Happy Ba....ถอดบันทึก 4 บล็อกเกอร์ (4)


    ถอดบทเรียนไปแล้ว 12 ท่านบล็อกเกอร์ ที่ต่างก็มี Happy Ba เป็นของตน พื้นที่แห่งความสุขบางท่านอาจแวดล้อมไปด้วยผู้คน สิ่งแวดล้อมมากมาย ของบางท่านก็กว้างใหญเกินสายตา บางท่านเล็กละเอียด จนผู้เขียนต้องดำดิ่งตามไปถอดบทเรียนของท่าน

13.  แต่วันนี้ผู้เขียนจะลองเข้าไปยังพื้นที่ในฝันของบล็อกเกอร์ท่านหนึ่ง ที่ความฝันของท่านเมื่อได้รับรู้แล้ว อยากจะมีมนต์วิเศษ ให้เกิดพื้นที่เช่นนั้นจริง เข้าสูความฝันดีของคุณ แสงแห่งความดีกันเถอะค่ะ ที่บันทึกชื่อ ฝันว่า...ห้องเรียนในฝันเป็นจริง ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/506070

  ความฝันของหลายๆคน เกิดจากจิตส่วนลึก ที่เพียรสร้างฝันจินตนาการมาแสนนาน จนเป็นแรงผลักดัน ให้เกิดจินตภาพที่บรรยายออกมาได้ ฝันนั้นอาจจะเป็นจริงในเร็ววันนี้ หรือ จะเลื่อนลอยจากไปเมื่อลืมตาตื่น และอยู่กับโลกที่เป็นจริง

  คุณแสงแห่งความดี ฝันดีและไม่ใกล้ ไม่ไกลจนเกินจริง ท่านเล่าว่า สมัยเป็นเด็กเข้าโรงเรียนใหม่ๆ ทำไมจึงมีความรู้สึกหวั่นไหวมากมายเช่นว่า

-  ความไม่กล้า

-  กลัวครู

-  กลัวเพื่อนล้อ

-  การปรับตัวให้คุ้นเคยกับที่เรียนได้ช้า

-  อายเพื่อน

n style="color: #996633;"><b>&nbsp;จนบางครั้งทำอะไรลงไปแบบนึกไม่ถึง ยอมให้เรื่องราวเป็นความลับติดตัวตลอดมา แม้ผ่านวัยเรียนมาแล้ว หันกลับไปมองเด็กรุ่นหลัง ก็ยังเห็นพฤติกรรมที่ทำให้ต้องกระทำบางสิ่งลงไปซ้ำรอยรุ่นพี่อีกอยู่ดี</b></span><p></p>

 เป็นคนขลาดที่โรงเรียน

แต่พวกเรามักเป็นคนกล้าที่บ้านได้

 อะไรหนอเป็นอิทธิพลมืดของโรงเรียน ที่สามารถครอบงำความรู้สึกกลัวและไม่กล้าของเด็กๆเสมอมา

แล้วบ้านมีอะไรหรือ จึงทำให้เด็กคนเดิม ดูฉาดฉาน กล้าแสดง และมั่นใจ

   คุณแสงแห่งความดีชวนคิด แล้วเลยบอกฝันของท่านว่า อยากให้ห้องเรียนเหมือนบ้าน ที่ทำให้เด็กเป็นพระเอกขึ้นมาได้  คงไม่ใช่โครงสร้าง คงไม่ใช่กฏเกณบังคับ แต่มันคืออะไร ถ้าตามกฎข้อที่ว่า ความลับไม่มีในโลก ดังนั้น พวกเราคงต้องช่วยกันค้นหาความลับของโรงเรียนกัน แล้ววันหนึ่งเมื่อรู้ข้อแท้จริง เราคงทำฝันของคุณแสงแห่งความดีให้เป็นจริง

 ขอบคุณบันทึกที่พาให้คนอ่าน อยากช่วยรับผิดชอบแก้ไขปัญหาที่ปิดบังมาเนิ่นนานนั้น จังเลยค่ะ

.................................................................................................................................

14. พื้นที่ความสุขในสวนของเตี่ย : ตอน .ตู้กับข้าวมีชีวิต ของคุณหนูรีค่ะ

http://www.gotoknow.org/posts/508988

  อ่านบันทึกนี้แล้ว ต้องขอบอกว่าได้มุมมองที่นึกไม่ถึงเลยค่ะ คุณหนูรี ผู้ประกาศอิสระภาพจากงานประจำที่พันธนาการเธอตลอดมา ทำให้เป็นคนเครียด เป็นคนมีข้อแม้มากมาย และบางครั้งก็สับสน แม้ในวาระสำคัญที่ต้องดูแลเมื่อเตี่ยป่วยหนัก ก็ยังแอบกลับไปทำงานจนได้ เพราะเหตุว่า สภาพแวดล้อม สังคมของผู้คนที่ต่างก็แบกภาระกันคนละมากๆ จนไม่อยากจะแบกภาระของใครเพิ่มเติม การแสดงความรับผิดชอบท่ามกลางความตึงเครียด จึงเกิดได้เสมอ ที่สุดคุณหนูรี ได้หลุดพ้นสิ่งเหล่านั้น จนมาเขียนบันทึกให้เราอ่านแล้วค่ะ

  บ้านสวนของคุณหนูรี มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีเตี่ยปูพื้นฐาน และพยายามส่งเสริมลูกมาตลอด ในที่สุดพื้นที่ความสุขของเตีย ก็ตกทอดมาเป็นมรดกความสุขให้คุณหนูรี และได้มายืนยันว่าความสุขมาก หรือน้อยลง ไม่ได้เกิดจากจำนวนเงินเลย ทุกวันนี้ อาจมีรายได้ลดน้อยกว่าเดิม แต่ความเป็นอยู่ดี กินดี กลับมีอย่างบิบูรณ์

 คุณหนูรีตั้งชื่อเรื่อง จนผู้เขียนต้องเลือกบันทึกนี้ มาถอดบทเรียน "ตู้กับข้าวมีชีวิต"

คุณหนูรีมีตู้กับข้าวที่ใหญ่มาก เก็บความสดของพีชพันธุ์ธัญญาหารได้นานได้เท่าที่ต้องการ โดยไม่ต้องเสียค่าไฟรักษาอุณหภูมิ ประตูของตู้กับข้าวเปิดได้ตลอดเวลา เพียงแค่ต้องการสิ่งใด ก็เดินเข้าตู้ แล้วก็หยิบโน่น หยิบนี่ใส่หม้อ ก็ได้กับข้าวอันแสนอร่อยแล้ว ตู้นี้ไม่มีของหมดอายุ และของก็ไม่เคยหมดตู้ด้วย ความวิเศษนี้ ทุกคนสามารถมีตู้วิเศษได้ด้วยค่ะ ไม่ต้องขอพรจากใคร ที่เรียกว่า ตู้กับข้าวมีชีวิต เพราะนี่คือการใช้พื้นที่รอบบ้าน ที่เธอใช้ปลูกในสิ่งที่อยากกิน เธอขนของออกจากตู้ขายในสิ่งที่เหลือเกินจำเป็น  เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณความสุขสบายที่ไม่ต้องซื้อหา ว่าแล้วก็ทำให้มองไปรอบๆบ้านตัวเอง ก็พบว่า ตู้กับข้าวมีชีวิตของผู้เขียนก็มีนี่นา แต่มันช่างว่างเปล่าไม่เหมือนตู้ของคุณหนูรีเลยค่ะ

........................................................................................................................................

15. คุณชยันต์ เพชรศรีจันทร์. นักบริหารการศึกษา ที่เขียนบันทึกได้น่าติดตาม อ่านเพลินๆ แต่จบลงเมื่อใด ต้องได้ข้อคิดเมื่อนั้น ไปถอดบันทึกที่อาจารย์เขียนถึงสิ่งที่รักฝังใจของอาจารย์กันนะคะ ...พยอม..ต้นไม้ที่รักฝังใจ http://www.gotoknow.org/posts/534140

  แม่พยอม เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ ต้นพยอมเป็นชื่อที่มีอิทธิพลต่ออาจารย์ชยันต์มาก เพียงได้ยินชื่อโรงเรียนไพรพยอม ครูหนุ่มจบใหม่จากกรุงเทพ ก็ดั้นด้นที่จะไปสอนเด็กที่นั่น ต้องผจญกับสภาพแวดล้อม ที่เข้าขั้นรัฐต้องให้เบี้ยกันดาร เวลาน้ำท่วมที่ไพรพยอม คนที่นั่นต้องต้องใช้ชีวิตที่ออกไปไหนไม่ได้นานนับเดือน ความสมบุกสมบัน ทำให้ผู้ชายคนหนึ่ง อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ตามที่ผู้เขียนเข้าใจ คงไม่ใช่เพราะชื่อพยอมอย่างเดียว เพราะในพื้นที่แห่งนั้น อาจารย์ชยันต์ ไม่ได้มีโอกาสได้พบพยอมสักต้นเลย มันหมดไปจากพื้นที่นานแล้ว กลายเป็นไม้อนุรักษ์ ที่กว่าจะได้เห็นต้นจริง ก็หกปีผ่านมา

  พยอม ที่คุณชยันต์รู้จัก มีคุณค่ามหาศาล ".ด้านสถานะการอนุรักษ์ ซึ่งขณะนี้ ต้นพะยอม อยู่ในขั้นถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ พบในแถบลาว กัมพูชา พม่า และไทย ชอบขึ้นในดินปนทราย  สรรพคุณทางยา เปลือกต้น มีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้ลำไส้อักเสบ ฝนทาสมานบาดแผล ทุบใส่น้ำตาลหมักกันบูด  ดอก  สามารถประกอบอาหารได้ รสหอมสุขุม ปรุงเป็นยาแก้ลม บำรุงหัวใจ ลดไข้"

 และยังมีคุณสมบัติเฉพาะดังนี้อีก  "ผู้เขียนจะดูแลรักษาต้นพะยอมไว้ และเป็นเครื่องเตือนใจให้หวนรำลึกถึง โรงเรียนบ้านไพรพะยอม โรงเรียนแห่งแรกของชีวิตครู ...ที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่ช่วยให้มีชีวิตดำรงอยู่อย่างงดงามมาถึงทุกวันนี้"

     ขอชื่นชมความทรงจำที่แจ่มชัดของอาจารย์ชยันต์ ช่วยให้พวกเราได้รู้จักคนมีน้ำอดน้ำทน ทำงานแบบสู้ไม่ถอย และที่สำคัญมีความละเมียดละมัย ซึมซาบความสวยงามแห่งไพรพนา ได้เป็นอย่างดี พยอมคงเฝ้ารอผู้มาเยือน รอนานเกินไปจนพยอมต้องจากไปก่อนที่จะได้พบกันนะคะ แต่สุดท้ายก็ตามหากันจนเจอ....พยอม ต้นไม้ที่รักฝังใจของคุณชยันต์ เพชรศรีจันทร์

ขอบคุณที่บันทึกให้ได้รับรู้ทั่วกันค่ะ

..................................................................................................................................................................

16. http://www.gotoknow.org/posts/494497

บันทึกสำหรับผู้ที่ไม่กลัวตาย ของคุณวิชญธรรม

คุณวิชญธรรม ได้ผ่านความรู้สึกที่กลัวตายสุดขีดมาแล้ว ในวันคืนที่ไม่เห็นเงาหัวตัวเอง และก็ไม่เห็นเงาหัวของเพื่อนร่วมห้องในสมัยวัยรุ่นด้วย สองคนต่างตกอยู่ในความกลัว ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะวัยรุ่นเท่านั้น เชื่อว่า แม้แต่เราทุกคน ทุกเพศทุกวัย หากต้องพบเจอกับสถานการณ์ บีบคั้น ให้เข้าไปอยู่ในห้วงแห่งความคิดที่กลัวตาย คงต้องหาคำตอบกันเอาเอง คุณวิชญธรรม เล่าว่า ได้อยู่กับความรู้สึกนั้นไปตลอดทั้งคืน มีความคิดต่างๆเวียนเข้ามาปรากฏอย่างมากมาย ตั้งแต่คิดว่าคนไม่มีเงาหัว ที่เห็นด้วยตาขณะนั้น มันคือลางบอกเหตุว่าจะต้องตายในเร็ววันนี้ หรือจะเป็นคืนนี้ด้วยละมัง

" ผมคิดไปต่างๆนานาเลย ถ้าเราตายคืนนี้จะทำยังไงดี? พ่อ แม่ เราจะเป็นยังไง? แล้วพี่ๆเราล่ะ?  แล้วทำไมต้องมาตายไกลบ้านขนาดนี้?   ไม่มีคนมาดูแลเราเลย?   จะทำยังไงดี ?  แล้วจะตายหัวขาดแบบไหน? เรายังมามีโอกาสบอกใครเลย? (ตอนนั้น Iphone 5 ยังไม่ออกครับ samsung galaxy III ก็ยังไม่ผลิต ตู้โทรศัพท์สาธารณะ(สงสัย)เสียอีก จะบ้าตาย ตอนนั้นผมคิดว่าเราพยายามหาทางติดต่อที่บ้านแต่ทำไม่ได้)"

  ความกลัวเมื่อเข้ามาแทรกจิตใจได้เมื่อไหร่ มันก็แสดงฤทธิ์เดชเต็มกำลัง ส่วนคุณวิชญธรรมนั้น เฝ้าคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องจะตาย จะต้องตายแบบไหน จะติดต่อใครได้อย่างไร จะต้องหัวขาดเหมือนเงาที่เห็นจะจะตรงหน้านี้หรือเปล่าความคิดสุดท้าย ก็มาลงแบบปลงตกว่า "ทำไมต้องมาตายอยู่ห่างคนที่เรารักด้วย? เลื่อนเวลาไปตายที่บ้านได้ไหม?  "

 เมื่อไม่มีคำตอบ ที่สุดก็ต้องทรมานอยู่กับการรอตายจนหลับไป

 "พอตอนเช้าเราตื่นขึ้นมา ดีใจยังไม่ตาย ก็เลยมาสำรวจพื้นที่ดีๆ ปรากฏว่า เจ้าไม้ระแนงที่เขาตีเป็นซีกๆ เว้นช่องห่างๆกัน บนฝ้าเพดาน กับ ระแนงที่ทำบังแดด ทำให้เงาที่เกิดจากแสงไฟหลอดไส้นั้น ลบเอาเงาส่วนบนของเราให้เลื่อนไปนั้นเอง  ....(อยากจะเขกหัวตัวเองหนึ่งรอบจริงๆๆๆๆ) " แม้คำตอบจะเฉลยแล้ว แต่ถ้าถามกลับไปอีกว่ายังกลัวตายไหม แน่นอน ความตายสร้างความหวาดหวั่นเสมอ

 สิ่งที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวเผชิญความตาย การฝึกกำหนดจิตที่ไวมากๆของเรา ไม่ให้พลัดเพลิดไปสู่สิ่งที่ดึงดูดลงต่ำ ในขณะที่กายหยาบกายละเอียดแยกกัน จึงอาจเป็นวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดไปได้ เรียกว่าตายเป็นตาย และตั้งใจที่จะตายแบบมีสติ เป็การทำประกันชีวิต อีกวิธีหนึ่ง แทนการสะสมทรัพย์ ที่หลายๆคนทำกัน คุณวิชยธรรมเรียกว่า  ”ทำประกันจิต” 

  โอ้ โล่งเลยค่ะ ถอดบันทึกไปด้วยความระทึก เพราะได้เอาความรู้สึกตัวเองแทนเข้าไปดูด้วย ขอบคุณที่ชี้ทางออกให้ และคงต้องฝึกฝนบ่อยๆ เมื่อถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่ดีแต่ปาก

..............................................................................


หมายเลขบันทึก: 539543เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2013 08:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2013 20:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

ผมกำลังจะถอดบทเรียนชุดที่ 2 อีก 15 ท่านนะครับ

เร็วๆ นี้คงจะได้อ่านกันอย่างแน่นอนครับ

ติดตามมาอ่านบทเรียนของน้องๆด้วยความสุขอย่างยิ่ง...สะท้อนมุมมองที่ละเอียดลึกซึ้งของน้องหมอตันติราพันธ์ด้วยค่ะ..

โอ้...ตอนจบ ใจพลอยตื่น ระทึกไปด้วยค่ะ

ตามมาเรียนรู้ตัวอย่างดีๆ ของการถอดบทเรียน อีกชุดค่ะ

ถ้าครูปฏิบัติตาม TEACHER MODEL นักเรียนคง "ฉาดฉาน กล้าแสดง และมั่นใจ" นะคะ

    

ขอบคุณมากมายคุณค่ะหมอ

อ่านแล้วมีความสุขทุกๆบันทึกที่ถอดบทเรียนออกมา

ขอบคุณค่ะ ;)


ฝากภาพนี้มาให้ค่ะ...ภาพ มุมหนึ่ง ณ บ้านสวนถ้ำทะลุ ;)

ตามมาอ่านบันทึกที่น่าอ่าน เรียนรู้ ครับ

แต่ละบันทึกสุดยอดแห่งความสุขทั้งสิ้นจ้ะ

แวะมาให้กำลังใจครับ

เป็นบทเรียนที่ถอดได้วิเศษมากเลยนะครับคุณตันติราพันธ์ ครับ

ขอบคุณมากนะครับ

ชอบครับ ทั้งสุขทั้งสนุก

สวัสดีค่ะคุณอักขณิช 

 หายเหนื่อยแล้วตามมาถอดบทเรียนให้ทันกันนะคะ

รออ่านค่ะ

สวัสดีค่ะคุณนาง นงนาท สนธิสุวรรณ

 ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่

หนูก็มีความสุขกับบันทึกของทุกๆคน

ตั้งใจทำความเข้าใจอย่างมาก

จึงทำได้แค่วันละ 4 ท่านค่ะ

สวัสดีค่ะคุณTawandin

 นี่แหละค่ะคนGotoknow

จะเขียนอะไรก็ชวนอ่านนะคะ

พี่รุ่งก็ตื่นเต้นกับคุณวิชญธรรมไปด้วยเหมือนกัน

สวัสดีค่ะคุณไอดิน-กลิ่นไม้

 นั่นไงคะ ทางออกมีแล้ว

ต้องนำเสนอให้ช่วยกันลงมือปฏิบัติ

ฝันของคุณแสงแห่งความดีคงเป็นจริงแน่นอน

สวัสดีค่ะคุณหนูรี

 ขอบคุณค่ะ

และบันทึกคุณหนูรีก็มีสาระสำคัญมาก

ชวนให้ติดตามอ่าน

  บัวดอกนี้สวยตั้งแต่แรกเห็นแล้วค่ะ

สวัสดีค่ะคุณtuknarak

 ขอบคุณมากๆค่ะ

ในแต่ละวันต้องใช้กำลังใจถอดบทเรียนมากเช่นกันค่ะ

เนื่องจากเวลาจำกัด

และตั้งใจจะถอดบทเรียนของทุกคนด้วย

แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพ.แจ่มจำรัส ท่านบล็อกเกอร์ยอดเยี่ยมคนล่าสุด

  ดีใจค่ะที่เข้ามาเยี่ยมบันทึก

ทำให้ตื่นเต้นทั้งดอกไม้และคอมเม้นท์มากกว่าปกติ

ขอบคุณมากๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณคุณมะเดื่อ

 จริงของคุณมะเดื่อค่ะ

ไม่ว่าจะเลือกบันทึกไหนแบบสุ่มก็ปรากฏว่าน่าสนใจทั้งสิ้น

ทั้งสำนวนและเรื่องราว

ทำให้ช่วงนี้รู้สึกใกล้ชิดและรู้จักกันมากขึ้นด้วยค่ะ

ขอบคุณกิจกรรมดีๆที่Happy Ba

สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี

  ขอบคุณค่ะ

บันทึกคุณแสงแห่งความดีก็มีคุณค่าชวนคิดมาก

อ่านไปก็คิดไปทำไงดีน้า

อยากร่วมฝันและสร้างให้เป็นจริงด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณYanyong-P

 รู้จักเพื่อนๆเพิ่มมากขึ้นแล้วนะคะ

ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่จะเขียนบันทึก

จะได้ไปเยี่ยมที่บล็อกบ้างค่ะ

มุมมองของผู้อ่าน ผู้ที่เชิดชูความงามในบันทึกของผู้เขียนแต่ละบันทึกนั้นมีพลังและทรงคุณค่ามากค่ะ โดยเฉพาะเมื่อนำมาร้อยเรียงกัน ทำให้เห็นความหลากหลายของพื้นที่ความสุข ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ ค่ะ  คุณหมอนำมาเรียบเรียงต่อให้เห็นอรรถประโยชน์เพิ่มมูลค่านอกเหนือจากความสุขได้ครบรสมากค่ะ 

โปรดอย่าลืมไปฝากลิงค์บันทึกถอดบทเรียนที่นี่นะคะ 

http://www.gotoknow.org/posts/535918 

สุดยอดมากเลยค่ะพี่  ถอดบทเรียนด้วยจิตใจละเอียดอ่อนโยนทุกบันทึกทีเดียว

ชอบ ๆ ๆ  เตรียมตัวตาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท