หมดสิทธิ์เป็นผู้บริหาร


จากวันนั้นก็ไม่เคยชายตามองตำแหน่งแห่งหนอันใหญ่โตนี้อีกต่อไป ขอทำหน้าที่ครู สอนหนังสือเด็กๆให้ดีที่สุด ก็น่าจะเพียงพอกับการดำเนินชีวิตร่วมกับครอบครัวแล้ว ขณะเดียวกันนับวันตัวเองยิ่งเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการ

เคยคิดและมีบทสรุปสำหรับตัวเองมานานมากแล้ว นับตั้งแต่เป็นครูได้ไม่กี่ปีเท่านั้น เริ่มจากเป็นครูใหม่ๆ วันแรกก็ได้รับแรงกระตุ้นทันทีจากผู้บริหารหนุ่ม ซึ่งเพิ่งจบปริญญาโทมาหมาดๆ ต่อมาเล็งเห็นความสะดวกสบายและอำนาจวาสนาต่างๆของผู้บริหาร ก็ไม่ได้ถึงกับอยากจะเป็นดอกนะครับ แต่ถ้าใครถาม ขณะนั้นคงตอบว่า ถ้ามีโอกาส ก็น่าลอง

อยู่มาเห็นกิจกรรมของผู้บริหารต้องพบปะผู้คน ติดต่อประสานงาน กลับบ้านมืดค่ำ ไม่เป็นเวลา บางคนถึงกับมีปัญหาครอบครัว นอกจากเรื่องเวลาแล้ว อาจเป็นเรื่องเงินทอง หรือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่าย หรืออาจไม่จำเป็นแต่ก็ต้องจ่าย สร้างความเดือดร้อน ส่งผลกระทบถึงทุกคนที่บ้าน

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้น เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมา มีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ฉบับหนึ่งจากสมาชิกส่งผ่านGotoKnow จากการได้อ่านบันทึกหนึ่งของผม คนไทย การศึกษา กับประชาคมอาเซียน พร้อมวิพากษ์ด้วยน้ำเสียงชื่นชม แต่มีประโยคหนึ่ง ซึ่งตัวเองก็รู้สึกอย่างนั้นครับ ความคิดอย่างนี้ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปบริหารการศึกษา

มีเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตครู ทำให้ผมตระหนัก อย่างนี้นี่เอง ผู้บริหารมักจะรู้สึกภาคภูมิใจขนาดหนักกับตำแหน่งที่ได้มาอย่างยากลำบาก บางท่านจึงรู้สึกเหนือคน ผมเดาว่าวันนั้นผู้บริหารท่านหนึ่งพูดด้วยอารมณ์โกรธ เพราะก่อนนั้นผมวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณของโรงเรียน สถานที่ที่ได้พูดคุยกัน มิใช่ที่สาธารณะแน่นอน ตัวเองมีวุฒิภาวะพอสมควรแล้วครับวันนั้น

ผมบอกแทนที่เงินที่มีอยู่จะนำไปใช้จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่กลับไปอยู่ที่อื่น หรือเรื่องอื่นๆเสียหมด เครื่องตอกบัตรอะไรต่างๆ ที่ราคาเป็นหมื่นสองหมื่น นำไปซื้อสื่ออุปกรณ์ให้เด็กๆเรียนจะดีกว่ามั้ยเท่านั้นแหละครับ ท่านสวนเลย คุณมีหน้าที่สอนก็สอนไป ผมเป็นผู้บริหารถูกของท่านทุกประการ แต่วันนั้นอดไม่ได้จริงๆ อาจเป็นด้วยอารมณ์ผมที่เริ่มพลุ่งพล่านแล้วเหมือนกัน เวลาร่วม 30 ปีแล้วครับกับชีวิตครู ที่เห็นเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนี้ และรู้สึกคับข้องใจมาตลอด

เพื่อนรักคนหนึ่งเคยเปิดประเด็น ผู้บริหารสร้างความเสียหายได้ขนาดนั้นเลยหรือ แล้วครูล่ะอึ้งเหมือนกันครับ เพราะความเป็นครู ครูที่สร้างความเสียหายให้กับการศึกษามีไม่น้อยไปกว่ากัน ตัวเองก็ใช่วิเศษวิโสอะไร แต่ถ้าเทียบคนต่อคนแล้ว ความรับผิดชอบทั้งองค์กรของผู้บริหารนั่นเอง ที่จะส่งผลสะเทือนมากกว่า เพราะถ้านำไม่ดีจะล้มเหลวไปด้วยกันทั้งหมด วันนั้นผมตอบเพื่อนไปอย่างนั้น

หน้าที่สำคัญอีกอย่างของผู้บริหาร คือการพบปะผู้คน เพื่อประสานงานทั้งนอกและในโรงเรียน งานอย่างนี้เป็นของแสลงครับ ไม่ถนัดเอาเลย มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ปัจจุบันพอเริ่มกระจ่างว่าตัวเองเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร ก็มักสนองอย่างนั้นให้กับตัวเอง(ฮา) ความคิดต่อเรื่องนี้ ผมฝังใจมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือพูดในทำนอง คนที่ประสานงานเก่ง ใช่ว่าจะดีหรือเป็นประโยชน์ไปเสียทุกกรณีเมื่อสังเกตเหตุการณ์จากที่ตัวเองประสบแล้ว ล้วนเป็นจริง

คนเรามีความหลากหลาย ต่างจิตต่างใจ จะให้ถูกใจหรือตรงใจทุกคน บางทีคำพูดคนประสานงานต้องยืดหยุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับคนนั้นคนนี้ ซึ่งมีความแตกต่าง เรื่องนี้เป็นจุดแตกหักความคิดตัวเองเลย หัวเด็ดตีนขาด ผมเป็นผู้บริหารไม่ได้(ฮา)

จากวันนั้นก็ไม่เคยชายตามองตำแหน่งแห่งหนอันใหญ่โตนี้อีกต่อไป ขอทำหน้าที่ครู สอนหนังสือเด็กๆให้ดีที่สุด ก็น่าจะเพียงพอกับการดำเนินชีวิตร่วมกับครอบครัวแล้ว ขณะเดียวกันนับวันตัวเองยิ่งเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการ

โรงเรียนจะไปได้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหัวเรือใหญ่จะไปในทิศทางใด การอำนวยการ กำกับ ติดตามผู้เล่น หรือคณะครูต้องอาศัยความรู้ความสามารถอย่างเอกอุ เสมือนวาทยกร(conductor)ของวงออร์เคสตร้ากระนั้นเลย อยากให้เสียงดนตรีชิ้นใดดังขึ้น หรือแผ่วลงในจังหวะใด ต้องส่งสายตา สะบัดไม้ โยกโยนตัว ให้ผู้เล่นเห็นอย่างชัดแจ้ง ทั้งนี้เพื่อผสมกลมกลืนเสียงทุกเสียง ซึ่งแตกต่าง ให้ไพเราะเพราะพริ้ง

ตลอดชีวิตครูผมที่ผ่านมา เคยเห็นสภาพโรงเรียนที่วาทยกรไม่สามารถทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อาจเพราะความรู้ความสามารถ หรือความพยายามในการทำหน้าที่ก็มิอาจล่วงรู้ แต่เป็นผลให้ออร์เคสตร้าวงนี้ดูปั่นป่วนไปหมด จังหวะ เสียงเน้นหนักของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เป็นไปตามมีตามเกิด ตามแต่ผู้เล่นแต่ละคนจะมีความสามารถ หรือจินตนาการเอาเอง บทเพลงที่ทุกคนได้ยินจึงขาดๆเกินๆ แหว่งวิ่น ไม่เนียนนุ่ม ฟังแล้วไม่รื่นหูอย่างที่ศักยภาพของวงหรือนักดนตรีมีอยู่ ครั้งนั้นตัวเองเรียนรู้ชัดว่า บทบาทของการอำนวยการ หรือตำแหน่งในการบริหารจัดการนั้น เป็นหัวใจขององค์กรโดยแท้

หลายคนอาจจะหมั่นไส้ หากจะบอก คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรือเกินความสามารถ ถ้าตัวเองมุ่งหวังจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารบ้าง ครั้งแรกไม่ได้ ก็ครั้งต่อไป สักระยะหนึ่ง ไม่น่าจะเหนือความพยายามครับ ทว่าด้วยภาระความรับผิดชอบ หากไม่ดีพอคงพังกันไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะความยืดหยุ่นในคำพูดที่ตัวเองมี ไม่น่าพอที่จะเป็นนักประสานที่ดีได้

เรื่องสองเรื่องพวกนี้แหละครับ ที่รู้ตัวว่าหมดสิทธิเป็นผู้บริหาร ขอเป็นครูธรรมดาๆ รับผิดชอบแค่ในชั้นเรียนตัวเอง คงเหมาะกว่า

หมายเลขบันทึก: 489047เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 22:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน 2014 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)

คิดว่าเป็นทางเลือกที่สร้างความสุขให้อาจารย์ค่ะ

ขอเอาใจช่วยให้ "ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น" จากคนทีหมดสิทธิ์เป็นผู้บริหาร เหมือนกันค่ะ :)

สวัสดีคืนวันพฤหัสค่ะ

เป็นความโชคดีของเด็กๆที่ครูธนิตย์ยังอยู่กับพวกเขาอย่างมีความสุขเช่นนี้ค่ะ

เรียนอาจารย์ ธนิตย์ ครูผู้สอน ผู้ให้ปัญญา ผู้สร้างศรัทธา ในการให้ก่อเกิด แม้ไม่ใช่ผู้บริหาร

แต่ก็ชื่นชมหลักที่เป็นผู้สอน อย่างแท้จริง

ผู้บริหารบางคนก็กินสมุด กินหนังสือ...สารพัด กินเล็กกินน้อย ไม่นานก็จะเป็นโลกกระเพาะก่อนเกษียณ...555

เข้าถึงสัจธรรมค่ะ ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้นพอค่ะ พอใจเป็นที่สุดแล้วค่ะ :)

ผมได้ไปพูดคุยกับครูผู้สอน ก็เพื่อนผมเองแหละครับ  ได้ข้อคิดมาว่า คนที่สอนเก่ง  เขาไม่ค่อยไปเป็นผู้บริหารกันครับ เขามีความสุขกับการสอน   ส่วนคนที่ไปเป็นผู้บริหาร.....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ  ๕๕๕)

  • ปิติใจกับทัศนคติของคุณครูค่ะ  จะมีครูสักกี่คนที่คิดแบบคุณครูธนิตย์  ๑ ใน ๑๐๐  นะคะ  ^^

 

  • ภูมิใจแทนลูกศิษย์ของคุณครูค่ะ  แต่เชื่อว่าแม้คุณครูจะไม่อยากเป็นผู้บริหาร  แต่คุณครูก็เป็นไปแล้วโดยไม่รู้ตัว  การจัดกระบวนการเรียนการสอนของคุณครูไงคะที่ใช้กระบวนการจัดการ  บริหารชั้นเรียน  สร้างคน  ยกระดับจิตใจของพวกเขาให้เป็นคนที่มีความรู้คู่คุณธรรม   [ ในอนาคตหนึ่งในพวกเขาอาจจะเป็นผู้บริหารที่ดีได้ จากสองมือของคุณครูธนิตย์ แม้จะเป็นเพียงครูที่พร่ำสั่งสอนลูกศิษย์ให้วิชาความรู้และวิชาชีวิตผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าก็ตาม งานหนักกว่า ผอ.อีกนะคะ ฮ่า ฮ่า ]  ถึงวันนั้นความภูมิใจนี้คงมากกว่าการเป็นผู้อำนวยการเป็นร้อยเท่าพันเท่านะคะ  

 

  • (@^_______^@)   

 

ผมไม่มีแฟ้มที่ต้องเซ็นยาวนานเกือบ 10 เดือนเลยทีเดียว สัมผัสได้เลยว่า บนบ่าดูไม่หนักอึ้งเหมือนที่ผ่านมา จะไปไหนมาไหนดูโล่งใจเป็นพิเศษ เพราะไม่ต้องวิตกกับภาระงานภาระคนที่เคยดูแล...

หลายคนบอกว่า อยากทำอะไรซักอย่างมันต้องมีสถานะ มีเก้าอี้..
ครับ-ผมเห็นจริงตามนั้น แต่หลายอย่าง ผมพิสูจน์แล้วว่ามันไม่จำเป็น หลายอย่างที่ผมทำนั้น ก็ล้วนเกิดก่อนสถานะการเป็นหัวหน้าเลยก็มี...

ชื่นชมในเรื่องราวและภาพถ่ายที่เป็นชีวิตเช่นวันที่ผ่านมา-นะครับ

  • สงสัยพวกจะเยอะแล้วครับ พวกหมดสิทธื์.. 
  • ขอบคุณคุณปริมครับ
  • เป็นความโชคดีของตัวเองที่มีโอกาสเป็นครูด้วยครับ..
  • ขอบคุณพี่ใหญ่ นงนาทมากครับ
  • พยายามทำหน้าที่ตัวเองครับ เพราะรับเงินหลวงมาแล้วทุกเดือนๆ หลายปีมาแล้วด้วย ฮาๆๆ 
  • ขอบคุณท่านวอญ่าครับ
  • บ้านเราคอร์รัปชั่นมากเกินไปแล้วนะครับท่านอาจารย์ 
  • ขอบคุณแว่นธรรมทองครับ
  • พิจารณาบทบาทการทำหน้าที่แล้วไม่เหมาะกับเราแน่ครับ 
  • เมื่อแต่ละคนมีความต่าง ฉะนั้นแต่ละคนก็คงจะเหมาะกันคนละอย่างนะครับ..
  • ขอบคุณท่านอ.ดร.จันทวรรณครับ
  • ประสบการณ์ตัวเองที่เห็นเพื่อนครูมา เหมือนท่านรองฯครับ "ที่ชอบสอน มักไม่สนใจงานบริหาร" 
  • ขอบคุณท่านรองฯวิชชาครับ
  • การทำประโยชน์ คงเอาตำแหน่งมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้นะครับอาจารย์..
  • ขอบคุณอาจารย์Wahooครับ
  • เป็นภาพชีวิตครูของตัวเองที่ผ่านมา ซึ่งค่อนข้างภูมิใจว่า ตัวเองมาถูกทางแล้ว..
  • ขอบคุณอาจารย์แผ่นดินครับ

สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์

  • คนเราต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเองค่ะ คนรอบข้างคุณยายก็เป็นผู้บริหารไม่ได้เหมือนกัน แค่เรื่อง " ครูชำนาญการพิเศษ" ที่เห็นครูลอกผลงานกัน(ต้องขออภัยคุณครูที่มีอุดมการณ์หลายๆท่านด้วยนะคะ) ท่านก็ฉุนกึกแล้ว
  • อยู่อย่างนี้ล่ะดีแล้วเด้อ มีความสุขแบบที่เราเป็นจ้า
  • ผมว่าพี่ครูธนิตย์เหมาะสำหรับการสอน
  • ผมเคยเจอผู้บริหารแบบที่พี่ครูบอก
  • ผมเลยขวาง
  •  ปรากฏว่าโดนตั้งกรรมการสอบ(ฮา)
  • แต่เป็นเรื่องการเอางานวิจัยมาพัฒนาครู
  • เลยมาอยู่มหาวิทยาลัยดีกว่า(รอดตัวไป 555)
  • คนเป็นครู คุณธรรมจริยธรรมต้องมากกว่า เพราะเป็นตัวอย่างของเด็กๆนะครับ.. 
  • พยายามสร้างให้ลูกศิษย์มีความเป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอดครับ โดยมักใช้คำสอน"คนเราต้องมีศักดิ์ศรี"กับเด็กๆครับ
  • ขอบคุณคุณยาย(มนัสดา)ครับ
  • เคยถูกสอบตอนเป็นครูใหม่ๆ(ปีแรกที่บรรจุ)เหมือนกันครับอ.ขจิต แต่เป็นเรื่องความดื้อของตัวเอง ซึ่งมองย้อนไปแล้ว ตัวเองก็เกินไปจริงๆครับ ฮาๆๆ 
  • ขอบคุณอ.ขจิตมากครับที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ฮาๆๆๆๆๆ
  • เคยคิดจะเป็นผู้บริหารอยู่พักนึงค่ะ ด้วยความกดดันจากทางบ้านที่มักถามเสมอว่า
  • "ลูกได้เป็น ผอ. แล้วยัง
  • มีใบประกอบวิชาชีพ ผู้บริหาร แล้วด้วย
  • สมัครสอบ  ก่อนสอบไม่กี่วัน ลูกชายคนโตซึ่งตอนนั้นอยู่ประมาณ ป.4 ถามว่า
  • "แม่ครับ  ถ้าแม่เป็นผู้บริหาร แม่จะทิ้งลูก ๆ ไปเหมือนพ่อ หรือเปล่า"
  • "อือ  ไม่แล้วลูก  แม่ไม่อยากเป็นผู้บริหารแล้วหละ
  • นับว่าโชคดีมีลูกช่วย  ไม่งั้นซวยเพราะเป็นผู้บริหารแน่ ๆ  555555555+

จริงๆแล้ว เราเป็นผู้บริหารคนหนึ่งเหมือนกันนะ แม้ไม่มีใครยอมรับ แต่ถ้าเราบริหารจัดการชั้นเรียน และบริหารทรัพยากรที่เรามีให้มีจิตวิญญาณ....การกล่อมเกลาศิษย์ให้เป็นคนที่สมบูรณ์ เราก็คือผู้บริหารที่ไม่มีหัวโขน หรือมีชีวิตที่ถูกปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา แสนสบายใจ
ทั้งตำแหน่งผู้บริหาร วิทยฐานะ ดีกรีทางการศึกษา หากมีพลังและมีความหมายในการพัฒนาการศึกษา ทรัพยากรบุคคลอันเป็นผลผลิต คงจะก้าวสู่อาเซียนกันได้อย่างสง่างามยิ่งกว่าชาติใดๆ ไม่ต้องรออีก 3 ปี มองแค่ตอนนี้ ...ก็มีคำตอบแล้ว ***เป็นครูธรรมดา มีชีวิตธรรมดาๆ คือสมดุลแห่งชีวิต พี่คิดอย่างนี้มาตลอด ....แต่สภาพการบริหารการศึกษาตอนนี้ ทำให้พี่รู้สึกกดดันที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย...ไม่ใช่แค่ไม่อยากเป็นผู้บริหาร แต่พี่ชักจะไม่อยากเป็นครูด้วยซ้ำไป

  • ผู้บริหารต้องเก่งบริหารจัดการนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้น แถมดันทุรัง บ้านมืองแย่แน่..
  • ขอบคุณครูอิงจันทร์ครับ
  • "ไม่ใช่แค่ไม่อยากเป็นผู้บริหาร แต่พี่ชักจะไม่อยากเป็นครูด้วยซ้ำไป.." เท่าที่ฟังและเห็นครูรุ่นพี่ๆหลายคน ต่อให้เคยเข้มแข็งหรือมั่นคงขนาดไหนกับอาชีพครู แต่คืนวันที่ผ่าน มักกัดกร่อนจิตใจจนอ่อนล้ากันแทบทั้งนั้น ซึ่งสอดคล้องเสียด้วยกับพัฒนาการของเด็กๆที่สังคมเรามักพร่ำบ่น เหตุคงมีมากมาย แต่หนึ่งนั้นและสำคัญมาก น่าจะเป็นเรื่องบริหารจัดการ..
  • เป็นกำลังใจให้พี่กิติยาครับ อยู่ช่วยสร้างคนดีให้กับสังคมต่อไปก่อนครับ

มีตำแหน่งบริหาร ความส่วนตัวที่เคยปฏิบัติอาจต้องงดเว้นได้นะคะ เช่น ไม่ว่างจะพาครอบครัวไปพักผ่อน ติดงานต้อนรับผู้ใหญ่ ที่สนามกอล์ฟ สนามบิน ร้านอาหาร เท่าที่ฟังมาค่ะ ดีใจคนที่บ้านสอบไม่ติด อิอิ

ชื่นชมกับความมุ่งมั่นของคุณครู ทุกบทบาทหน้าที่ล้วนมีความสำคัญ อยากเห็นครูที่คิดมุ่งที่เด็กอย่างท่าน มีคำพูดในวงการแพทย์ว่า "เราสูญเสียนายแพทย์ที่ดี ไปเป็นผู้บริหารที่แย่" การเป็นผู้บริหารก็ไม่ต่างกับช่างน้อยมาลัย ทำอย่างไรจะเอาดอกไม้หลากสีมาเรียงร้อยให้สวยงาม กลมกลืนได้ คนเป็นผู้บริหารมักเข้าทำนองเพื่อนเก่าหาย เพื่อนใหม่มา คงไม่ออกความเห็นว่าดีไม่ดี เป็นผู้บริหารมา ตั้งแต่ ปี ๒๕๓๑ ก็แบกรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน ทุกประเภท บางคนฉลาดแต่ไม่ขยัน บางคนไม่ฉลาดแต่ขัยน บางคนไม่ฉลาดและไม่ขยัน บางคนพูดมากกว่าทำ ฉะนันการทำงานท่ามกลางความแตกต่างจึงเต็มไปด้วยข้อจำกัด ชื่นชมท่านครับ การทำหน้าที่ครู จุงเป็นหน้าที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด เมื่อใดที่ครูดี ครูเก่ง เด็กเก่ง ผู้บริหารก็แทบไม่มีบทบาท

  • "ติดงานต้อนรับผู้ใหญ่ ที่สนามกอล์ฟ สนามบิน ร้านอาหาร" หลายคนก็ชอบกิจกรรมเหล่านี้ของผู้บริหารนะครับอาจารย์ สำหรับเราแล้ว ต้องคนละเส้นทาง ฮาๆๆ 
  • ขอบคุณอาจารย์Rindaครับ
  • เท่าที่ได้ติดตาม ผู้บริหารที่บันทึกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ไว้ ณ gotoknow แห่งนี้ ล้วนวิสัยทัศน์กว้างไกล มุมมองแต่ละเรื่องเฉียบคม ท่านผอ.พรชัยเป็นหนึ่งที่ตัวเองชื่นชมมาตลอดครับ 
  • ขอบคุณท่านผอ.พรชัยครับ

สวัสดีครับพี่ธนิต เสียดายครับ ครูที่สอนดี ควรอยู่สอนเด็กดีแล้วครับ ผมมีเพื่อนหลายคนที่สอนดี ที่กำลังเปลี่ยนสายไปด้านบริหาร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท