การเขียนบันทึกทำให้เกิดพลังบางอย่าง...........บันทึกของ อสม.


ทุกๆ สิ้นเดือน นอกจากรายงานภาคบังคับที่ให้ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ส่งคนละหนึ่งแผ่นแล้ว

ผมยังมีการบ้านที่มอบหมายให้ อสม. ทำด้วย คือ การเขียนบันทึกชีวิต ครอบครัว  การทำงาน  จิตอาสา และการออกไปเยี่ยมบ้าน... จำนวนคนละหนึ่งแผ่นกระดาษของสมุดเบอร์สอง

ผมได้ดำเนินการมาแล้วปีแล้ว...เริ่มแรกได้คุยและขอคำปรึกษาจาก อสม.ทุกท่านว่า จะเขียนบันทึกกันดีไหม? ส่วนใหญ่เห็นด้วย มีจำนวนน้อยมากที่ไม่เห็นด้วย

แต่ในเสียงส่วนใหญ่นั้น กังวลว่า ตนเองเขียนหนังสือไม่เก่ง เรียนหนังสือมาน้อย โดยเฉลี่ยแล้วจบชั้น ป.6 แต่ผมก็ให้กำลังใจว่า เขียนอะไรก็ได้ ตามใจที่เราอยากเขียน สะกดตัวหนังสือไม่ถูก ลายมือไม่สวยไม่สำคัญ

แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จากการเขียนบันทึก คือ การเขียนทำให้เราครุ่นคิดและเติบโตไปกับความคิดของเราเอง



ผมเคยได้ยินสุภาษิตจีนลอยว่า “การอ่านหนังสือทำให้เราครุ่นคิด ถ้าเราไม่ครุ่นคิด เปรียบเสมือนเราทานข้าวแล้ว แต่ไม่มีการย่อยอาหาร”



ผมเห็นด้วยว่า การอ่านหนังสือมีความเหมือนกับการเขียนบันทึก และการเขียนบันทึกมีขอบเขตมากกว่า คือ ต้องครุ่นคิด พร้อมกับการใคร่ครวญไปด้วย นับเป็นการตกผลึกความคิดหลายๆ ชั้น

ทุกๆ สิ้นเดือน ผมจึงมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะผมได้อ่านบันทึกของ อสม. ทั้ง 171 คน....ซึ่งบันทึกของแต่ละคนมีความงดงามแตกต่างกันไป...ผมอ่านแล้ว ทำให้ผมได้ครุ่นคิดไปด้วย และเห็นพลังและความงดงามของ อสม. ทำให้ผมพลอยมีพลังและกำลังใจไปด้วย

บางบันทึกผมเห็นการทำงานด้วยหัวใจแห่งจิตอาสา...ความเสียสละ...ความศรัทธาในการทำความดี...ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันและปลื้มใจไปด้วย บางครั้งทำให้ครุ่นคิดว่า...ความรัก...ความดี ทำให้โลกเราสดใสและมีพลังในการหมุนรอบๆ สรรพสิ่ง



ผมขอยกตัวอย่างบันทึก...การทำงานของ อสม. ท่านหนึ่ง ที่เข้าไปดูและผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว  ทำให้เห็นว่า การเยียวยา  การเสียสละเพื่อคนอื่นอย่างงดงามยิ่งนัก...และเกิดพลังให้กับคนอื่นและตนเองได้อย่างมหัศจรรย์

เมื่อผมครุ่นคิดผมเพิ่งเห็นว่า “ผมยังมีความเสียสละต่องาน และผู้อื่นน้อยเหลือเกิน”



“คนไข้ไปทำงานที่พระประแดง ไปทำงานหากินที่โน่น ด้วยการเอาใจใส่ดูแลภาวะจิตใจ...ทำมาสองสามเดือน ด้วยการพูดคุยทางไกลด้วยโทรศัพท์  เป็นกำลังใจให้กันตลอดมา การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย มีวิธีแนะแนวแบบสะดวกหลายประการด้วยกัน

...กระตุ้นให้ผู้ป่วยตื่นตัวในการที่ผลักดันให้สู้กับโรคร้าย เพื่อจะได้อยู่กับโรคร้าย เพื่อจะได้อยู่บนโลกนี้ยืดระยะได้อีก โดยไม่อนาทรบั่นทอนจิตใจให้ลดลงต่ำกว่าโรคร้ายที่กำลังคุกคามร่างกายอยู่ในขณะนี้

...ด้วยกำลังใจพูดคุยเป็นเพื่อนยอมเสียสละทรัพย์บางส่วน กับการปฏิบัติภาระหรือกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นจำนวนไม่น้อยหากจะเปรียบเทียบกับรายรับ อสม. ในการนี้...แต่เมื่อเห็นกำลังใจของผู้ป่วยดีขึ้น กำลังใจของผู้ดูแลก็พลอยมีพลังที่จะคอยขับเคลื่อนให้ไปสู่จุดหมายที่รออยู่ข้างหน้า

...หากไม่ไกลเกินฝัน เป็นสิ่งที่น่าติดตาม เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ

...จากการเมื่อก่อนที่ได้นั่งร้องไห้ด้วยกัน วันนี้ยังพอมีหนทางให้ อสม. พลเมืองคนหนึ่ง ได้แสดงอนุภาพและได้เอาวิชาความรู้ที่ได้มาใช้เกิดประโยชน์สูงสุด กับบุคลากรหนึ่งคนได้เป็นที่ประจักษ์แก่จิตวิญญาณจิตอาสาโดยสายเลือด....”





อีกบันทึกของ อสม. ท่านหนึ่ง...ความครุ่นคิดในการทำงาน เมื่อสามีคู่ชีวิตไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องสุขภาพให้กับผู้อื่นและชาวบ้านได้...ทำให้ อสม.ผู้เป็นภรรยารู้สึกผิดและไม่กล้าทำงานจิตอาสา หรือ อสม. ต่อไป

เมื่อผมได้อ่านครั้งแรก...ผมได้ติดต่อ อสม. ท่านนั้นทันที  ผมได้ให้กำลังใจว่า อสม. ทำดีที่สุดแล้ว เต็มที่ที่สุดแล้ว ชีวิตคนเรามีเงื่อนไขหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้....

หลังจากนั้น สามวัน ผ่านไป มีการประชุม อสม.ประจำเดือน ผมจึงอ่านบันทึกฉบับนี้ให้ อสม.ทุกครั้งฟัง โดยไม่ได้บอกว่า ใครเป็นผู้เขียน หลังจากที่ผมได้อ่านเสร็จ ก็มีเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากผู้เข้าร่วมประชุม และให้กำลังใจกับเจ้าของบันทึก



“... เดือนนี้ออกเยี่ยมบ้านน้อย แต่ไม่ขาด 2 ครั้ง ต่อเดือน เพราะว่า เดือนนี้เกี่ยวข้าวหลายวัน

มีปัญหาทางครอบครัวของ อสม. เอง เป็นสามีที่เคยเลิกเหล้าแล้ว แต่เมื่อออกพรรษาได้กับมากินอีก เป็นนิสัยที่แย่มากๆ ที่เคยเล่าให้หมอ....ฟัง

ก็คิดอยู่ว่า เราผิดตรงไหน บกพร่องอะไร พยายามประคับประครองครอบครัวมานานเกือบ 30 ปีแล้ว กำลังจะยอมแพ้แล้ว 

คิดถึงชุมชนที่เราดูแลและรักมากๆ เพื่อนบ้านทุกคนที่ผูกพันกันมาเหมือนคนบ้านเดียวกัน และคิดอยู่ว่าเราดูแลครอบครัวเราไม่ได้ แล้วเราจะกล้าดูแลคนในชุมชนอีกหรือ

ไม่ใช่คนติดเหล้า แต่เวลากินแล้วจะเสียนิสัยมาก ไม่รู้จักรับผิดชอบการงานที่ทำอยู่...ไปหน้าอย่างเดียว ทำให้เราเสียสุขภาพจิตมาก

พยายามปล่อยวางแล้ว และหาสาเหตุว่า ตัวเราผิดตรงไหน เราจะช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเราได้ทุกด้าน

และขอขอบคุณหมอ........มากที่กรุณาอ่านความในใจที่อยากระบายออกมาจากใจจริง....”





ในการเขียนบันทึกของผมเกือบทุกบันทึก...ผมต้องมีอะไรทิ้งท้าย และสรุปบันทึกว่า ต้องการจะนำเสนอประเด็นใหญ่ๆ อะไรบ้าง?

บันทึกนี้จากการอ่านบันทึก อสม. ทำให้ผมรู้สึกว่า การเขียนบันทึกสามารถสร้างพลังในกับตนเองได้อย่างประหลาด

เป็นพลังบางอย่างที่เป็นพลังให้กับผู้เขียนบันทึก...

ผมไม่รู้ว่า...พลังมาจากขั้นตอนไหนจากการเขียนบันทึก

แต่ที่แน่ๆ...เป็นรางวัลที่มีค่าและมหัศจรรย์ให้กับผู้เขียนบันทึกเอง

โดยไม่ต้องเฝ้ารอให้คนอื่นทั่วไปมอบรางวัลให้.....



บันทึกที่เกี่ยวข้อง....

บันทึกที่งดงาม...กับโมงยามของ อสม.

http://www.gotoknow.org/posts/495037

หมายเลขบันทึก: 512005เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2012 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2012 00:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

 เขียนบันทึกเป็นการบำบัดความเครียดอย่างหนึ่งของผมเลยล่ะ

เขียนบันทึกเป็นการทบทวนไต่ตรองตนเองด้วยครับ

เขียนบันทึกเป็นการทบทวนตนเอง ทบทวนความคิด จิตใจ อารมณ์ สังคม ปัญญา ครับ

  การเขียนบันทึกสามารถสร้างพลังให้กับตนเอง  ...เพราะได้รู้จักตนเองดีขึ้นใช่ไหมคะ



บันทึกของคุณหมอ...และกัลยาณมิตรทุกท่าน ทำให้ผมมีกำลัง...

บันทึกหลายๆบันทึกทำให้เกิดอีกหลายบันทึกติดตามมา....

 การเขียนบันทึกทำให้ทบทวนในสิ่งที่ทำมาแล้วหรือคิดที่จะทำในวันข้างหน้าถ่ายทอดความรู้สึกได้ ช่วยผ่อนคลายหากภาวะที่กำลังเขียนอยู่นั้นกำลังเครียด  หากเขียนให้ผู้อื่นอ่านด้วยก็เป็นการผ่อนคลายได้มากขึ้นอีกกว่าการเก็บไว้อ่านเอง การได้เก็บบันทึกไว้อ่านเองเป็นสิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ในวันข้างหน้า เกิดเเราลืมในบางเรื่องที่เขียนไว้เมื่อกลับมาอ่านจะได้ทราบว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดอย่างไรไว้บ้าง

อสม ก็ช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้

การเขียนบันทึก..เป็นการตกผลึกความคิดออกมา เพื่อสื่อความอย่างเป็นรูปธรรม..ชอบเขียนบันทึกค่ะ..เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรในชีวิตตลอดมา..

ดีจังเลย ... ได้เข้าใจ ..อสม.  มากขึ้น .... เข้าใจตนเองมากขึ้น....หมายถึง พี่เปิ้นนะคะ (ให้การบ้าน + ให้งาน อสม. มากไปหรือเปล่า?)  .... ตอนนี้พี่เปิ้น กำลังทำ ... ตำบลนมแม่..ที่เลีัยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน...และ รพ.หมู่บ้าน  อยู่นะึคะ 


ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ ที่แบ่งปัน

สมัยก่อนดิฉันมีไดอารี่เสมอค่ะ ปีละ 1 เล่ม  อะไรผ่านมาในชีวิต ก็เขียนจนเป็นนิสัยค่ะ

สมัยนี้ก็มีไดอารี่ค่ะ แต่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น  

ส่วนอื่นๆ ก็มาเขียนบันทึกนี่ไงค่ะ เป็นไดอารี่แทน 

พี่ชอบเขียนบันทึก หมดไป 1เล่มแล้วคะ ยังไม่ได้นำมาบันทึก ในblog หรือเปิดเผยให้ใครอ่าน 

อสม.ช่วยงานเราได้เยอะมากค่ะ

ให้กำลังใจงานดี ๆ ที่คุณทำค่ะ

การอ่านกระตุ้นให้คิด  การเขียนเป็นการสรุปความคิด  ถ้าไม่อ่านจะเขียนอะไรดีๆ ไม่ออก

 ผมเป็น อสม. เหมือนเจ้าของบันทึกนะครับ

แต่ผมกลับไม่มีสมุดบันทึกของ อสม.เลยสักหน้า

ยอมรับว่า อสม.ท่านนั้น  ขยันและเอาใจใส่ต่อรายละเอียดต่างๆ มากเลยนะครับ

น่านับถือจริงๆ ครับ

 “การอ่านหนังสือทำให้เราครุ่นคิด ถ้าเราไม่ครุ่นคิด เปรียบเสมือนเราทานข้าวแล้ว แต่ไม่มีการย่อยอาหาร” เห็นด้วยค่ะ

มาปรบมือให้ทุกบันทึกในgotoknow. ทั้งสร้างแรงบันดาลใจ ให้ควารู้และความรู้สึกที่ตื้นตันใจจนน้ำตาซึมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท