นะครับ ไม่ว่ากันนะ
     อิสระ... แต่รักกัน ใช่อันเดียวกับรักกันอย่างอิสระไหมครับ พอดีไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพันนี้นัก แล้วการที่คนสองคนหรือหลายคน มีปฏิสัมพันธ์กันทางบวกเชิงสร้างสรรค์ จึงเรียกว่า "รักกัน" หากจริงก็แสดงว่าคำว่า "รักกัน" ของอาจารย์น้อง ต้องยิ่งใหญ่มากสิครับ รักอย่างนี้ไม่ค้ำจุนโลกได้เลยเหรอครับ ทำอย่างไรดีนะ ที่จะได้เห็น อยากเห็นจริง ๆ ครับ

ขอบคุณคุณพี่ "ชายขอบ" ที่เข้ามาอ่านย้อนหลัง

ชักจะไม่แน่ใจว่าใช่อันเดียวกันหรือเปล่า คงต้องกลับไปถามคนขออิสระก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาตอบใหม่ แต่โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าน่าจะเหมือนกันค่ะ "รักกันอย่างอิสระ"

คำว่า "รักกัน" ยิ่งใหญ่พอที่ค้ำจุนโลกได้ คงต้องเป็นรักที่มาจากใจจริง ๆ มั้งค่ะ ถ้าอยากเห็นละก็คุณพี่คงต้องรักใครจริง ๆ ที่มาจากใจสักคนแล้วละค่ะ (ยิ้ม ยิ้ม) แซวนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท