พระพุทธเจ้า-ไอน์สไตน์
ขอยก"คำควรคิด"เป็นใบเบิกทาง
โลกเรานับว่าโชคดีมหาศาลที่สวรรค์ประทานพระพุทธเจ้า และไอน์สไตน์มาให้
แต่ก็ถือว่ายังโชคร้าย
ที่ไม่ได้ประทานอภิมหาอัจฉริยะอีกท่าน
เพื่อมาหลอมรวมศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของอัจฉริยะอย่างพระพุทธเจ้า และไอสไตน์ไว้เป็นหนึ่งเดียว
ฟ้าลิขิตหรือไรใครกำหนด
ให้รับบทต่างกันนั่นไฉน
คงใช่ฟ้าลิขิตทิศทางใคร
คงอยู่ในหมู่ฅนชนเดียวกัน
ก็เงื่อนไขสังคมเป็นปมเงื่อน
กำหนดเหมือนหรือต่างห่างแยกชั้น
ถึงบางถิ่นบางแห่งแบ่งผิวพรรณ
เปิดปิดกั้นนั้นกำหนดกฎสังคม
หากกำหนดบทบัญญัติจัดถูกต้อง
ถูกครรลองนับดีที่เหมาะสม
ถนนชีวิตจักชื่นแลรื่นรมย์
ชนนิยมชื่นชอบระบอบดี
แต่ที่เห็นล้วนเป็นเช่นปัญหา
ทั่งโลกาวุ่นวายให้ทุกที่
ล้วนปัญหาสารพันนั้นมากมี
เงื่อนไขนี้มิถูกทางอย่างแน่นอน
หันมามองตรองดูในหมู่สัตว์
ตัวชี้วัดเที่ยงธรรมน่านำสอน
ขอศึกษากิจกรรมสัตว์จัดขั้นตอน
ข้อมูลป้อนครบถ้วนกระบวนความ
จักได้พบสัจธรรมสุดล้ำเลิศ
ได้ก่อเกิดความฉลาดมาตรฐาน
ดำรงชีพถูกทิศจิตชื่นบาน
ถือเป็นงานสำคัญนั่นควรตรอง
ที่พลาดผิดคิดทวนแลด่วนแก้
เพื่อเผื่อแผ่มนุษย์เองเร่งสนอง
ดำรงชีพงดงามตามครรลอง
จักมิต้องวุ่นวายทั้งกายใจ
ยึดหลักสอนพระพุทธเจ้าเข้าระบบ
อีกทวนทบไอน์สไตน์ไว้เสริมใส่
สองนักปราชญ์ฉลาดรู้กว่าผู้ใด
นี่กำไรมนุษย์แท้อย่างแน่นอน
ศาสนาพุทธสุดประเสริฐเลิศแห่งศาสตร์
ยึดธรรมชาติเป็นที่ตั้งดั่งศีลสอน
คำว่า "ธรรม" ความหมายมีสี่ขั้นตอน
พึงสังวรณ์ไว้มั่นอย่าผันแปร
หนึ่งธรรมคือ "ตัวธรรมชาติ"
โลกธาตุที่เห็นเป็นแน่แท้
รวมอากาศตะวันอีกนั่นแล
เมฆดาวแขรวมไว้ให้ด้วยกัน
สองธรรมะคือ "กฎธรรมชาติ"
กฎโลกธาตุรวมพร้อมแวดล้อมนั่น
สาม "ปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ" เป็นสำคัญ
ที่สี่ขั้น "ผลปฏิบัติ" จัดเป็นธรรม
อริยสัจสี่ที่ค้นพบ
อธรรมครบสี่ขั้นอันเลิศล้ำ
84000พระธรรมขันธ์นั้นน้อมนำ
คุมผลกรรม "ธรรม" ทั้งสีตอน
ผมเคยอ่านหนังสือ ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา เป็นการเปรียบเทียบไม่เน้นให้เห็นความแตกต่าง แต่ให้เห็นความสอดคล้องต้องกันของ บุคคลทั้ง 2 ท่าน ผู้เปิดโลกทั้งทางวัตถุ(โลก) และทางจิต(ธรรม) หาก บุคคลทั้ง 2 ท่านนี้ได้มาพบเจอกันสักครั้ง โลกเราคงมีความเจริญทางทางวัตถุและทางจิตไปมากกว่านี้ เสียดาย "เวลา" ทำให้อัจฉริยะทั้ง 2 ไม่ได้พบกัน โลกเราก็เป็นเช่นนี้เอง
ขอให้คำแนะนำการแก้ไขด้วยครับ ผมทำไม่ได้เลย แปลกมากครับ สวัสดี
Today,"we" know about both the Buddha's Teachings and Einstein's theories. "We" can combine our knowledge and do (or become) what the Buddha and Einstein could not. Both geniuses had their place and time. They gave up valuable legacies for life and understanding of life in different ways.
But the world is ours "now". And it is up to "us" to make the world we want it to be. It is our duty "now" -- not our ancestors in history, nor our future generations but "we" of today.