มหาตมะ คานธี กล่าวว่า
“จงใช้ชีวิตเสมือนว่า คุณจะตายในวันพรุ่งนี้
จงเรียนรู้เสมือนว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์...”
ผมชอบถ้อยคำข้างบนมากเลยครับ...โดยเฉพาะ “การเรียนรู้”
การที่ไม่ปล่อยเวลาผ่านไปแต่ละวัน...แต่ในแต่ละวัน...”คือ การเรียนรู้”
การเรียนรู้ของผม...เดินทางทั้งในบ้านและการเดินทางนอกบ้าน
ในบ้านหลังเล็กๆ ของผม...ผมได้มาอยู่เมื่อสี่ปีที่แล้ว...บนเนื้อที่หนึ่งร้อยห้าตารางวา...
เล็กน้อยเท่านั้นครับ...เมื่อหักเนื้อที่ตัวอาคารบ้าน โรงรถ และถนนออกไป
แต่ก็นับว่า เหลือพื้นที่ที่ทำให้ผมมีความสุขมากๆ คือ “การทำสวน”
ผมเปรยกับครอบครัว และลูกชายเสมอว่า “...เมื่อถึงระยะเวลาการทำงานในระบบราชการ
ที่ผมรู้สึกว่า...ผมอิ่มและล้นมากแล้ว...มองแล้วว่า...ถ้าไม่มีผม...ต้องมีคนอื่นทำแทนได้...”
ผมก็ต้องออกจากงานครับ...สิ่งแรกที่วางแผนไว้....คือ...เป็นชาวสวน”
ชาวสวนทำให้ชีวิตของผมกลับคือสู่ธรรมชาติ...ไม่มีอะไรที่มีความหมายและคุณค่ามากกว่าธรรมชาติ
ธรรมชาติแห่งจักรวาล และธรรมชาติแห่งวัฎจักรชีวิต
ต้นไม้ทำให้เห็นบทเรียนอย่างชัดเจน ตั้งแต่งอกเงย งอกงาม เติบโต ขยายพันธุ์ และล้มตายในที่สุด
นอกจาก “ชาวสวน” ที่ทำให้ผมเติบโตด้านจิตใจแล้ว...สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเลี้ยงชีพด้วย
คือ “การเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว” สูตรประจำตระกูล และขายเครื่องดื่ม...พอเลี้ยงตัวเองได้
และในร้านนั้น...ต้องมีหนังสือให้ลูกค้าได้อ่านและสามารถยืมกลับไปอ่านที่บ้านได้ด้วย
เพราะผมชอบแนวคิดจากสารคดีของญี่ปุ่นที่เขาเปิดบ้านตนเองให้เป็นห้องสมุด...ให้เด็กๆ มาอ่านหนังสือ
แม้เด็กในยุคสมัยนี้...ผมเห็นเขาวุ่นๆ อยู่กับมือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารออนไลน์
แต่ผมคิดว่า “เสน่ห์” ของหนังสือยังมีมนต์ขลังของมันอยู่...
การได้สัมผัสปก...สัมผัสน้ำหนักหนังสือ...ได้ลูบไล้...ได้ดมหนังสือ...
คือ พลังที่ได้จากหนังสือและจินตนาการที่ผมได้รับมาจากหนังสือ...
มีหลายคนพูดว่า...เด็กในยุคนี้มีความเชื่อน้อยลง...การไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าไม่ผ่านกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ที่หล่อหลอมในยุคสมัย...
ทำให้จินตนาการน้อยลง...เด็กในยุคนี้จึงไม่เชื่อว่า “นิทานอีสป” เป็นเรื่องจริง...และไม่สนุกเหมือนยุคของผม
ต่อไปถ้ามีใครมาบอกให้เชื่อว่า....คงถูกหัวเราะเยาะแน่นอน...เช่น...
เชื่อว่า...ฉันจะพบรักแท้...หรือมีพรหมลิขิตบันดาลรักแท้
เชื่อว่า...การพับนก...เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข ความหวัง ความโชคดี และสุขภาพที่ยืนยาว หากใครพับนกกระเรียนได้ครบ 1,000 ตัว สำเร็จ จะเป็นผู้โชคดี และมีอายุยืนยาว....
เชื่อว่า...แรงอธิษฐานต่างๆ ที่เราภาวนาขอไว้....จะเป็นจริง...
กลับมาเรื่องบ้านของผมดีกว่า...
เนื้อที่ที่เป็นผืนดิน...ผมจะปลูกดอกไม้ และต้นไม้....เบียดเสียดเนืองแน่น...
มีไม้ผลหลายชนิด เช่น ฝรั่ง ขนุน เชอรี่ มะนาว มะม่วง และชมพู่
ต้นชมพู่ของบ้านผม...ออกผลในปีที่สาม...เดือนนี้ออกผลดกเต็มต้นมากที่สุด
เมื่อวานผมได้เก็บเอาไปฝากตาทวดและยายทวดของทิมดาบ
ท่านบอกว่า “หวานมาก...กรอบมาก...และสดมากๆ...”
ทั้งที่ผมไม่ได้ใส่ปุ๋ย...เพียงแต่ผมให้ธรรมชาติเป็นปุ๋ยให้กับธรรมชาติแทนครับ
เคล็ดลับของผม คือ ผมทำคอกเล็กๆ เอาใบชมพู่ที่มันทิ้งตัวจากต้น...ที่มีประมาณสิบใบในแต่ละวัน
มาใส่คอกไว้...ถ้ามีเศษอาหาร (ที่ปรุงสุกแล้ว) ...เปลือกผัก...เปลือกผลไม้...หรือน้ำแกงที่ทิ้ง
ผมจะเอามาใส่คอก...และเอาใบไม้ร่วงทับไว้...ทิ้งมันไว้...ทำทุกวัน...จะย่อยสลายเป็นฝุ่นสีดำๆ
สามารถเป็นปุ๋ยได้ และนำไปใช้กับต้นไม้ต่างๆ ในบ้าน
และสำคัญ...ในตอนแรกผมนึกว่า จะมีกลิ่นเหม็นแต่ไม่มีเลยครับ
เป็นประสบการณ์ “การเรียนรู้” เล็กๆ กับต้นชมพู่แสนรักของผม....
ผมหวนย้อนคิดไปในวัยเด็กที่อายุเท่าทิมดาบเวลานี้
ที่บ้านเดิมในวัยเด็กของผม...จะมีต้นฝรั่ง และผลไม้ ที่แม่ปลูกไว้...
เวลาแม่เอามาล้าง...และแช่กับน้ำฝนจากโอ่ง...ผมรับรู้ถึงคุณค่าอร่อย และความอิ่ม (อกอิ่มใจ) ...จากความเย็นของน้ำฝนมากครับ
เป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” จริงๆ ครับ
แม้ทุกวันนี้...อาหารการกินของทุกคน...ไม่ขาดแคลน (มีข้อแม้ว่า....ถ้าเรามีเงินซื้อ)
อาหาร “จานด่วน” ที่มีโมเดลเสมือนจริง...ยั่วยวนให้เราเข้านั่งลิ้มรสข้างในร้านอาหาร ทั้งของไทย และต่างประเทศ
และเมื่อผมเข้าไปนั่งทานอาหาร...ผมก็รับรู้ถึง “ความอร่อย” และ “ความสวยงาย” ของอาหารที่ร้านจัดให้ลูกค้าเช่นผม
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ขาดหาย และโหยหวนกับมัน คือ
โหยหวนกับธรรมชาติ...อาหารจานด่วนผมให้ผมตัดตอนแห่งธรรมชาติ...เครื่องปรุงที่ทำให้ห่างไกลจากรสชาติแห่งธรรมชาติออกไปทุกที่
โหยหวนกับความรัก...รสชาติฝีมือแม่...ถึงไม่อร่อยเท่าในร้านอาหาร...แต่ยามแม่เตรียมอาหาร...ปรุงอาหาร...และยกสำรับมาให้ลูกๆ มันเป็นภาพแห่งความรักและความอบอุ่นยิ่งนัก...
โหยหวนกับความสุข...เมื่อนั่งทานข้าวในร้านอาหารคนเดียวหรือกับเพื่อนฝูง...ผมอยากให้บรรยากาศนี้อยู่ภายในบ้าน...ได้ตักอาหารให้แม่...ให้เตี่ย...และเรื่องราวของลูกแต่ละคนในวงข้าว...
อ่านแล้ว ครบเครื่อง ทุกเครื่องแล้วค่ะ น้องชายคนดี เรื่องอนาคตของท่านมหาตมะ คานธี เรื่องสิ่งแวดล้อม ความสุข ผลไม้ สุขภาพดีสร้าง ด้วยอาหารสุขภาพ ที่มีในท้องถิ่นบ้านเรา นะคะ ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ
สวัสดีครับพี่ทิมดาบ ผมเห็นชมพู่แล้วแอบอยากกินเล็กน้อย เรามีเงินซื้อได้แต่เวลาปลูกมันออกลูกนี่เราเองก็ภูมิใจไม่ใช่น้อยครับ เงินซื้อได้ทุกอย่างแต่อย่างเดียวบางทีมันซื้อความรู้สึกเราไม่ได้.....
" ผมเปรยกับครอบครัว และลูกชายเสมอว่า “...เมื่อถึงระยะเวลาการทำงานในระบบราชการ
ที่ผมรู้สึกว่า...ผมอิ่มและล้นมากแล้ว...มองแล้วว่า...ถ้าไม่มีผม...ต้องมีคนอื่นทำแทนได้...”
ผมก็ต้องออกจากงานครับ...สิ่งแรกที่วางแผนไว้....คือ...เป็นชาวสวน”
คิดเหมือนกันเลยจ้ะ
อยากเอื้อมมือไปเด็ดลูกชมพู่มากเลยค่ะ หวานกรอบอร่อยชื่นใจยามร้อนนี้ดีมากๆ ดีจังค่ะนำใบชมพู่มาทำปุ๋ยให้กับต้นชมพู่ ไม่น่าล่ะที่บ้านสุพรรณแม่กวาดกองไว้ใกล้ๆโคนต้น ลูกถึงได้ดกมากทุกปี บริเวณบ้านพี่ดาที่เชียงใหม่ ต้องเรียกว่า มีความสุขหยุดชะงักไม่ราบรื่นในการปลูกต้นไม้ แต่ก็ต้องทำใจค่ะคนอยู่ในเมืองพื้นที่จำกัด อ่านแล้วนึกภาพไปด้วย มีความสุขมากมายนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สุขสันต์ ค่ะน้องชาย :)
อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ...
ชอบบันทึกนี้จังค่ะ
ชอบเพลงนี้มากด้วยค่ะ
ดูลักษณะแล้ว ชมพู่น่าจะหวานดีนะคะ
เป็นการออกนอกเรื่องที่จับใจ
มีหลายคนพูดว่า...เด็กในยุคนี้มีความเชื่อน้อยลง...
ขออนุญาตเป็นเด็กร่วมสมัย (gen Y ตอนต้นคะ ;-)
มีสิ่งหนึ่ง ที่ถามตัวเองตลอดมา แล้วยังหาคำตอบไม่ได้
นอกจาก..มันเป็นวิบากกรรม
ที่เราต้องน้อมรับ เรียนรู้ และฝึกที่จะให้อภัยตนเอง
###
ขอบคุณสำหรับจานด่วนที่ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณคะ
ขอบคุณความสุขครับ ..... หลังจากอ่านบล็อคนี้แล้ว .... ผมรู้สึกว่า การดำเนินชีวิตของผมอาจจะสุดโต่งเกินไป.....คงจะขาดบางสิ่งที่เขาคงเรียกกันว่า ....สุนทรี....
ชมพู่ ผลงามน่าทานมากค่ะ