สุขภาวะนิเวศและพื้นที่ปฏิสัมพันธ์สร้างรสนิยมชีวิตชุมชน


ดินในนาไร่แถวบ้านที่สันป่าตองเป็นดินทรายอุ้มน้ำ หากฝนตกหรือมีน้ำขัง  ก็จะเละและเป็นหล่มง่าย เดินเหยียบย่ำลงไปก็จะจมลึกไปครึ่งแข้ง เมื่อต้องการทำนาหรือทำงานบนผืนดิน ชาวบ้าน ซึ่งก็รวมทั้งผมเองด้วย จึงมักจะสวมรองเท้าบู๊ตหุ้มเท้าไปจนตลอดลำแข้ง บางคนก็สวมถุงคลุมขาและเท้าที่สานด้วยเชือกไนล่อนเป็นตาถี่ๆ ซึ่งจะกันหนามและสิ่งต่างๆที่บาดและทิ่มตำให้บาดเจ็บได้  เช่น เปลือกหอยบาด ก้อนหิน รวมทั้งกิ่งไม้ ตะปู ขวดและเศษแก้ว เศษเหล็ก รวมทั้งตอหญ้าคาและหนามไหน่ของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นเต็มตามคันนาและหน้าดิน

แต่ลุงชาวนาผู้สูงวัยซึ่งมีที่นาติดกับบ้านผม คันนาของแกด้านหนึ่ง เป็นคันนาร่วมกับนาของผม แกกลับต่างจากคนอื่น โดยมักเดินด้วยเท้าเปล่า ทุกครั้งแกจะสวมรองเท้าแตะเดินมาจนถึงปลายนา จากนั้นก็จะถอดไว้แล้วเดินขุดดินทำนาด้วยเท้าเปลือยเปล่าๆ

บ้านผมที่อำเภอหนองบัวนครสวรรค์นั้น ชาวนาก็จะเดินทำนาด้วยเท้าเปล่า สวมรองเท้าบู๊ตไม่ได้เพราะผืนดินเป็นดินเหนียว โคลนและหล่มดินเหนียวจะมีแรงยึดรองเท้าบู๊ตและรองเท้าทุกชนิดจนเราก้าวเดินไม่ได้ ต้องเดินด้วยเท้าเปล่าอย่างเดียว

คันนาและสองข้างถนนเต็มไปด้วยพงหญ้า หญ้าคา พุ่มหนาม นานๆ อบต ก็จะตัดออกให้นิดหน่อยพอได้เปิดผิวหน้าถนนให้สัญจรได้สะดวก แต่หากทำอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่มีทางทำไหวเพราะมันเยอะมาก ส่วนชาวบ้านนั้น เมื่อถึงหน้าทำนาและเก็บเกี่ยวผลผลิต หากทนไม่ไหวก็จะต้องใช้วิธีฉีดพ่นด้วยยาฆ่าหญ้า พอแห้งก็จุดไฟเผา คนไม่ได้ทำนาและไม่ใช่หน่วยงานที่รับผิดชอบ หากจะถือว่าไม่เกี่ยวกับตนและไม่ใช่ภาระหน้าที่ของตน ก็คงไม่ผิดแต่อย่างไร การมีความทุกข์สุขและการรับรู้ถึงความมีชะตากรรมร่วมสังคมเดียวกัน เพื่อเห็นความเป็นหน่วยชีวิตหนึ่งเดียวกันของตัวเรากับผู้คนพร้อมกับกล่อมเกลาตัวกูของกูของเราเองไปด้วยอยู่เสมอๆ ดังเช่น ในบทแผ่เมตตาที่ว่า... ' สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น'...เหล่านี้นั้น จึงต้องกำหนดรู้ด้วยปัญญาที่กอปรด้วยคุณธรรมต่อส่วนรวมอย่างหนึ่ง สามารถเรียนรู้และน้อมนำเข้าสู่ตนด้วยการปฏิบัติ รวมทั้งคิดริเริ่มได้ในวิถีดำเนินชีวิตและทำการงานของเรานั่นเอง

ตามคันนามีหญ้าแข็งขึ้นอยู่เต็มแล้วก็จะมีเปลือกหอยเชอร์รี่เกลื่อนไปหมด เชื่อว่าลุงและชาวบ้านก็คงต้องลำบากอยู่มากเหมือนกัน เพราะผมสังเกตว่าหลายแห่งที่กอหญ้าหนาแน่น ชาวนาก็จะเอายาฆ่าหญ้าไปฉีด

อีกด้านหนึ่ง ถนนคอนกรีตเส้นเล็กๆ ที่ทอดผ่านหมู่บ้านตรงหน้าบ้านผมและติดกับแปลงนารอบบ้านผมด้วย เป็นถนนที่ทอดผ่านชุมชน  เห็นเรือกสวนไร่นาและวิถีชีวิตชุมชนสองข้างทางกึ่งเมืองกึ่งชนบท เป็นถนนสำหรับสัญจรของชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบ ไม่ค่อยมีรถยนต์จากภายนอกมาวิ่งเท่าไหร่นัก แต่ทุกวันก็จะมีกลุ่มคนถีบจักรยาน พากันถีบรถพร้อมกับชมทัศนียภาพและสูดอากาศที่สดชื่นสองข้างทาง เป็นการเที่ยวท่องไปในสภาพแวดล้อมของชุมชนที่สร้างเสริมสุขภาพตนเองและสร้างสุขภาวะให้แก่ชุมชน เป็นอย่างดี

จะดีแค่ไหน หากชาวนาได้เดินทำนาและเดินคุยกันด้วยบรรยากาศเพลิดเพลิน สบายเท้า ไม่ต้องเจ็บเท้าจากหญ้าทิ่มแทงและต้องสุ่มเสี่ยงกับเปลือกหอยที่ซุกซ่อนอยู่ตามดงหญ้า ได้ความสุขความเพลิดเพลินใจมากขึ้นบนบรรยากาศของการทำนาเป็นกลุ่ม และจะดีแค่ไหนหากกอหญ้าที่ขึ้นบดบังและกางกั้นมุมมองของคนที่อยู่บนทางสัญจรกับชาวนาในทุ่งนาเปิดออก ให้คนสัญจรบนถนน รวมทั้งนักท่องเที่ยวและกลุ่มคนถีบรถจักรยาน ได้รางวัลจากการถีบรถด้วยการเห็นท้องทุ่งนากับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ชาวบ้านและคนทำนาก็ได้เห็นชีวิตผู้คนจากโลกภายนอกที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ชีวิตตนเองได้ดีขึ้น และผู้คนในวิถีชีวิตที่แม้นจะแตกต่างกัน ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและสร้างปฏิสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น ผมมีความสุขที่จะได้เห็นคนมีความสุข

ตัดเอาหญ้าออก เห็นแนวถนนเป็นลายเส้นพาดผ่านท้องนาและเชื่อมอาณาบริเวณโดยรอบให้เห็นทัศนียภาพอันกว้างขวาง โอ่โถง เขียวขจี

ดังนั้น วันหนึ่ง ผมก็เลยเดินสะพายเครื่องตัดหญ้า ออกไปตัดหญ้าบนคันนาทั้งในที่นาของผมและนาของลุงอีกสองเจ้า รวมทั้งบนคันดินที่เป็นแนวเรียบไปกับรั้วบ้านผม คันนาที่ตัดหญ้าออกหมดแล้ว ทำให้แปลงนาแลดูมีเส้นเล็กๆขีดเป็นตารางเล่นจังหวะกับแนวไม้สีเขียวรายรอบ

เปิดสองข้างถนนออก แล้วลงจำปาลาวกับลั่นทมเป็นแนวยาวได้ ๕ ต้น สร้างพื้นที่สัมผัสหาความสุขกับธรรมชาติและเป็นพื้นที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชนด้วยจิตใจที่ละเมียดละไม มีรสนิยมชีวิต 

จากนั้น ก็เดินออกไปที่ถนน ผมมองไปในวันข้างหน้า เห็นต้นจำปาและลั่นทมที่จะขึ้นมาเป็นแนวแทนหญ้าและพุ่มละเมาะที่กำลังขึ้นงดงามจนลามกินพื้นที่เข้าไปทั้งสองข้างของถนนคอนกรีตเส้นเล็กๆนี้ คนผ่านไปมาคงจะมีความสุขที่ได้เห็นนาข้าวและหอมกลิ่นจำปาอวลมากับสายลมอ่อน กลับไปใช้ชีวิตและทำการงานอย่างมีพลัง ให้ตนเองและสังคมรอบข้างได้สิ่งงดงามจากผลพวงของคนมีความสุขตามไปด้วย

ดังนั้น เลยก็ได้ความคิดที่จะตัดหญ้าเปิดสองข้างถนนให้โล่ง จากนั้น ก็ขุดหลุมปลูกจำปาและลั่นทมให้เป็นแนวเลย ระหว่างที่ทำนั้น อบต ของตำบลสันกลาง บ้านห้วยส้ม ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาก็ส่งเสียงตะโกนคุยแสดงอาการทักทายยกนิ้วโป้งให้ ผู้เฒ่าผู้แก่ถีบรถและขับมอเตอร์ไซค์ผ่านก็แวะคุย พ่อเฒ่าท่านหนึ่งบอกว่า... "นี่มันต้นจำปาลาวทั้งนั้นเลยนะก่ะ" พอได้ยินแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า หมู่บ้านที่ปลายทางข้างหนึ่งของถนนในชุมชนเส้นนี้มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อว่า 'บ้านจำปาลาว' คงจะมีที่มาจากการมีต้นจำปาลาวอย่างที่พ่อเฒ่าท่านว่านี้มาก่อน กว่าจะเสร็จผมก็เลยได้เพื่อนแวะทักทายอยู่มิได้ขาด เห็นได้ลางๆว่ามันมีพลังในการเป็นพื้นที่สร้างชีวิตชุมชนอย่างที่คิดได้อย่างวิเศษจริงๆ

ผมขุดหลุมข้างถนนซึ่งปะทะกับเศษหินกับดินบดแข็งจนมือกำด้ามจอบสะท้านแทบถอดใจ เดินไปหาเศษใบไม้และใส่ปุ๋ย ไปเอากิ่งลั่นทมในกระถางและในบ้านมาปลูกทีละต้น ๕ ต้น ๕ หลุม กลับไปมาจากในบ้านกับข้างถนนของหมู่บ้านหลุมละหลายเที่ยว รวมระยะทางแล้วคงจะยาวเป็นกิโลเมตร ทั้งเหนื่อยกับทั้งอยากเห็นความเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเสร็จ เพื่อจะได้นั่งมองและเฉลิมฉลองด้วยการจิบน้ำเคล้าสายลมเย็นให้ชุ่มชื่นใจสักหน่อย

เมื่อจำปาและลั่นทมที่ปลูกขึ้นแทนป่าหญ้าข้างถนนนี้เติบโตและออกดอกเป็นแถวเป็นแนวอยู่ติดกับทุ่งนาและบ้านเรือนในชุมชน ก็คงจะทำให้เกิดพื้นที่พิเศษจากมือทำ ให้ผู้คนได้สัมผัสความสุขกับธรรมชาติและได้เห็นจิตใจวิถีชีวิตชุมชนด้วยกัน.  

หมายเลขบันทึก: 498110เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2012 16:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

กราบนมัสการ ขอบพระคุณท่านพระอาจารย์มหาแล อาสโย(ขำสุข)
ที่คลิ๊กแสดงการแวะมาเยือนให้กำลังใจครับผม 

หน้าฝนนี่ ตัดหญ้าทิ้งไว้สักสี่ห้าวันเอง
แล้วกลับมาดูใหม่ มันยาวเร็วเหลือเกิน
เหมือนตัดเสร็จปุ๊บแตกยอด
ตามก้นคนตัดไปเลยเชียว

ถ้ามีพื้นที่เยอะๆนี่ จะไม่มีเวลาได้พักเหนื่อย
เมื่อตัดได้ทั่วทั้งแปลงแล้ว
ที่ตัดก่อนก็ยาวพอ ให้เริ่มตัดรอบใหม่ได้อีก

วัชพืชที่ทนแล้ง กำจัดยากๆนี่
มักเป็นประเภทมีหนาม
พวกนี้ ทำลายยาก ขุดถอนราก
ตากแดด เมื่อถูกฝน
ก็สามารถฟื้นขึ้นใหม่ได้สบายๆ

การปลูก ลั่นทมจำปาข้างถนนนี่
เมื่อโตมีดอก ก็สวยงามมีสีสรรน่ามอง

ตอนเที่ยงวันนี้(๑๐ สิงหามคม ๒๕๕๕)
ได้โทรไปสอบถามท่านอธิการโชคชัย
ท่่านกำลังเข้าประชุมคณะสงฆ์อำเภออยู่พอดี

อาตมาแจ้งให้ท่านทราบ
ว่าอาจารย์วิรัตน์ นิมนต์เจาะจงไว้
ให้ไปเป็นวิทยากร ที่โรงเรียนหนองคอก
อำเภอหนองบัว นครสวรรค์
วันที่ ๑๓-๑๔ สิงหามคม นี้
ท่านตอบขณะประชุมว่า ได้เลย

ได้ไปแน่นอนหรือไม่อย่างไร
เดี่ยวจะแจ้งอีกที

กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล อาสโย(ขำสุข)ครับ

ผมก็สังเกตเหมือนกันครับว่าหน้าฝนนี้ต้นไม้ใบหญ้ามันช่างงอกงามเติบโตเร็วดีจริงๆ แต่เดิมนั้นก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะรอให้ผ่านไปหน้าแล้งก่อนถึงจะตัด แต่นึกถึงกอหญ้าและต้นไม้หนามที่โตอย่างเต็มที่แล้วก็แหยงครับ เลยตะลุยตัดเป็นระยะๆรวมทั้งในหน้าฝนนี้ไปด้วยดีกว่า แต่วันหนึ่ง ก็สังเกตพบว่า หญ้าที่งอกใหม่หลังจากตัดในหน้าฝนนี่เป็นชุดใหม่ที่ต้นเล็กลง และหญ้าที่มักขึ้นหนาแน่นมากๆนั้น เมื่อตัดเพียง ๒-๓ ครั้งในหน้าฝนก็แทบจะหายไปเลยครับ

ผมมานั่งวิเคราะห์และพิจารณาดู ก็ลองตั้งสมุมติฐานใหม่ได้อย่างนี้ครับว่า ปรกติแล้ว จะมีหญ้าและพงหนามชุดหนึ่งที่จะเป็นเมล็ดและรอที่จะงอกขึ้นมาอย่างเต็มที่ในหน้าฝน ก่อนหน้าฝนก็จะไม่งอกและไม่ใช่อยู่ในกลุ่มดงหญ้าที่เราตัดในหน้าแล้งก่อนและหลังหน้าฝน พอถึงหน้าฝน หญ้าและต้นไม้หนามชุดนี้ก็จะเริ่มงอกขึ้นมาพร้อมกันชุดใหญ่ หากรอให้พ้นหน้าฝนไปตัดหน้าแล้ง หญ้าและไม้หนามกลุ่มนี้ก็จะสามารถออกเมล็ดทิ้งไว้ในดินเยอะกว่าชุดเดิมรอไปงอกในรอบต่อไปได้อีกเรื่อยๆ แต่พอเราตัดหน้าฝนเสียเลย หญ้าและไม้ชุดนี้ก็ไม่ทันได้ออกดอกและมีเมล็ด เพราะฉนั้น เมื่อตัดแล้วก็แทบจะหมดไปเลย จริงๆครับ

กราบขอบพระคุณครับ
ผมจะโทรประสานงานอีกครั้งนะครับ 

ชีวิตพอเพียง ==> วิถีชุมชน

ขอบคุณมากค่ะ

บทเรียนนี้พกพาสุนทรียแห่งธรรมชาติครับ เคารพและคิดถึงอาจารย์เสมอครับ

สวัสดียามเช้าค่ะ

ท่านอาจารย์ได้สร้างความต่างให้ชุมชนอย่างต่อเนื่องนะคะ รู้สึกอยากเป็นเพื่อนบ้านของอาจารย์จังค่ะ

ถนนที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกลั่นทม ภายในรั้วบ้านจะปลูกกันเกราไว้ด้วยค่ะ จะได้ส่งกลิ่นหอมไปทั่วยามออกดอก

แถบบ้านท่านอาจารย์สงบ สวยงาม น่าอยู่ มากค่ะ

No offence intended here. I have been leaving a lot 'footprints' on my land in trying to make it my haven. Only recently, I look around and now I try to leave no foot prints on the land. May be I have stop claiming my land, and start returning this patch to the world.

We are on the same side -- we are about cooling down our world and ourselves ;-)

สวัสดีครับ ดร.สมศรีครับ
เป็นสภาพแวดล้อมชุมชนที่ส่งเสริมวิถีพอเพียงได้เหมือนกันนะครับเนี่ย การเริ่มที่ปัจเจก แล้วก็เชื่อมโยงออกไปสู่ชุมชน ก็เป็นการมีส่วนร่วมที่พอเพียงกับกำลังการปฏิบัติของผู้คนแต่ละคน ต่างสามารถเป็นกำลังช่วยกันคิดและทำได้กับเรื่องใกล้ๆมือในชีวิตประจำวันได้ทุกคนอย่างนั้นเลยใช่ไหมครับ 

สวัสดีครับอาจารย์ Dr.Pop ครับ
มีโอกาสอาจารย์อย่าลืมแวะไปแอ่วกันอีกนะครับ 
รำลึกถึงอาจารย์และทุกท่านที่มหิดลเสมอครับ 

เรียนอาจารย์ วิรัตน์ ฝันเล็กๆลึกๆ (จะดีแค่ไหน หากชาวนาได้เดินทำนาและเดินคุยกันด้วยบรรยากาศเพลิดเพลิน)

หากแต่เป็นฝันที่ยาก แต่ก็เป็นไปได้ที่เริ่มจากตัวเอง

เราถูกตีตรา จากความศิวิไลซ์ ผมไปทำแผนสุขภาพของรพสต.พยผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 75 ปี ไปตรวจสุขภาพ ไม่เป็นโรคอะไรเลย

ฟันก็สมบูรณ์ และสิ่งหนึ่งแกบอกว่าในชีวิตนี้แกไม่เคยใส่รองเท้า(ซึ่งผมได้ให้น้องเขาตามไปดูพฤติกรรมบริโภคที่บ้านอยู่)

(ผมนุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำห้องน้ำโรงแรมหรู เพื่อนร่วมห้องตำหนิ ว่าผมไม่รู้จักกาละเทศะ)

สวัสดีครับดร.ปริมครับ

ก็ทำไปเรื่อยน่ะครับ ผมบอกกับภรรยาเหมือนกันว่า การทำสิ่งต่างๆด้วยการลงแรงกายแรงใจนี่ รวมทั้งเป็นผู้คนตัวเล็กๆนี่ โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่มีกำลังไปคิดทำอย่างอื่นได้มากนัก เพียงดูแลเรื่อวราวของตนเองในแต่ละวันชีวิตก็หมด หาเรื่องได้ทำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำได้ วิถีปฏิบัติอย่างหนึ่งก็คือต้องเชื่อมั่นในกฏของการสั่งสม ผมบอกว่าทุกๆวันให้คิดและทำสิ่งต่างๆใหม่ๆขึ้นสักหนึ่งอย่าง อะไรก็ได้ ทำทุกวัน แม้แต่เดินผ่านหญ้ารกๆ ก็ถือโอกาสเอื้อมมือถอนหญ้าสักกระจุกหนึ่งอย่างนี้ก็ได้ ซึ่งเวลาเดินตัดหญ้า ก็เลยมักได้สังเกตเห็นว่ามักจะมีแนวหญ้าที่อยู่ติดกับปูน หิน และสิ่งกีดขวาง แหว่งหายและถูกถอน ทำให้ผมตัดหญ้าได้ง่ายและทั่วถึงขึ้น 

ต้นกรันเกรานี่ชื่อเพราะดีนะครับ ผมเคยได้ยินแต่นึกไม่ออกแล้วละครับว่าเป็นต้นอย่างไร ได้ความรู้และข้อแนะนำจากนักเคมีปรุงกลิ่นหอมของไม้ดอก ลั่นทมกับกรันเกรา อีกอย่างหนึ่ง ด้วยความขอบคุณมากเลยครับ ลั่นทมและจำปานี่รากฝอยเยอะมากครับ แผ่กว้างและแผ่ออกไปไกลจากต้นทั่วไปหมด ยึดดินดีมาก แต่ไม่ดันให้พื้นแตก 

เรียนอาจารย์ กันเกรา 1 .ใน 9 ไม้มงคล รอบรั้วบ้าน

กันเกราบ้านผมเรียก ทำเสา หรือตำเสา เป็นไม้เนื้อแข็ง ทำเครื่องเรือนสวยงาม ผมชอบเปลือกตำเสา ครับ

สวัสดีครับคุณ sr ครับ
เหมือนไม่เห็นต่าง แต่ก็มีนัยที่ต่าง และให้ความคิดดีๆมากครับ การดูแลชีวิตให้มีความสุขด้วยการบริโภคทรัพยากร วัตถุ พลังงาน และอื่นๆ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็ไปส่งผลต่อการเกินที่จะแบกรับพลโลกได้ของธรรมชาติ เหล่านี้ ทำให้เกิดแนวคิดต่อลักษณะ 'การทิ้งรอยเท้าไว้' ของมนุษย์ ว่าควรต้องลดรอยเท้าที่บ่งบอกถึงการเพิ่มปริมาณคาร์บอนและเพิ่มปัจจัยสร้างภาวะโลกร้อน ลงไปให้มากที่สุด ที่เคลื่อนไหวและเรียกร้องการปฏิบัติร่วมกันของนานาประเทศทั่วโลก

ในการปฏิสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันของสังคมที่มีความแตกต่างเหลื่อมล้ำกัน โดยเฉพาะสังคมเมืองกับชนบท คนท้องถิ่นกับคนภายนอก คนในชุมชนกับผู้คนจากสังคมรอบข้าง รวมทั้งคนในสังคมกับผู้มาเยือนต่างชาติ ต่างสังคมวัฒนธรรม ก็มีแนวคิดในลักษณะข้างต้นเหมือนกัน โดยควรลดรอยเท้าการบริโภคและสร้างผลกระทบแปลกปลอมให้กันให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ ก็ควรมีรสนิยมชีวิตที่จะแสวงหาความสุขและความบันดาลใจจากกันด้วยสิ่งที่มีความหมายทางจิตใจกับการแลกเปลี่ยนทางปัญญา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนกันทางวัฒนธรรมจิตใจมากกว่าวัฒนธรรมทางวัตถุ ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดสุขภาวะร่วมกันด้วยการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดกระทั่งไม่กระทบต่ออะไรเลยนอกจากความทรงจำและรอยเท้า

แต่มุมมองของคุณ sr นั้น ให้วิธีคิดและมีความเป็นปรัชญามากครับ การทำให้สิ่งต่างๆสนองความสุขและเป็นสวรรค์บนดินของเรา แม้จะเป็นมิติจิตใจ ก็เป็นรอยเท้าของการก้าวไปแทรกแซงธรรมชาติบนความต้องการให้เป็นไปอย่างใจของมนุษย์อยู่ดี หากเป็นไปได้ ก็ไม่ต้องมีแม้แต่รอยเท้าใดๆในพรมแดนของธรรมชาติเลย ซึ่งมองไปไกลๆ ก็เหมือนกับพิจารณาว่า ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้าของการติดดี ติดสุข ติดความอยากมี อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ และอื่นๆ ของเรา ทำให้นึกถึงวาทะของหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่กล่าวสุนทรพจน์ต่อการรุกเข้าไปครอบครองของชนผิวขาวเลยละครับ  

สวัสดีครับบังวอญ่าครับ

ตอนนี้ บางโอกาส ผมเองก็ต้องลองฝึกฝนตนเองไว้สำหรับการเดินไม่สวมรองเท้า ซึ่งก็แทบจะเดินไม่ได้เลยละครับ ทีเมื่อก่อนนี้ หากสวมรองเท้าเดินและวิ่งก็จะไม่ถนัด ต้องเดินเท้าเปล่าอย่างเดียว ทำนาเดินป่าเขาได้หมด

ชอบนุ่งผ้าขาวม้า และแม้จะถูกเหน็บแนมว่าไม่รู้กาลเทศะอย่างบังวอญ่านี่ ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยิ่งใหญ่ในจิตใจดีนะครับ จะมีคนและหลายอย่างที่อยู่เบื้องหลังได้ผลดี มีความสุขแบบไม่ต้องเจาะจง คนเก็บและซักผ้าทำงานน้อยลง เครื่องซักผ้าและพลังงานลดลง ส่วนรวมก็ไม่เรื่องมากมากขึ้น ขอเชียร์และขอร่วมชื่นชมครับ รูปผ้าขาวม้าโพกหัวของบังวอญ่านี่ ก็คือครับ คือคักคัก ขอบพระคุณความรู้เกี่ยวกับต้นกรันเกราเพิ่มขึ้นอีกครับ

  • โดยมักเดินด้วยเท้าเปล่า ทุกครั้งแกจะสวมรองเท้าแตะเดินมาจนถึงปลายนา จากนั้นก็จะถอดไว้แล้วเดินขุดดินทำนาด้วยเท้าเปลือยเปล่าๆ สวมรองเท้าบู๊ตไม่ได้เพราะผืนดินเป็นดินเหนียว โคลนและหล่มดินเหนียวจะมีแรงยึดรองเท้าบู๊ตและรองเท้าทุกชนิดจนเราก้าวเดินไม่ได้ ต้องเดินด้วยเท้าเปล่าอย่างเดียว ... 
  • น่าสนใจค่ะ ทำให้นึกจินตนาการถ้ามีชุดทำเกษตรแบบคล้ายชุดประดาน้ำ คือกางเกงกับรองเท้าเป็นเนื้อเดียวกันได้คงจะดี..
  • แต่ไม่รู้ ชาวบ้านเขาคิดว่าเรื่องเดินเท้าเปล่าเป็นปัญหาหรือเปล่านะคะ

สวัสดีครับอาจารย์หมอ ป.ครับ
ผมเองเมื่อก่อนนี้ก็คิดว่าการสวมรองเท้าและรองเท้าบู๊ตทำนาทำสวนนั้นไม่จำเป็นและทำให้ชีวิตเป็นเรื่องมากไปเปล่าๆ แต่เดี๋ยวนี้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากครับ ในดินโคลนบางทีมีแต่เศษขวดแก้ว โลหะ ของมีคม รวมทั้งการเน่าเสียก็ไม่ใช่เกิดจากสิ่งของในธรรมชาติอย่างเดียว แต่มีสิ่งปนเปื้อนหลายอย่างที่ทำให้เกิดมลพิษ บั่นทอนสุขภาพและเป็นอันตรายหลายอย่างได้เหมือนกัน เกิดแผลติดเชื้อได้ง่าย และเกิดอักเสบ กลายเป็นมีอาการรุนแรงมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเห็นได้เรื่อยครับ บางทีหนามตำเกิดแผลนิดเดียว แต่เป็นหนามที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำที่มีปนเปื้อนเยอะ ก็กลับอักเสบบวมฉึ่ง เจ็บป่วยและเกิดความทุกข์ทรมานตามมาหลายอย่าง หากมองอย่างนี้ก็เหมือนกับว่าจะจำเป็นนะครับ แต่เรื่องที่แปลกแยกออกจากสิ่งที่เคยทำตามๆกันมาอย่างนี้นี่ ก็จะต้องอาศัยการเรียนรู้ รอกระบวนการตรวจสอบ กลั่นกรอง และเลือกสรรการเปลี่ยนแปลงเอาเองเหมือนกัน กระบวนการชุมชนและการส่งเสริมกระบวนการปฏิสัมพันธ์เชิงการเรียนรู้ของชุมชน ให้ดำรงได้อยู่เสมอๆ จึงมีความสำคัญและจะมีบทบาทต่อมิติสังคมอย่างนี้แหละครับ

...ในกอหญ้า..มีสิ่งมีชีวิต..อีกมากมาย..ที่ต้องพึ่งพา..หมด กอ..หญ้า..คงหมดไปอีกหลายชีวิต..เพียงแต่..เรา..อยากเห็นสิ่งที่เราอยากเห็นหรือแค่สดวกสบายเท่านั้น..หรือ....(ยายธีแอบถามตัวเอง..อ้ะ..)...ที่เยอรมันยุคประหยัดและเขารู้ว่ายาฆ่าหญ้าที่ผลิตออกมาขาย..มันกำลังมาทำลายตัวเอง..เลย..เลิก.ตัดหญ้า.ฆ่าหญ้า.เดี๋ยวนี้..มีดอกไม้ใบหญ้าเต็มทุ่งมากมาย.ริมถนนเริ่มมีดอกไม้ใบหญ้าต่างชนิด.ผึ้งแมลงมีประโยชน์เริ่มกลับมาบินให้เห็น..ดอกไม้ใบหญ้า..ผลิดดอกออกใบต่างสีต่างชนิด..ไม่ต้องปลูก..เพียงแตคอยควบคุมดูแลเท่านั้น.....(แต่อีกมุมหนึ่งในสวิส..เคยเห็น..ชาวบ้านในวันอาทิตย์..สะพาย..ถังแก้สและถือหัวเผา..เดินฉีดเผาหญ้าที่ขึ้น..ตามซอกคอนกรีต..๕๕๕..หวังว่าวันนี้..เขาคงไม่ได้ทำเช่นนั้นแล้ว..อิอิ..)..ยายธี

สวัสดีครับยายธีครับ
ในต่างประเทศมีตัวเลือกดีๆให้เยอะเหมือนกันนะครับ ชาวบ้านในประเทศกำลังพัฒนา หรืออย่างในบ้านเรานี่ บางทีก็แรงบีบคั้นจากสภาพสังคมเศรษฐกิจ ก็ผลักดันอีกทีหนึ่งให้ผู้คนหาทางที่จะอยู่ในสังคมให้ได้ ในสภาพที่ทางเลือกดีๆมีให้อย่างจำกัด การช่วยการสร้างบทเรียนจากความเป็นจริงของการปฏิบัติ และช่วยการถ่ายทอด สื่อสาร ให้เยอะๆและหลากหลาย ก็อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ความคิดกันที่หลากหลายให้มากยิ่งๆขึ้น

  • สมัยเด็กๆเดินเท้าเปล่า
  • ไม่ค่อยใส่รองเท้า
  • ตอนหลังกลับไม่เดินแบบเดิมไม่ค่อยได้
  • ที่บ้านไร่ปราบหอยเชอร์รี่โดยใช้นกครับ
  • มือปราบหอย...

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ขจิตครับ
เคยเห็นแถวพรหมพิราม พิษณุโลก เขาใช้วิธีเลี้ยงเป็ด ให้เป็ดหากินหอยในนาข้าว เรียกว่าเป็ดไล่ทุ่ง เป็นกองทัพเป็ดปราบหอยครับ ได้ผลดี แต่ก็มีปัญหาตามมาเหมือนกันคือ เป็ดเป็นฝูงๆเดินหากินหอยเชอร์รี่ในนาข้าวเยอะๆแล้ว ปัญหาหอยหมดไป แต่ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นตามมาคือดินที่ฝูงเป็ดเหยียบมันแน่น กระทบต่อนาข้าว ต่อมาเลยจัดกิจกรรม ประกวดการทำอาหารจากหอย ใช้เทศกาลกินหอยเชอร์รี่โดยคนนี่แหละเป็นตัวปราบหอย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท