หรือทั้งสองคือ เทวทูต (ความสุข2)


เป็นการตอบแทนน้ำใจที่ได้รับมาและได้ให้ตอบกลับไปแก่ใครๆ แม้จะเป็นคนอื่นๆที่เราไม่รู้จัก

   เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาผู้เขียนได้ไปพบหมอตามนัด ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งครบปีพอดีหลังการให้ยา เพคอินทรอนและยากิน เรเบทอล ตัดสินใจเดินทางโดยรถไฟฟ้า เพราะสังหรณ์ใจว่ารถอาจจะติด

   ตั้งใจตั้งแต่ตอนไปว่าจะขอถ่ายรูปคุณปู เพื่อนำมาประกอบคำขอบคุณที่ คุณปูมีพระคุณกับผู้เขียน จนไม่รู้จะตอบแทนความมีน้ำใจในครั้งนี้อย่างไร

   วันนั้นเป็นอีกวันที่ผู้ป่วยเยอะมาก ประกอบกับระบบอินเตอร์เน็ตช้า จึงทำให้การเรียกรับคูปองต้องช้าตามไปด้วย ดีที่เตรียมหนังสือ(คนแคระ) ไปอ่านด้วยเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างการรอคอยที่แสนจะทรมานนั้น

   ระหว่างที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ พี่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆอายุน่าจะราวห้าสิบต้นๆ ได้เข้ามาคุยด้วย บอกว่าเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่พาแม่มาเอง ทุกครั้งจะมีญาติพามาด้วย จึงไม่ค่อยจะเข้าใจขั้นตอน

   "มาตั้งแต่หกโมงเช้าล่ะคะ แต่เพราะไม่รู้ทำให้เสียเวลา เดินขึ้นเดินลงอยู่นาน" พี่แกพูดเหมือนระบายความอักอั้นในใจ

   "แล้วได้คิวเท่าไหร่ครับ" ผู้เขียนถามพร้อมขอดูบัตรคิว พี่แกรื้อกระเป๋า หยิบเอกสารออกมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

   "อ๋อ ใกล้แล้วล่ะครับ รออีกหน่อยหากระบบใช้งานได้ก็ถึงแล้ว" 

   "ตอนนี้แม่ รออยู่บนชั้น6 เอ๊ะ หรือชั้น 4 นะเขาบอกให้เอ๊กเรย์ ไม่รู้จะทันหรือเปล่า" พี่ผู้หญิงยังพูดต่อคล้ายขอความเห็น

   "ขอดูใบนัดหน่อยครับ" ผู้เขียนถือวิสาสะ พี่ผู้หญิงยื่นเอกสารที่ถืออยุ่มาให้ทั้งหมด ใบนัดระบุเวลาพบหมอ9.30-10.30 น. ผู้เขียนพลิกข้อมือดูนาฬิกาบอกเวลา 9.30 น. แล้ว

   "แล้วจะทันไหมคะ" พี่ผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

   "ทันครับ ยังไงหมอเขาก็รอ" ระหว่างนั้นผู้เขียนพบว่าเอกสารของพี่เขาขาดสำเนาบัตร 30 บาท จึงบอกว่าต้องถ่ายเพิ่มอีกใบ

   แต่ท่าทางพี่แกคงจะไม่รู้อีกล่ะว่าต้องไปถ่ายตรงไหน ผู้เขียนจึงอาสาพาพี่แกเดินไปถ่าย ระหว่างนั้นผู้เขียนบอกว่าวันหลังถ้ามาให้รีบมาหยิบบัตรคิวก่อนอันดับแรก

   "แล้วต่อไปต้องทำอะไรต่อล่ะคะ" พี่ผู้หญิงยังคงถามต่อ ผู้เขียนขอดูเอกสารอีก พบว่ามีนัดเอ๊กเรย์ จึงบอกว่าต้องไปเอ๊กเรย์ที่ชั้น4ก่อนพบแพทย์

   "แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหนครับ" ผู้เขียนถาม พี่บอกว่าไม่แน่ใจว่าจอดรถเข็ญไว้ที่ชั้น 4 หรือชั้น 6 ผู้เขียนเลยบอกว่าน่าจะชั้น 4 เพราะเป็นชั้นที่ทำการเจาะเลือด ถ่ายเอ๊กเรย์ และ อัลต้าซ่าวด์

   หลังจากได้คูปองเรียบร้อย  พี่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาหาผม ยกมือไหว้ขอบคุณ ผู้เขียนต้องรีบยกมือไหว้ตอบพร้อมบอกว่าไม่เป็นไรครับ

   ผู้เขียนเคยบันทึกไว้เมื่อแรกๆที่มาพบหมอ หากคนที่ไม่เคยมาที่รพ. ไม่เข้าใจขั้นตอนจะรู้สึกกังวล ที่ต้องรอในแต่ละขั้นตอนอย่างยาวนาน อย่างผู้เขียนมาถึง แปดโมงกว่าได้บัตรคิวก้ต้องนั่งรอเรียก หลังจากได้คูปองเสร็จก็ไปรอคิวเจาะเลือดอีก และหลังจากเจาะเลือดเสร็จก็ต้องไปรอพบหมอตามเวลานัด

   กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 4 โมงเย็น เหมือนอยู่รพ.เกือบทั้งวัน นั่นเป็นเรื่องธรรมดามากที่หากจะได้ยินเสียงบ่นของคนไข้ และญาติที่มานั่งรอในแต่ละจุด

   วันนั้นเพราะคนไข้เยอะมากจุดมุ่งหมายที่จะขอถ่ายรูปคุณปูมีอันต้องยกเลิกไป เพราะคุณปูเองก็ยุ่งมากมาย เห็นเดินเข้าเดินออกไม่หยุด

   แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือพี่ผู้หญิงคนนั้น เป็นการตอบแทนน้ำใจที่ได้รับมาและได้ให้ตอบกลับไปแก่ใครๆ แม้จะเป็นคนอื่นๆที่เราไม่รู้จัก

.....................

   หลังจากเสร็จธุระที่ รพ. ก็รีบเดินทางกลับ ระหว่างที่ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ที่สถานีศาลาแดง พี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาถามว่า 

"ไปอนุสาวรีย์ไปทางไหนคะ" พี่ผู้หญิงสวมแว่นกันแดด สวมหมวกเหมือนนักท่องเที่ยว แต่สำเนียงคล้ายจะเป็นคนอีสาน

 "อนุสารีย์ชัยสมรภูมิใช่ไหมครับ" เธอพยักหน้า ผู้เขียนจึงบอกว่าขึ้นที่นี่แล้วไปต่อที่สยาม เธอบอกขอบคุณ ผู้เขียนเดินจากพี่แกมาถถ่ายรูปรถไฟฟ้าฝั่งตรงข้าม

  เมื่อถึงสถานีสยามซึ่งจะมีผู้คนเยอะมาก เดินขวักไขว่ไปมาอย่างรีบร้อน ระหว่างที่ผู้เขียนกำลังลงบันไดเลื่อน พี่ผู้หญิงคนเดิมก็เดินมาถามอีก

   "อนุสาวรีย์ไปทางไหนคะ" ผู้เขียนกำลังจะก้าวลงไปขั้นแรกของบันไดเลื่อนต้องหยุดด้วยความที่คาดไม่ถึงว่าพี่ผู้หญิงคนนั้นยังตามผู้เขียนอยู่ จนคนที่เดินตามหลังต้องเบี่ยงหลบแทบไม่ทัน

   "เออ ไปอีกฝั่งหนึ่งครับ ถ้าไม่เข้าใจให้ถาม รปภ. ก็ได้ครับ"ผู้เขียนตอบพี่แกไปพร้อมก้าวลงบันไดเลื่อน ใจหนึ่งคิดจะกลับไปบอกพี่แก หรือพาพี่แกไปสถานีที่จะไปอนุสาวรีย์นั้น

   แต่แค่ได้แนะนำไปอย่างนั้นก็ทำให้ใจของผู้เขียนมีความสุข สงบ ที่ได้ช่วยเหลือเพือ่นมนุษย์ผู้ที่เดินทางสายชีวิตนี้ โดยไม่จำเป็นหรอกที่เราจะรู้จักกัน และไม่จำเป็นที่จะได้คำขอบคุณตอบแทน

   เป็นอีกวันหนึ่งที่ผู้เขียนมีความสุข โดยที่บอกไม่ถูกว่าจะอธิบายว่าอย่างไร ใจหนึ่งคิดแปลกๆว่า

   ...หรือพี่ผู้หญิงทั้งสองคน จะเป็นเทวทูต...

   ที่มาดลบันดาลให้ผู้เขียนได้กระทำในสิ่งที่ควรทำและได้รับซึ่งความอิ่มใจในวันนี้

.....................

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้

ในวันที่แสงแดดจ้าสลับสลัวกับหมู่เมฆบัง

30 มิถุนายน 2556

พ.แจ่มจำรัส  

 

หมายเลขบันทึก: 540965เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 13:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2013 13:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

.หรือพี่ผู้หญิงทั้งสองคน จะเป็นเทวทูต...แห่งความสุข


เจอบ่อยเหมือนกันค่ะ. ที่มาถามว่าไปทางไหน 

ล่าสุดเจอคุณยายแก่ๆ. จะไปนครปฐม. ถามว่าต้องรถรถไฟฟ้าไปลงที่ไหน.....บอกว่าลูกส่งลงไว้ที่นี่. ไปไม่ถูก

เลยส่งคุณยายขึ้นรถตู้ไปแทน...^____^

  ขอบคุณครับ

 ลูกหมูเต้นระบำ  

ชาดา ~natadee 

แปลกนะครับ สายตาของทัั้งสองดูมีกังวลคล้ายๆจะรอการช่วยเหลือ 

ผมได้ช่วยแค่นั้นก็รู้สึก สุข จริงๆ

หากเราเป็นผู้ให้ ด้วยความจริงใจ  ให้ด้วยความเต็มใจ และให้อย่างไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่ว่าจะให้

สิ่งใดก็ตาม  กุศลผลแห่งการให้ คือความสุข ความอิ่มเอมเปรมใจอย่างแน่แท้จ้ะ

ขอบคุณครับคุณมะเดื่อ เห้นด้วยครับ ผมยังจำสายตาของทั้งสองคนนั้นได้อยู่เลย ครับ เขาเดินมาหาเราเพราะต้องการให้ช่วยจริงๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรก็ตาม


-สวัสดีครับ.

-เป็นความสุขในระหว่างทางเดินของชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มีความสุขครับ

-ทุกที่ทุกเวลาล้วนมีความทรงจำดี ดี เสมอ ครับ.

ขอบคุณครับคุณ เพชรน้ำหนึ่ง

บางที หากได้ออกเดินทางไปในโลกกว้าง เราอาจจะได้เจออะไรอีกมากมาย ให้จดจำจารึก....

ทุกวินาทีย่อมมีความสุขแฝงอยู่นะคะ

ขอบคุณครับ tuknarak

สำหรับความเห็นนี้

ทุกวินาทีย่อมมีความสุขแฝงอยู่นะคะ

คุณพิชัย ฝึกสติรู้กาย รู้ใจ อยู่กับปัจจุบันได้ดีมากๆเลยนะคะ

ชอบใจ...เทวฑูตแห่งความสุข... เก็บรายละเอียดดีจัง สาธุ

ขอบคุณมากค่ะ

 ขอบคุณครับคุณ Tawandin

ยงต้องฝึกอีกมากครับ ส่วนที่ยังไม่รู้ มีมากกว่า ส่วนที่รู้ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท