"สุข" "มาก" ด้วย "สิ่ง" "น้อย"


ลึกๆ แล้วเราต่างรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ใช่สิ่งของใดๆ แต่มันคือความสัมพันธ์ที่งดงาม ประสบการณ์ชีวิต การได้ทำงานที่มีคุณค่า นั่นต่างหากคือสิ่งจำเป็นสำหรับความสุขในชีวิต

"สุข" กับชีวิตให้ "มาก" ด้วยการมีสิ่งต่างๆ ให้ "น้อย" ลง

บทความชวนคิดเขียนโดย เกรแฮม ฮิลล์ เศรษฐีเจ้าของหลากหลายธุรกิจด้านไอที ที่หันมาใช้ชีวิตด้วยการมีสิ่งของน้อยชิ้น แต่มีความสุขมากขึ้น บทความนี้ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Straits Times เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา อ่านแล้วชอบฉันจึงเรียบเรียงมาฝากให้อ่านค่ะ (อาจจะยาวหน่อยนะคะ สำหรับวันอาทิตย์สบายๆ) - ฝากบทความนี้มาทักทายกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยความระลึกถึงนะคะ พักนี้ปริมหายไปนานเพราะโหมทำงานค่ะ ภารกิจหลากหลาย ให้พอหายใจได้คล่องกว่านี้ปริมจะมาเยี่ยมเยียนอีกนะคะ ;)

"ผมอาศัยอยู่ในห้องพักเดี่ยวขนาด 420 ตารางฟุต ผมนอนบนเตียงที่ดึงลงมาจากผนังห้อง ผมมีชุดทำงาน 6 ชุด มีชาม 10 ใบ ที่ใช้สำหรับเตรียมอาหาร โต๊ะทานข้าวของผมพับได้ และผมมีหนังสือประมาณ 10 เปอร์เซนต์จากที่เคยมี

ชีวิตของผมเดินทางมาไกลจากจุดที่มันเคยเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อนมากมายนัก จากบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องอิเลกทรอนิกส์มากมาย รถยนต์ ฯลฯ ผมรู้สึกว่าสิ่งของเหล่านั้นค่อยๆ ทำลายชีวิตของผมลงไปทีละน้อย สิ่งที่ผมมีเพื่อใช้สอยมัน กลับมามีอิทธิพลเหนือตัวผมเอง และกลืนกินความเป็นตัวเองไป

สถานการณ์ในชีวิตของผมนั้นถือเป็นเรื่องไม่ปกตินัก เพราะคงมีไม่กี่คนที่จะเกิดร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วก่อนอายุ 30 ปี แต่ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมและวัตถุนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เราอยู่ในโลกของวัตถุนิยม มีร้านขายของให้ชอปปิ้งกันได้ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว คนที่มีเงินก็สามารถปรนเปรอตัวเองด้วยวัตถุมากมาย แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้นหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่ และสำหรับผม ผมใช้เวลา 15 ปี ที่เต็มไปด้วยความรักและการเดินทางในการที่จะค่อยๆ ปลดปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็นที่สะสมมาในชีวิตออกไป เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่เติบใหญ่ขึ้น ดีขึ้น มั่งคั่งขึ้น กับสิ่งที่มีอยู่น้อยลง

เริ่มต้นเมื่อปี 1998 ผมกับเพื่อนได้ขายบริษัทรับปรึกษาด้านไอทีที่เราก่อตั้งขึ้น ชื่อไซท์เวิร์คให้กับบริษัทใหญ่ด้วยจำนวนเงินที่ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถหาได้ในทั้งชีวิตนี้ และเงินนั้นก็มากพอที่จะซื้ออะไรก็ได้ที่มีจำหน่ายในขณะนั้นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดมากมาย

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จนั้นผมซื้อบ้านสี่ชั้นรูปทรงทันสมัย ขนาด 3600 ตารางฟุตในแถบแคปิตอลฮิลล์ในซีแอตเติล ในการจับจ่ายผมซื้อโซฟาขนาดใหญ่ใหม่ แว่นกันแดดราคา 300 เหรียญ ข้าวของอิเล็กทรอนิกส์มากมายที่มีวางขายและรุ่นใหม่สุดในขณะนั้น และแน่นอนรถวอลโว เทอร์โบ สีดำรุ่นล่าสุด

หลังจากขายบริษัทผมต้องทำงานให้บริษัทแม่อย่างหนักหน่วง จึงไม่มีเวลาที่จะมาตกแต่งบ้านให้เสร็จสมบูรณ์ ผมจึงต้องจ้างชายคนหนึ่งชื่อว่าสตีเฟ่น (ซึ่งเขาบอกว่าเขาเคยเป็นผู้ช่วยให้ ดาราดัง Courtney Love มาแล้ว) มาเป็นผู้ช่วยซื้อของส่วนตัวให้ผม 

สตีเฟ่นไปเลือกถ่ายรูปเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ต่างๆ มากมายมาให้ผมดู ผมเพียงดูจากรูปแล้วบอกตกลง สักพักบ้านผมก็เต็มไปด้วยสิ่งของ สักพักความตื่นเต้นในความสำเร็จและความใหม่ของวัตถุ ก็กลายเป็นความเคยชินที่ธรรมดา สักพักผมก็เริ่มรู้สึกเฉยๆ โทรศัพท์โนเกียเครื่องใหม่ล่าสุดก็ไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นอีกต่อไป ไม่นานจากนั้นที่ผมเริ่มจะสงสัยว่าชีวิตที่ดูเหมือนจะดีขึ้นในทุกด้านกลับไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากสักเท่าไหร่ ตรงข้ามผมกลับรู้สึกวุ่นวายใจด้วยซ้ำ ชีวิตของผมซับซ้อนมากเกินจำเป็น

ตอนนี้ผมต้องตัดหญ้าในสวน มีสิ่งของให้ต้องเก็บ ต้องทำความสะอาดบ้านมากขึ้น มีรูมเมทที่ต้องดูแลเพราะบ้านหลังใหญ่จะให้อยู่คนเดียวก็กระไรอยู่ ต้องจดทะเบียนรถ ทำประกันรถ ล้างรถ ซ่อมรถ ต้องทำการติดตั้งเรียนรู้อุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายเพื่อจะใช้งานมันได้ และที่สำคัญผมต้องคิดหางานให้สตีเฟนทำ ผมกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้ บ้านและข้าวของเครื่องใช้กลายเป็นนายใหม่ของผม ผมต้องมาทำงานทำในสิ่งที่ผมไม่ได้สมัครใจทำ

แล้วเหตุการณ์ก็ย่ำแย่ลง เมื่อผมถูกสั่งให้ย้ายไปทำงานในออฟฟิสที่นิวยอร์ค ผมต้องไปเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาด 1900 ตารางฟุตอยู่เพื่อให้สมฐานะผู้ลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง และห้องเช่าใหม่ของผมก็ต้องการเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและพลังงานในการจัดการ และห้องที่กว้างใหญ่ผมก็จำเป็นต้องหารูมเมทมาอยู่ด้วยซึ่งต้องใช้เวลาและพลังงานในการจัดการมากขึ้นกว่าเดิมอีก

ตอนนั้นผมยังมีบ้านที่ซีแอตเติ้ล ผมจึงต้องดูแลบ้านสองหลัง ดังนั้นเมื่อผมตัดสินใจจะอยู่ที่นิวยอร์คเป็นการถาวร ผมจึงต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์อีกมากในการดำเนินการขายบ้านและข้าวของเครื่องใช้ในซีแอตเติ้ลไป ผมต้องเดินทางไปกลับนิวยอร์ก ซีแอตเติ้ลหลายต่อหลายครั้ง ต้องปวดหัวกับเรื่องราวเกี่ยวับการจัดการ การขายบ้านอีกไม่รู้เท่าไหร่

ผมคิดว่าผมเป็นคนโชคดีเพราะไม่ทุกคนจะโชคดีได้ขายบริษัทที่เปิดใหม่ด้วยราคาดีดีเช่นนี้ แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่มีชีวิตที่ยุ่งเหยิงไปเพราะข้าวของที่มากเกินควร การมีชีวิตติดอยู่บนวัตถุนิยมอย่างบ้าคลั่งมีผลที่ตามมามากมายต่อโลก ต่อสภาพแวดล้อม และต่อสภาพสังคมมากมาย อย่างน้อยก็ในระยะ 335 เดือนในระยะหลังมานี้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกก็สูงขึ้นกว่าอุณหภูมิในช่วงศตวรรษที่ 20 มีคนอธิบายว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทะเลที่มีค่าความเป็นกรดสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายมากขึ้น สืบนื่องมาจากการผลของกิจกรรมของมนุษย์เรา 

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างเชื่อกันว่า การบริโภคต่างๆ เริ่มมาจากการเสาะหาวัตถุดิบมาใช้ รวมไปถึงขบวนการผลิต ถึงขั้นตอนการกำจัดขยะ ต่างมีส่วนในการทำให้โลกเราประสบเคราะห์กรรมอยู่อย่างนี้ ดังเช่นในช่วงเหตุการณ์หมอกควันปกคลุมกรุงปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้ ที่นั่นคือแหล่งผลิตข้าวของเครื่องใช้ราคาถูกที่เรากำลังจับจ่ายใช้สอยกันอยู่ในทุกวันนี้เพราะที่นั่นมีค่าแรงงานต่ำและกฏหมายทางสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคร่งครัดนัก


และการบริโภควัตถุอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหล่านี้นำมาซึ่งความุขจริงหรือ?

การวิจัยของ Galen V. Bodenhausen แห่งมหาวิทยาลัย Northwestern University บอกว่าการบริโภควัตถุนั้นมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการต่่อต้านสังคม นักวิจัยพบว่า คนที่ชอบจับจ่ายซื้อของสุรุ่ยสุร่าย เป็นการแสดงออกที่คล้ายกับกลุ่มคนที่มีปัญหาทางจิตที่ต่อต้านสังคมอยู่

ผมก็ไม่รู้ว่าข้าวของที่ผมซื้อมาปรนเปรอตัวเองอยู่นั้นคือผลจากอาการต่อต้านสังคมเมื่อผมย้ายมาอยู่ในเมืองใหญ่ใหม่ๆ หรือไม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผมกับวัตถุก็เริ่มล้มเหลวเมื่อผมพบโอลก้า หญิงสาวสวยที่ทำให้ผมตกหลุมรักเธออย่างแรง ผมย้ายตามเธอไปบาเซโลนาเมื่อวีซ่าของเธอหมดอายุ เราอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์เล็กๆ อย่างมีความสุขด้วยความรัก จนเราคิดว่าไม่มีอะไรที่จะดึงดูดเราไว้ได้ในสเปน เราตัดสินใจชวนกันไปเดินทางไปผจญภัยในต่างเมืองบ้าง เราจัดกระเป๋าพร้อมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ของใช้สวนตัวเล็กน้อย และโน้ตบุ้คสองครื่อง เราอาศัยยู่ในกรุงเทพ บรูโนสแอริส โตรอนโต้ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง

ในระหว่างเดินทางผมยังคงทำงานอยู่ ผมก่อตั้งบริษัทจากสำนักงานที่เก็บใส่กระเป๋าเดินทางได้ตลอดเวลา ผมก่อตั้งเวปไซด์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น We Are Happy To Serve You และ TreeHugger.com ซึ่งผมได้ขายต่อให้กับบริษัทอื่น

ชีวิตของผมช่วงนั้นเต็มไปด้วยความรัก การผจญภัยและการทำงาน ผมมีอิสระและไม่ได้คิดถึงรถยนต์ บ้านหรือข้าวของเครื่องใช้อื่นใดเลย ผมรู้สึกว่าผมได้ลาออกจากงานที่จำเจเสียที ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโอลก้าจะขาดสะบั้นลงในที่สุด แต่ทว่าชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

ผมใช้ชีวิตเรียบง่ายขึ้น เดินทางด้วยข้าวของไม่กี่ชิ้น ผมมีเวลามากขึ้น มีเงินมากขึ้น นอกเหนือไปจากการเดินทางที่ผมพยายามลดมันลงเท่าที่จะทำได้ ผมรู้สึกดีขึ้นที่สามารถลดรอยเท้าคาร์บอนลงได้เยอะกว่าการมีชีวิตที่โอ่อ่าฟู่ฟ่าดังแต่ก่อน

ลึกๆ แล้วเราต่างรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ใช่สิ่งของใดๆ แต่มันคือความสัมพันธ์ที่งดงาม ประสบการณ์ชีวิต การได้ทำงานที่มีคุณค่า นั่นต่างหากคือสิ่งจำเป็นสำหรับความสุขในชีวิต

ผมเองก็ชอบวัตถุต่างๆ เหมือนกับทุกคน ผมเรียนการดีไซน์ผลิตภัณฑ์มา ผมชอบข้าวของอิเลคทรอนิกส์ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยไม่แพ้ใคร แต่ประสบการณ์สอนให้ผมเห็นว่าเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง วัตถุต่างๆ ที่ควรจะช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นกลับมีแนวโน้มที่จะทำให้ใจเรายึดติดกับมันจนขาดอิสระและความสบายนั้นไปเสีย

ผมจะไม่ขอแลกแม้เสี้ยววินาทีของประสบการณ์การเดินไปในที่ต่างๆ บนถนนในกรุงเทพกับโอลก้า กับวัตถุชิ้นใดๆ เลย บ่อยครั้งที่เราปล่อยให้วัตถุต่างๆ ก็เข้าครอบครองช่องว่างของจิตใจและพื้นที่ทางกายภาพมากเกินไป

ผมยังคงทำงานด้านการลงทุนต่อไป ระยะหลังมานี้ผมได้ร่วมลงทุนในด้านการออกแบบและก่อสร้างบ้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่ช่วยให้ความสะดวกสบายกับชีวิตของเรา ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม เช่นดังบ้านขนาด 420 ตารางฟุตที่ผมอาศัยอยู่ ซึ่งผมออกแบบให้มีสิ่งของเล็กน้อย ง่ายต่อการใช้ชวิตของผู้อยู่อาศัย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

อพาร์ตเมนท์ของผมอยู่กัน 4 คนได้อย่างสบาย ผมสามารถเชิญเพื่อนๆ มาทานข้าวได้ครั้งละ 12 คน ขนาดห้องเล็กๆ มีการดีไซน์ที่ดี ราคาถูก แต่ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกับอพาร์ตเมนท์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเท่า ในฐานะที่ผมเป็นผู้ก่อตั้งเวปไซด์ TreeHugger.com ผมสามารถนอนหลับได้สนิทเมื่อรู้ว่าผมใช้ทรัพยากรน้อยกว่าที่ควรเป็น ผมมีสิ่งของน้อยชิ้นแต่สามารถมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น

พื้นที่อยู่อาศัยของผมน้อยนิด แต่พื้นที่ชีวิตของผมกว้างใหญ่"


Lonely Northern Hemisphere 

http://www.youtube.com/watch?v=vl6YZzyzAgg


 


รูปภาพ เครดิต http://www.dailymail.co.uk/news/article-2265438/Graham-Hill-See-transforming-New-York-apartment-fits-rooms-just-420-square-feet.html

หมายเลขบันทึก: 540962เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 13:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน 2013 13:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีครับ คุณ ปริม

บันทึกนี้ คงจะเป็นบันทึกที่หลายคนรอคอย การกลับมา อีกครั้ง...

ชีวิตของผมช่วงนั้นเต็มไปด้วยความรัก การผจญภัยและการทำงาน ผมมีอิสระและไม่ได้คิดถึงรถยนต์ บ้านหรือข้าวของเครื่องใช้อื่นใดเลย ผมรู้สึกว่าผมได้ลาออกจากงานที่จำเจเสียที ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโอลก้าจะขาดสะบั้นลงในที่สุด แต่ทว่าชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 


เรียบง่ายและงดงามจริงๆ สวัสดีครับพี่ปริมขอบคุณบทความดีๆที่มาอีกแล้ว..ติดตามเสมอครับ 



ดีใจที่ได้อ่านบันทึกน้องปริมอีก


และขออนุญาตแชร์ความรู้สึกยินดีที่มีคนคิดเหมือนเรา เดี๋ยวนี้พี่มีของใช้น้อยชิ้น เสื้อผ้ามีพอใส่หมุนเวียนแค่ครบห้าวันทำการ ห้องพักอาศัยมีข้าวของพอ ๆ กับโรงแรมเล็ก ๆ (เพื่อนค่อนแคะ) ใช้โทรศัพท์เท่าที่จำเป็น เงินหมดไปแค่ค่าอาหารและวัสดุสิ้นเปลืองพื้นฐาน..

..ชีวิตแบบนักเรียนในลอนดอน ให้เรามากกว่าวิทยาการ..

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

ความสุขจากความพอเพียง  คือสุขกายสบายใจจ้

ผมคนหนึ่งล่ะ ที่รอคอย เพื่อขอบคุณ

สุขมาก ด้วยสิ่ง น้อย

สุขมากจริงๆ แม้อยู่โรงเรียนเล็กๆ

เด็กน้อย งบประมาณน้อย ผู้บริหารหลายคนรังเกียจ

แต่เราทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ

คือ ทำให้เด็กอ่านออก เขียนได้ เรียนรู้อย่างมีความสุข

โดยที่เราไม่คับข้องใจ

ขอบคุณมาก นะครับ

พื้นที่จะเล็กแค่ใหนไม่สำคัญ. ขอเพียงที่ตรงนั้น. มีเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขค่ะ...^____^

สบายไหม อาจารย์ปริม ;)...

ขอขอบคุณบันทึกนี้มาก ๆ เลยนะครับ

ได้น้ำหนักเพิ่มอีกนิดแล้วค่ะคุณปริม

เพิ่งถอดปลั๊กตู้เย็นไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง

ขอบคุณมากค่ะ


สวัสดีค่ะคุณปริม...อ่านแล้วมีความสุขค่ะ...ขอบคุณค่ะ


เพิ่งทำวีดีโอนี้เสร็จ ใหม่ๆ สดๆร้อนๆ ภรรยาปลูกผักบุ้งจีน วันนี้เพิ่งจะไปเก็บเอามากิน

เพื่อนจากดัลลัส ส่งใบย่านาง ใบเตย  ส่วนที่บ้านมีหญ้าปักกิ่ง

เอามาปั่นเป็นน้ำผัก  ใช้ดื่มกิน  

พอฤดูร้อน  สุขมาก กับสิ่งน้อยๆ ครับ

เป็นคนหนึ่ง ที่มีและใช้แต่ของจำเป็น เพราะมันรก ทำให้บ้านร้อน และเก็บฝุ่นกับเชื้อโรค 

ขอบสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่อ่านแล้วมาแชร์กัน 

เป็นความสุขจริงๆๆด้วย หายไปนานเลยครับ

คิดถึงน้องปริมค่ะ ขอบคุณบันทึกน่าอ่าน

<=> Less equal more นะคะ  ชอบรูปที่นำมาลง เป็นห้องในฝันทีเดียว
ตอนไปอยู่สิงคโปร์ หนึ่งเดือน ทั้งห้องมีกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ฟูกหนึ่งผืน และคอมพิวเตอร์หนึ่งตัว 
ก็อยู่ได้คะ และทำให้เรียนรู้ว่า จริงๆ แล้วชีวิตไม่ได้ต้องการสิ่งของอะไรมากนัก
แต่ตอนนี้ติดกับความต้องการที่ไม่ใช่สิ่งของ..ยังเยอะอยู่

"สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ใช่สิ่งของใดๆ แต่มันคือความสัมพันธ์ที่งดงาม ประสบการณ์ชีวิต การได้ทำงานที่มีคุณค่า นั่นต่างหากคือสิ่งจำเป็นสำหรับความสุขในชีวิต"

"พื้นที่อยู่อาศัยของผมน้อยนิด แต่พื้นที่ชีวิตของผมกว้างใหญ่"

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่ให้ข้อคิดได้ดีจริงๆครับ

สวัสดีค่ะคุณปริม...ขอบคุณบันทึกมุมมองดีๆค่ะ คุณปริมสบายดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพิชัย

คุณพิชัยยังคงอบอุ่นเหมือนเคยค่ะ ขอบคุณสำหรับคำทักทายค่ะ

สบายดีนะคะ ;)

สวัสดียามบ่ายวันศุกร์ค่ะคุณลูกหมูเต้นระบำ

นานๆ ทีได้เข้ามาทักทายค่ะ ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นเคยค่ะ พี่จะไปเยี่ยมอ่านบันทึกคุณลูกหมูบ้างนะคะ ;)

สวัสดีค่ะพี่หมอเล็ก

ปริมดีใจที่ได้พบเจอคนที่คิดคล้ายกันค่ะ

การเดินทาง ประสบการณ์ สอนให้เรารู้จักตัวเราเองมากขึ้นนะคะ รู้ว่าอะไรที่จำเป็น อะไรที่ไม่

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูมะเดื่อ

กว่าจะรู้จักความพอเพียง เราหลายๆ คนต้องใช้เวลา และการเรียนรู้มากมายค่ะ คนที่พบมันก่อนคือผู้โชคดีนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

ท่านอาจารย์ชยันต์คะ

ท่านอาจารย์พิสูจน์ให้นักเรียนเห็น ครั้งแล้วครั้งเล่าค่ะ ว่าความสุขนั้นมิได้อยู่ที่ความมีมาก ของสิ่งของเงินทองเสมอไป

ขอบคุณมากค่ะ


สวัสดีค่ะคุณชาดา

หวานจังค่ะ ใช่ค่ะ รู้สึกเช่นเดียวกัน คับที่อยู่ได้ ด้วยใจรักค่ะ ;)

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วัส

ขอบคุณค่ะ ปริมสบายดีขึ้นค่ะ ช่วงที่หมอกควันคลุมสิงคโปร์สัปดาห์ก่อน ปริมก็ป่วยไปพักหนึ่งค่ะ พออากาศดีขึ้นสุขภาพก็ดีขึ้นตาม

พี่อาจารย์สบายดีนะคะ ;)

สวัสดีค่ะคุณปริม

เคยได้แสดงความคิดแบบเบื๊อก ๆ กับบรรดาวงศาคณาญาติของการไม่ซื้อบ้านและไม่ซื้อคอนโดอยู่  แต่ขอเช่าคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ที่ดี ๆ อยู่แทน  ด้วยความงกส่วนตัวบวกลบกลบหนี้แล้วตลอดชีวิตแบบโฉด ๆ เสียค่าเช่าเพียงเดือนละห้าพันกว่าบาทอยู่ไป แบบชีวิตที่เลือกและออกแบบไว้  หากไม่มีลูกไม่มีหลานให้เลี้ยง  ไม่มีสามีให้ดูแล ไม่มีการห่วงหน้าพะวงหลังว่าใครจะรับมรดก  แย่งมรดก ขออยู่ดูความเป็นไปของโลกสัก 80 ปี  จ่ายค่าเช่าเป็นจำนวน 5,760,000 บาท  เพราะชีวิตของเรา เราเลือกออกแบบชีวิตของเราเองได้  แต่ยังไม่ทันจะได้อธิบายจบ  โดนวงศาคณาญาติเขกกบาลเป็นนนทกเชียวค่ะ 

นึกว่าจะคิดแบบเบื๊อก ๆ อยู่คนเดียว  เฮ้อ ! มีอิตาฝรั่งคนนี้เขาก็คิดอย่างนี้ด้วย  ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ  จะได้เอาไปเผยแพร่ให้วงศาคณาญาติรู้ว่ามีคนที่ควรโดนเขกกบาลแบบนนทกเพิ่มอีกคนแล้ว

รออ่านบันทึกต่อไปของคุณปริมนะคะ ที่สำคัญขอให้คุณพระคุ้มครองคุณปริมให้มีสุขภาพดีวันดีคืนค่ะ

(@^_______________^@)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท