เพื่อนคนหนึ่งโทรมาหาผม...ยามสายๆ วันศุกร์...ว่า เพื่อนที่ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว...
ช่างรวดเร็วราวกับพายุที่บ้าระห่ำพัดรุนแรงแล้วจางหายไปเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้น…
ผมลนลานตั้งสติไม่อยู่...แต่พยายามทำงานและใช้ชีวิตเป็นปกติเช่นทุกวัน
รีบโทรศัพท์กระจายเพื่อนฝูงที่ไปใช้ชีวิตในพื้นที่อื่นๆ ให้ได้มากที่สุด
เพราะผมเกิดที่นี้...โตและทำงานที่นี้...ที่ที่พวกเราเคยเรียนกันมาตั้งแต่ประถม-มัธยม...
เหตุการณ์ที่จดจำและประทับใจมากที่สุดกับเพื่อนๆ...
ก่อนพวกเราจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ เมื่อจะจบมอหก...
เพื่อนๆ หลายคน รวมถึงผม...ไม่เคยเห็นทะเลเลย...
พวกเราทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายเลือกจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน
โดยมีคุณพ่อคุณแม่เพื่อนที่มีรถกะบะพาพวกเราไปกัน...
ความสนุก...ความรัก...ความอาลัยที่ต้องจากกัน
ทำให้พวกเราอยู่บนหาดทรายตลอดทั้งคืน
เราสัญญาว่า...จะยากดีมีจน...จะไม่ทอดทิ้งกัน...
วันสวดศพวันที่สอง...พวกเราเป็นเจ้าภาพ...มีเพื่อนเริ่มรู้ข่าว...และมาร่วมงานเกือบยี่สิบคน
พบความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนแต่ละคน...แต่ถึงไม่ได้ทักทาย แต่เมื่อมองและยิ้มให้กัน
ความรู้สึกยังเหมือนเดิม...ความปรารถนาดีและคำอวยพรยังมีให้เพื่อนเช่นเดิม
ผม...ได้เป็นตัวแทนเพื่อนในการเป็นเจ้าภาพงานศพ...
ตามจริงผมเคยเป็นเจ้าภาพหลายงาน...แต่ทุกงานจะมีเจ้าภาพหลายคน
ซึ่งแตกต่างจากงานของเพื่อนวันนี้...ผมต้องเป็นเจ้าภาพ...ซึ่งเป็นตัวแทนเพียงคนเดียว
มัคทายกต้องคอยบอกผม...กับขั้นตอนเป็นระยะๆ
และได้ความรู้ใหม่ คือ
ต้องจุดเทียนด้านซ้ายมือผมก่อน ตามด้วยเทียนด้านขวา...และจุดธูปสุดท้าย
ผมจำได้แม่นเพียงเท่านี้...แต่รู้ว่า...ผมต้องจุดเทียน และธูปหลายหน
และเมื่อเสร็จ...ผมเลือกหยาดน้ำ...ที่ต้นมะขามใหญ่ภายในวัด...
ผมจำไม่ได้ว่า...พึมพำอะไรบ้าง? จำได้เพียงว่า
“หลับให้สบาย...ถ้าชาติหน้าเพื่อนเชื่อว่า...เราจะได้เกิดมาอีก...ขอให้เราเกิดมาเป็นเพื่อนกันอีก”
บรรยากาศเงียบเหงา...ถามเรื่องชีวิตกัน...ถามเรื่องเพื่อนผู้ตาย
เพื่อนเป็นผู้ชายเป็นมะเร็งตับ...ผมเพิ่งไปป้อนข้าวและยาให้ไม่ถึงสัปดาห์
เพราะเพื่อนนอนพักที่ตึกที่ภรรยาของผมทำงานอยู่
มีเพื่อนผู้หญิงสนิทคนหนึ่งมาหาผม...เล่าถึงความรู้สึกที่ผมโทรไปหาว่าเพื่อนตาย
เพื่อนผู้หญิงคนนี้ก็ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สองบอกว่า
ร้องไห้อย่างหนัก...เขียนบันทึกสะเปะสะปะตั้งแต่ค่ำถึงเช้า
ว่าจะตายด้วยมะเร็งเหมือนเพื่อน...
ผมขอโทษเพื่อน...ที่แจ้งข่าวร้าย...ที่กะทบกระเทือนใจเพื่อน
พวกเราโอบกอดกัน...เหมือนวัยเด็ก...ตอนประถม
ผมบอกเพียงว่า...ใครจะไปรู้...เราอาจตายไปก่อนก็ได้...โดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนคนอื่น
เราจะต้องเป็นเพื่อนกัน และได้รักกันนานหลายปีนะสัญญา
ยามนี้...ใครมาถามผมว่า...ผมอยากทำอะไร?
ผมอยากไปทะเลที่เพื่อนๆ และผมเคยไปใช้ชีวิตด้วยกัน
แต่ขอไปทะเลคนเดียว
ทะเลสีดำ...ไม่นานก็เช้า.....
ขอบคุณบันทึกดีๆครับคุณหมอ
อ่านแล้วรู้สึกอาลัยกับการจากไปของเพื่อนพ้อง นะครับ
นี่ล่ะนะชีวิต
เศร้านะคะ .... วันหน้า วันไหน ไม่นานก็เป็นวันของเราเช่นกัน
ทำดีต่อไป มอบความปรารถนาดี บอกรักใคร ๆ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ขอบคุณบันทึกเตือน มรณานุสตินะคะ คุณทิมดาบ
ทะเลสีดำ ไม่นานก็เช้า ... เหมือนกับความทุกข์ครับ ไม่นานก็ หาย อย่างน้อย ๆ เพื่อนที่จากไปก็ไม่ทุกข์กับอาการเจ็บป่วยอีกต่อไป และทำให้เพื่อนที่เหลืออยู่ได้เห็นสัจจธรรมที่ว่า โลกนี้ทุกคนล้วน เกิด แก่ เจ็บ และตายไป ไม่มีใครหลีกพ้น เพียงแต่วันนี้ เราทุุกคนพร้อมแล้วหรือไม่ที่จะทำอะไรดี ๆ ไว้ก่อนการเดินทางไกล แสนไกล... เป็นกำลังใจครับ
ชีวิตนี้แสนสั้น อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำนะครับ
เสียใจด้วยนะคะน้อง
สักวันพวกเรา ก็ต้องจากไปเหมือนพวกเขานะคะ
เพียงแต่ ณ วันนี้ เรายังมีโอกาสใช้เวลาที่มีอยู่ของเราทุกวินาทีให้มีความสุข ให้มีคุณค่า
เรายังมีโอกาสทำบุญและความดีค่ะ
เป็นกำลังใจนะคะ
ภาพทะเลที่พี่กดชัตเตอร์ด้วยตัวเอง รถคันเก่งนำพาพี่ไปที่นั่นค่ะ
เสียใจกับครอบครัวด้วยนะคะ
ความตายนี้แขวนคอทุกบาดย่าง ไผกะแขวนอ้อนต้องเสมอด้ามดั่งเดียว (ผญาอีสาน) ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอเร็วหรือช้า
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
..... การเดินทางของชีวิต .... เข้าสู่ .... "การจากโลก-จากโรค" ..... เกิดทุกๆ วัน .... เส้นทางนี้ ต้อง "ทบทวนชีวิต" นะคะ
ฝากความคิดถึง ทีมดาบ มาณ. ที่นี้ นะคะ
ส่งความระลึกถึงเพื่อนผู้จากไปค่ะ ขอให้ไปสู่สุคตินะคะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณหมอ(ทิมดาบ)...กับการจากไปของเพื่อน
ไม่มีการเดินทางใดไม่มีที่สิ้นสุดครับ
หากแต่ สิ้นสุด สู่การเริ่มต้นใหม่ นั่นเอง