เมื่อพูดถึงแม่อายทุกคนจะนึกถึงคน ๑,๒๔๓
คนที่ถูกถอนชื่อจากคนสัญชาติไทยกลายเป็นคนไร้สัญชาติซึ่งไม่ใช่ความผิดของคนจำนวนนี้เลย
แต่เป็นความผิดของใครกันเล่า
และจากการถอนสัญชาติคนเหล่านี้มีผลกระทบไปถึงบุตรของคนที่ถูกถอนด้วยเช่นกันทำให้บุตรก็ไม่มีสัญชาติ
การไม่มีสัญชาติสร้างความลำบากแก่บุคคลนั้นเป็นอย่างมาก
การประชุมที่แม่อายในครั้งนี้ได้มีการพูดถึง
สิทธิที่จะได้สูติบัตร ถ้าบิดา มารดาแจ้งเกิดให้บุตรภายใน
๑๕ วันนับแต่บุตรเกิดก็จะได้ ทร.๑ แต่ถ้าเเจ้งเกิดเกิน ๑๕ วัน
ก็จะได้ทร.๒
สิทธิในการออกหลักฐานการศึกษา ในปี ๒๕๔๘
มีมติว่าให้ทุกคนมีสิทธิเรียนหนังสือได้
เมื่อมีสิทธิเรียนก็ย่อมมีสิทธิได้หลักฐานด้วยเช่นกัน
แต่มีปัญหาที่ว่าก่อนปี ๒๕๔๘
หลักฐานการศึกษาที่ออกให้นั้นจะมีปั๊มตราแดงด้วยว่าไร้สัญชาติ ซึ่ง ณ
ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
แต่ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรมได้เสนอว่าควรจะมีการผลักดันให้มีในโยบายแก้ไขเรื่องนี้ออกมาโดยด่วน
กรณีของผู้ที่ไม่มีเอกสารอะไรเลยรวมทั้งเลข ๑๓ หลักด้วย
นั่นหมายถึงการไม่มีตัวตน ดังนั้นเราต้องทำให้มีตัวตน
ด้วยการที่เราต้องยืนยันให้ได้ว่าเราเกิดที่ไหนเอาพยานมารับรองด้วยเมื่อทางอำเภอสอบพยานเราเสร็จถ้าเชื่อได้ว่าเกิดในประเทศไทยและควรที่จะมีสัญชาติไทยก็จะดำเนินการออกหนังสือรับรองการเกิดและออกเลข
๑๓ หลักให้และท้ายที่สุดก็จะเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้าน
และออกบัตรประชาชนไห้ก็เป็นได้
การประชุมในครั้งนี้ถือว่าได้สร้างความตื่นตัวให้รัฐแก้ไขปัญหาด้านสถานะบุคคลให้ได้อย่างเร่งด่วนไม่ใช่แต่เฉพาะกรณีที่แม่อายเท่านั้น
มาอ่านแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี