ใครว่าฝรั่งไม่กินทุเรียน


ใช่แล้วครับ "ใครว่าฝรั่งไม่กินทุเรียน" ยกมือขึ้น

แปลกแต่จริงว่าบ้านเรามีผลไม้ดีๆ อยู่มากมาย แต่เรากลับไม่สามารถขายได้ ผมสงสัยว่านอกจากเราขาดความรู้ทางการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรแล้ว เรายังมีความเชื่อผิดๆ ที่สืบทอดกันมา (ตั้งแต่สมัยไหนไม่รู้) อีกหลายอย่างด้วย

อย่างหนึ่งที่ "classic" มากๆ คือที่เขาบอกว่าฝรั่งไม่ชอบกินทุเรียน

ผมเจอฝรั่งไม่น้อยที่ชอบกินทุเรียน และสมัยผมอยู่อเมริกาผมเห็นทุเรียนวางขายอยู่ตามร้านขายของชำของคนจีน คนเวียดนาม คนเกาหลี ฯลฯ มาไม่น้อย ดูเหมือนทุเรียนเหล่านี้จะผ่านมาหลายมือกว่าจะถึงร้านแต่ก็ยังมีคนซื้อ ไม่รู้ว่าสมัยนี้จะดีกว่าสมัยก่อนหรือเปล่า

ทุเรียนจริงๆ แล้วอร่อยมาก กลิ่นก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากมายนัก เพียงแต่ชื่อของผลไม้อาจจะแปลกประหลาดไปบ้างเท่านั้นเอง อาหารฝรั่งมีอะไรที่เหม็นกว่าทุเรียนมากมายนักก็ยังขายกันได้ดี

คิดดูเล่นๆ ดีกว่า

สมมตินะครับ สมมติว่าผมมีอำนาจสั่งการได้

ผมจะตั้งชื่อทุเรียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "butter fruit" เพราะเนื้อทุเรียนโดยเฉพาะหมอนทองนั้นเหลืองนิ่มสวยงามเหมือนกับเนย

ผมจะส่งออกทุเรียนไปยังอเมริกา โดยสั่งการให้มีการศึกษาวิจัยให้สามารถส่งทุเรียนไปยังอเมริกาได้โดยยังคงสภาพความอร่อยไว้ได้โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด นักวิจัยไทยทำได้อยู่แล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็จ้างฝรั่งทำ

ผมจะเช่าบูทหน้า Walmart และ Costco ตามเมืองต่างๆ ในอเมริกาแล้วจ้างหนุ่มสาวผมบลอนด์แบบเชียร์ลีดเดอร์อเมริกันไฮสคูลมาปอกทุเรียนแล้วแจกทุเรียนให้คนชิม

ผมจินตนาการได้ยินเสียงสาวผมบลอนด์ (สีเดียวกับสีทุเรียน) ร้องเรียกลูกค้า

"Free butter fruits. Wanna try some?"

แค่นี้กลิ่นทุเรียนก็จะกลายเป็นกลิ่นที่หอมหวลทันที แถมจะส่งออกแทบจะไม่ทันอีกด้วย

มีของมากมายที่คนไทยนึกไม่ถึงว่าจะขายได้ในต่างประเทศ เลยไม่ยอมหาทางขาย ที่จริงแล้วสาเหตุที่ขายไม่ได้เพราะเราพยายามขายมันแบบขายคนไทยในประเทศไทย ผมเชื่อว่าถ้าเราจะขายของในที่ที่แตกต่าง เราก็ต้องคิดต่างครับ

หมายเลขบันทึก: 540971เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 16:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม 2013 16:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

butter fruit.  ต้องขายดีแน่ๆ. เลยค่ะ. 

^___^

Idea นี้ ขายได้นะคะ อาจารย์

เห็นใน TV เวลามีใครที่คิดและประดิษฐ์สินค้าอะไรใหม่ๆ แล้วไปวางขาย มักจะได้รับการตอบรับดีทั้งนั้น เพราะคนชอบซื้ออะไรที่แปลกใหม่

อ้อ! ตอนนี้ "ไอดิน-กลิ่นไม้" เจอปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนค่ะ ขออนญาตเรียนถามตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ คือ ลงบันทึกตาม Link นี้ http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/540899 ซึ่งใส่คำสำคัญ Happy Ba พอจัดเก็บข้อมูลพบว่า คำว่า Happy Ba ในช่องคำสำคัญมีไม้โทติดมาด้วยทั้งที่ไม่ได้พิมพ์ลงไป (ดร.ขจิต เคยบอกว่า เคยเจอปัญหานี้เหมือนกัน แก้หลายครั้งก็ไม่หาย) ผลก็คือ ทำให้บันทึกไม่ไปปรากฏในชุดคำสำคัญ Happy Ba จะแกปัญหานี้ยังไงคะ กรุณาตอบด่วนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

อาจารย์ไอดินฯ ค่ะ บันทึกของอาจารย์ (http://www.gotoknow.org/posts/540899) ได้อยู่ใน  Happy ba อยู่แล้วนะคะ http://www.gotoknow.org/posts?tag=happy+ba แสดงว่าได้แก้ไขการพิมพ์ผิดไปแล้วก่อนหน้านี้นะคะ

เรื่องปัญหาการพิมพ์ติดวรรณยุกต์ไทยนั้น ถ้าใช้บน Internet explorer (IE) จะมองไม่เห็น error ที่พิมพ์ไปนี้ค่ะแม้ error ยังไม่ได้ถูกแก้ก็ตาม แต่ถ้าใช้ Firefox หรือ Chrome จะทำให้เห็น error อยู่ค่ะ ช่วยให้ผู้พิมพ์รู้ได้ว่าตนพิมพ์ผิดไป ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะว่า IE จะปกปิด error เพื่ออะไรค่ะ :)


เข้าท่าครับ ต่อไปนี้คาดว่าชาว G2K จะเรียกทุเรียนว่า Butter fruit แน่ๆเลย
แล้ว ข้าวเหนียวทุเรียนน้ำกะทิ เขียนเป็นภาษาปะกิตว่าไงครับ

-สวัสดีครับ..

-Good idea .....

-ชอบ ๆ ครับ

-ต่อไปจะเรียกชื่อผลไม้ชนิดนี้ใหม่....

-Butter fruit ....


ทุเรียนของไทย แอนโชวี่ของฝรั่ง ชีสต์หลากหลายรสชาติของฝรั่ง ข้าวยำ น้ำบูดู

จริงๆ แล้ว กลิ่นไม่มีใครยอมใครเลยนะคะ

มันเป็นความเคยชิน ที่เรียนรู้กันได้ค่ะ

แต่สำหรับอาหารที่มีเครื่องเทศเครื่องซา และวาซาบิ ดิฉันไม่สามารถลองทานและทำใจให้ชินได้ค่ะ


ทุเรียนของไทย สุดยอดนะคะ


ว่าจะเขียนตอบอาจารย์เลยลืม

มีนักวิชการไทยพัฒนาทุเรียนไร้กลิ่น ใช้เวลา 22 ปี ชื่อ ดร.ทรงพล สมศรีครับ

เป็นทางเลือกหนึ่งน่าสนใจ 


แต่ผมว่าทุเรียนไร้กลิ่น คงเแปลกๆนะครับ

สวัสดีค่ะดร.ธวัชชัย...อยู่ที่แคนาดาเคยซื้อกิน ...เป็นแบบฟรีสมาเป็นกล่องๆรสชาติไม่อร่อย...และไม่เป็นพลูเนื้อจะเละๆเหมือนจับเอาชิ้นทุเรียนมาประกบกันให้มีลักษณะเป็นพลูทุเรียน...ก็ทำให้เสียลูกค้านะคะ

เป็นความคิดที่ดีค่ะอาจารย์

JJ ชอบทุเรียนทอดครับ สุกสุก ทานบ่ได้ อะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท