เพิ่งรู้ว่าการอ่านเอาเรื่องนั้น ต้องใช้ความพยายามมาก กว่าผู้เขียนจะถอดบทเรียนจากบันทึกอันทรงคุณค่าของแต่ละท่านใน Happy Ba ได้นั้น ต้องอ่านด้วยความเคารพ ความเข้าใจ และสื่อความหมายออกมาในแบบของผู้เขียนเอง แต่จะอย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องทำการบ้านต่อไป ด้วยความสุขใจจริงๆค่ะ
5. บันทึกของบล็อกเกอร์ท่านหนึ่ง ที่ผู้เขียนตั้งความปรารถนาอยากพบท่าน อยากสนทนา อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของคนสองสถานะอย่างผู้เขียนคือผู้รักษา และท่านคือผู้ป่วย เพราะหลายเรื่องเล่าทำให้ผู้เขียนต้องปรับตัว ปรับการรักษาให้มีคุณค่าในสายตาของผู้ป่วย เป็นสิ่งสำคัญของยิ่งในภารกิจของตนเอง
แต่วันนี้ ขอถอดบันทึกของคุณคุณ พ. แจ่มจำรัส ในอีกเรื่องหนึ่ง http://www.gotoknow.org/posts/500481 ชื่อ"ลาแล้วแคป่า" บทกลอนที่อ่านแล้วบังเกิดความรู้สึกสะท้อนใจ อยากร้องไห้ให้กับแคป่า ตัวแทนของสิ่งอพยพ ที่ดิ้นรนจากป่ามาสู่เมือง แม้จะโดดเด่น ยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ก็เป็นแค่ไม้เมือง ที่ต้องมีวิถีชีวิตอันคับแคบ เพียงแค่ความเจริญงอกงามของตนไปบดบังบางสิ่งที่เขาไม่ต้องการ เขาก็ตัดฟันทิ้ง อย่างไม่มีเยื่อใย ไร้อิสระในการดำรงชีวิตเสียสิ้น
คุณพ. แจ่มจำรัส พรรณาความน้อยเนื้อต่ำใจ และความคับข้องใจของแคป่า แต่กลับสะท้อนไปถึงหลายๆชีวิต ที่กำลังได้รับผลกระทบเช่นแคป่าทั้งหลาย เพราะเมื่ออยู่ผิดที่ผิดทาง จึง ต้องเป็นไปตามนี้
"แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ
เขาเหน็บเขาคอยยุเจ้า
เป็นเพียงไม้ประดับชั่วคราว
ปวดร้าวอยากกลับคืนนา"
ก่อนจะลงมือทำลายใคร โปรดยั้งใจ คิดให้ซึ้งถึงคุณค่าของเขาเสียก่อนเถอะนะ...ขอบคุณค่ะคุณ พ. แจ่มจำรัส
..........................................................................................................
6. บุคคลที่เห็นเป็นเพียงเงา ที่เฝ้าติดตามมิรู้หาย
สักวันจะพบพักตร์ทักทาย ในวันสุดท้ายของชีวิน
ผู้เขียนกล่าวถึงนามแฝงอันลึกลับของคุณWasawat Deemarn ที่หมายถึงพญามัจจุราช ตามที่เจ้าของเคยบ่งบอกเอาไว้ เราจึงมิเคยเห็นใบหน้า เรียกว่าได้แค่สัมผัสเงานะคะ แต่บันทึกของท่านที่จะนำมาถอดบทเรียนนี้ กำลังพาใจเราให้ไปสู่ความละเอียดอ่อนของการเดินทางชีวิตของพวกเราค่ะ
http://www.gotoknow.org/posts/521854
ปลายทางที่เป็นเป้าหมายของเรานั้น อาจยังอยู่อีกไกล หรืออาจใกล้แค่ก้าวเดียวก็ได้ แต่คนก็มุ่งมั่นแต่จะชะเง้อหาปลายทางเสมอ จนลืมเก็บบรรยากาศรอบข้างระหว่างทางเดินชีวิตของเรา ที่ล้วนมาคอยอำนวยความสะดวก มาคอยเป็นกำลังแรงกาย แรงใจให้ทุกเมื่อเชื่อวัน บางครั้งข้างทางที่เรามองผ่านไปด้วยปลายตา จนไม่ทันรับรู้ว่า หลายสิ่งนั้นคอยต้อนรับการมาของเรา คุณWassawat Deemarn อยากให้เราผ่อนฝีเท้า ผ่อนใจตนเองลงบ้าง จะเป็นเพียงชลอหรือหยุดพักชั่วคราวก็ยังดี เพื่อจะได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆระหว่างทางกัน แล้วจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ หรือสรรพสิ่ง ที่ได้พบนั้น ล้วนทำให้เกิดพลังแก่จิตวิญญาณทั้งสิ้น จะได้เรียนรู้ว่าระหว่างทาง น่าสนใจและสำคัญกว่าจุดหมายปลายทางเบื้อหน้าเสียอีก
อ่านจบแล้วต้องหยุดพัก เพื่อหันไปมองสิ่งรอบข้างบ้าง จริงด้วยไม่ว่าอากาศ สายลม หรือแสงไฟ ล้วนกำลังประสานความพอดีให้เรารู้สึกเป็นสุขขณะเขียนบันทึกจริงๆด้วย
ขอบคุณ Wasawat Deemarn ค่ะ
..................................................................................................................
7. http://www.gotoknow.org/posts/522112
บันทึกน่ารักน่าถอดบทเรียนของคุณหมอธิรัมภา ชื่อ
เป็นบันทึกที่ตามมือตามใจตนเอง จนเกิดปัญญา นำการถอนหญ้ามาเทียบเคียงถอนฟัน แล้วเลยไปถึงถอนอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายได้ด้วย คุณหมอเล่าเรื่องการลงมือทำสวนในบ้าน มีต้นไม้ใหญ่น้อยมากมาย ทำไปวางแผนไปว่าควรจะจัดการกอไม้ ใบหญ้าตรงไหนบ้าง จนมาถึง
"ต้นมะขามเทศมาจากไหนไม่รู้ ๒ ต้นคนละมุม เวลานี้ยังไม่อยากได้กิ่งหนามแหลม
รากแทงยาวลึกมาก พยายามใช้เสียมเซาะรอบ ๆ ตามลงไปให้ลึกที่สุด
กด ๆ ด้ามเสียมเบียดดินออกจากส่วนราก
ต้นที่หนึ่งยังเล็กฟุตกว่า ๆ ถอนรากถอนโคนออกได้หมด
ต้นที่สองเกือบเมตร เล็ดลอดสายตามาเนิ่นนานป่านนี้ได้อย่างไรเนี่ย
เสียมเซาะตามจนลึกไปไม่ได้อีก สับ ๆ ๆ จนขาด และสับย้ำ ๆ ๆ ให้ส่วนรากแหลกละเอียด
อย่างอกออกมาอีกนะ ตำแหน่งใกล้ขอบถนนเข้าบ้าน เดี๋ยวขูดรถ"พลันห้วงความคิดก็กลับไปถึงงานประจำที่ต้องถอนฟันคนไข้ การจัดการถอนราก ถอนโคนจะเป็นต้นไม้หรือฟันก็คล้ายๆกัน (ดูการบรรยายของคุณหมอก็แล้วกัน) ผู้เขียนว่าทุกสรรพวิชา ล้วนนำมาประยุกต์ได้เสมอ และทำให้กลมกลืนไม่ฝืนธรรมชาติ ใจย่อมผ่อนคลายเบิกบาน เช่นเดียวกับ การถอนหญ้า ถอนฟัน ของคุณธิรัมภา ที่ช่างสรรหามาเล่านะคะ ได้ข้อคิดกลับไปเพียบเลยค่ะ
....................................................................................................................
8. บันทึกของคุณ ดร.ภิญโญ เรื่อง พอ(Enough) http://www.gotoknow.org/posts/520788
เป็นบันทึกที่อ่านแล้ว ต้องบอกว่าเรายังไม่รู้ตัวอยู่มากๆ คุณ ดร.ภิญโญ เล่าถึงความไม่รู้จัก พอ ของมนุษย์ ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหน ความรู้สึกเหล่านี้ ก็เป็นคุณสมบัติของมนุษย์แทบจะทุกคน เพราะสัญชาตญาณในการดำรงชีวิต สอนให้กลัวอด กลัวไม่มี จึงต้องหาๆๆ มาสะสมเอาไว้เสมอ นับตั้งแต่อาหาร และสิ่งของต่างๆ จากงานวิจัยก็สรุปว่าสมองคนเราถูกปลูกฝัง ให้มีความสามรถในการหา มากกว่าการพอ ดังนั้นการฝึกอบรมตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ หรือจะเริ่มจากการได้ครูบาอาจารย์สั่งสอน โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา มีคำสอนเรื่องการประมาณในการกินอยู่เป็นประจำทุกวัน หากเราสามารถปรับปรุงจิตตนได้ เราก็จะก้าวข้ามการพัฒนาตนเองไปอีกระดับทีเดียว ประเทศไทยโชคดี ที่มีพระมหากษัตริย์ ที่ทรงเห็นความสำคัญและสอนให้ประชาชนของพระองค์มีความพอเพียง
สรุปท้ายว่าจิตที่ไม่รู้จักพอนั้นเป็นได้แค่สัตว์มนุษย์ แต่จิตที่รู้จักพอ เป็นจิตพระโพธิสัตว์
เป็นบันทึกที่ลึกซึ้งมาก แม้เราจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้ายังเห็นความไม่พอในจิตตนตลอดเวลา ก็ถือว่ายังเป็นมนุษย์ที่ยังไม่ได้พัฒนาเลย
ขอบคุณค่ะ ดร.ภิญโญ
.......................................................................................................................
สวัสดีครับคุณหมอรุ่ง
มาติดตามถอนบทเรียน HappBa
ผมก็คิดจะถอด แต่อยู่พื้นที่ไม่ติด วันนี้ก็มาสมัชชาความมั่นคงทางด้านอาหาร ที่เกษตรบางเขน
อ่านมากรู้มากนะครับ
เป็นบันทึกที่มีคุณค่าแห่งความสุขทุกบันทึกจ้ะ
สวัสดีครับคุณหมอบุญรุ่ง สมาชิกใหม่อย่างผมอาศัยบันทึกถอดบทเรียนของพวกพี่ๆ ได้ประโยชน์หลายต่อครับ เหมือนมีคนมาแนะนำให้ทำความรู้จักแต่ละท่านพร้อมบรรยายcharacterในทรรศนะของตน เลยได้รู้จักทีเดียว2คน ขอชมว่า มุมมองของคุณหมอ (หรือพวกพี่ๆอีกหลายท่าน) สอนผมให้หัดมองในด้านที่เคยมองข้าม
อยากบอกว่า "เพราะ" จังเลยครับ
สำหรับงานถอดบทเรียนของพี่
ขอบคุณมากครับ ;)...
สวัสดีค่ะคุณวอญ่า
ให้กำลังใจนะคะ
รออ่านอยู่ ยังพอมีเวลาค่ะ
กลับมาไวๆ
สวัสดีค่ะคุณยูมิ
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยมบันทึก
จริงๆค่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นคุณค่าของความคิดเจ้าของบันทึก
สวัสดีค่ะคุณWassawat Deemarn
บุคคลที่เห็นเป็นเพียงเงา ที่เฝ้าติดตามมิรู้หาย
สักวันจะพบพักตร์ทักทาย ในวันสุดท้ายของชีวิน
มอบให้เป็นพิเศษค่ะขอบคุณนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจ
สวัสดีค่ะ pa_daeng
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่านอีกหนึ่งบันทึก
ละเมียดละไมฝัน
ละมุนพลันจิตเบิกบาน
บุญรุ่งเช้าฉายฉาน
สว่างนานส่องแสงใจ
ขอบคุณมากค่ะ
อ่านด้วยความชื่นชมบทเรียนของน้องๆทุกคนค่ะ...
อ่านแต่ละบันทึก การจะเลือกมาสรุป ถอดบทความ ฯ
ชนิดรักพี่เสียดายน้อง เขียนครบ 30 บล็อกเกอร์เลยค่ะได้สิ่งดีๆมากมายค่ะ