ที่ว่างของความเสียใจ


วันอังคารที่ผ่านมา...ตอนเช้า

ผมพาลูกชาย..ทิมดาบ...ไปฟังผลสอบ  เขียนบันทึกให้คุณครู และการนัดหมายก่อนปิดเทอม และแจ้งเลื่อนชั้นประถม 3

ยังไม่ถึงหน้าห้องเรียน

เพื่อน ๆ และผู้ปกครองเพื่อน ๆ ก็แจ้งผลสอบให้แล้ว

ว่า ทิมดาบ สอบได้ลำดับที่ 34 จากเพื่อน 42 คน 

 

ผมและลูกชาย...มาดูประกาศที่หน้าห้องเรียนอีกครั้ง...และก็จริง ๆ ครับ

ผมรู้สึกเสียใจบ้างเล็กน้อย เพราะตอนประถม 2 ทิมดาบ ได้ที่ 25

หล่นไปมากพอสมควร

ความเสียใจมีเพียงแค่ลมหายใจ-เข้าออกหนึ่งครั้ง…

และเข้าสู่ภาวะปกติ

มีเพียงทิมดาบกระซิบผมเบา ๆ ว่า

พ่อและแม่...จะเสียไหมครับ....เท่านี้ความรู้สึกของผมก็เข้าใจความรู้สึกของลูก

ในที่ว่างของความเสียใจยังมีความดีใจอยู่ในนั้นด้วย

เพราะลูกได้เข้าใจชีวิต และเติบโตเพื่อจะเรียนรู้ชีวิต 

 

ผ่านมาหลายวัน...

คนที่รู้จักผม...เพื่อนหมออนามัยด้วยกัน ก็รู้ข่าว และไถ่ถามว่า ทิมดาบสอบได้ที่เยอะจัง

เพราะทุกคนคาดว่า ทิมดาบจะเรียนหนังสือเก่ง

และลูกหมออนามัยทุกคนที่นี้ เรียนหนังสือกันเก่งมาก สอบได้เลขตัวเดียว และมีบางคนลูกกำลังเรียนแพทย์

ผมได้แต่หัวเราะ และบอกกับทุกคนว่า ผมและภรรยาก็เรียนไม่ค่อยเก่งครับ

ความเสียใจในวันนี้แทบจะไม่มีแล้ว

เหลือแต่ความรู้สึกว่า...พวกเราทุ่มเทใส่ใจในการศึกษาของลูกต่อไปอย่างไร ? 

 

ผมได้แต่ปลอบลูกว่า ให้พยายามตั้งใจเรียนขึ้น

วิชาที่ทำได้ดีแล้วให้ดียิ่งขึ้น.....วิชาที่ทำได้ไม่ดีให้พยายามนะลูก

ไม่ได้ต้องพยายามสอบได้เลขตัวเดียว

ให้ชีวิตได้เรียนรู้และมีความสุขในการเรียนรู้ 

 

วันนี้ ผมมาอ่านบันทึกนี้ของท่านอาจารย์กะปุ๋มที่เคารพนับถือ

ทำให้ผมเข้าใจกับตนเอง และการเลี้ยงลูกมากขึ้น

ผมไม่ปฏิเสธที่อยากได้ลูกมีความเก่งกาจหลาย ๆ ด้าน

แต่ผมจะตายทั้งเป็นขณะมีชีวิตอยู่...ถ้าลูกไม่เป็นคนดี

และจะเสียใจมาก ถ้าลูกทำผิดพลาดเหมือนกับบางสิ่งที่ผมได้ทำผิดพลาดไปในอดีต

และถ้าลูกเติบโตข้างหน้าต่อไป…

อยากให้ลูกภูมิใจที่มีพ่อเป็นหมออนามัย ถึงไม่มีเกียรติยศ และเงินทองมากมาย

แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำลงไปในชีวิต แล้วเกิดความดีความงามให้กับผู้อื่นอยู่บ้าง

 

 

บันทึกของอาจารย์กะปุ๋มวันนี้...

Ico48
ชีวิตที่ถูกฝึกให้คิด
ใน วิถีแห่งธรรม(ชาติ)
โดย Ka-Poom
จำได้ว่า...ตอนเด็กๆ แม่กับพ่อมักไม่

“......โชคดีที่มีแม่กับพ่อเป็น "ครู"

จำได้ว่า...ตอนเด็กๆ แม่กับพ่อมักไม่ค่อยตัดสินใจอะไรให้ ท่านมักพูดให้เราคิดเอง... โห จำได้ตอนนั้นทุกข์ทรมาณในจิตใจมาก เพราะการคิดเองนี่ "ยากมากมาก...สำหรับเด็กตัวน้อยๆ"...และที่สำคัญคือ หมายถึงเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราคิดและตัดสินใจเอง

สมองน้อยๆ ต้องทำงานติ้วๆ......”

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 483741เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2012 16:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 13:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

เมื่อสักครู่...

หลังเลิกงาน ได้เครื่องปรุงสำหรับทำใส่แซนวิชไปวัดพรุ่งนี้ ว่าที่สามเณรน้อยคงจะดีใจที่จะได้ทานแซนวิชใส่ไก่...

เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็ลงมือนึ่ง "มันฝรั่ง" จึงถามแม่ไปว่า

"มันฝรั่งใช้เวลานึ่งนานเท่าไรแม่..." คุณแม่ไม่ตอบค่ะ

"ก็ใช้เวลาเหมือนนึ่งมันทั่วไปนั่นแหละ" ...แหม คำตอบอย่างนี้แหละค่ะ ไม่ใคร่จะได้ให้ความกระจ่าง ดังนั้นนิภาพร จึงต้องลงมือทดสอบเองค่ะ 

นึ่งไปได้สักพัก ก็เลยใช้ส้อมจิ้มมันฝรั่งดู...เอ๊ะ ก็ไม่แน่ใจสุกหรือไม่สุก

จึงตัดสินใจ ตักขึ้นมาทั้งชิ้นแล้วมาผ่าครึ่ง ... ก็ยังดูไม่เป็นดูไม่ออกอีก แต่เห็นเป็นวงๆ อยู่ตรงกลาง ก็ไม่แน่ใจค่ะ ว่าชิ้นอื่นเป็นเหมือนกันไหม

ก็เลยหยิบชิ้นอื่นๆ มาผ่าซีกดู...ดูแล้วก็ไม่มั่นใจ

ปรากฏว่า หยิบขึ้นมาหมดเลยค่ะ ผ่าดูทุกหัวเลยค่ะ ... มีลักษณะคล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้ถามคุณแม่นะคะ เพราะรู้ว่าไม่ได้คำตอบแน่นอน ก็เลยตัดสินใจนึ่งต่อไปค่ะ 

สักพัก...

ก็กลับไปดู ปรากฏว่า วงที่อยู่ตรงกลางของมันทุกหัว หายไป

เราจึงได้เข้าใจว่า อ้อ มันที่สุกแล้วมันเป็นเช่นนี้เอง...ฮา

...

อายุมากขนาดนี้แล้ว...คุณแม่ก็ยังให้คิดเองค่ะ 555

ลืมบอกไปว่า คุณแม่ทำกับข้าวเก่ง แต่คุณลูกไม่ได้ครึ่งคุณแม่เลยค่ะ...

Large_zen_pics_007

น้องทิมดาบ...ผมผ่านช่วงการเรียนของลูกมาแล้วหลายสิบปี....

ลูกสี่คนไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

เพราะผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้เรียนในระบบ

ลูกสามคนเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี

ลูกสาวคนที่เรียนพยาบาล จบด้วยเกียรตินิยม อันดับสอง

พวกเรายกเว้นแม่ ไม่รู้สึกตื่อนเต้นอะไร

หนำซ้ำยังถูกต่อว่าจากพี่น้องทุกคนว่า....ทำให้เสื่อมเสียถึงพี่น้อง

เพราะทุกคนไม่มีใครได้เกียรตินิยม

ลูกชายคนสุดท้อง เรียนช่างอิเลคโทนิค เรียนค่อนไปทางไม่ดี

ทุกเทอมเมียของครูข้างบ้านจะนำเกรดของตัวเองมาชื่นชมให้ภรรยาผมฟัง

ผมถูกกดดันมากกว่าลูกชาย

ปีที่สามของการเรียน ปวช...

คนข้างบ้านก็เอาเกรดลูกของเขามาให้ภรราผมดูอีก พร้อมกับบ่นว่า เกรดตกได้สองจุดเก้า

ผมได้ที ช่วยลูกชายใช้กุศโลบาย และช่วยแก้หน้าให้ภรรยา

ผมก็คุยบอกเขาไปว่า...

ปีนี้ลูกชายทำเกรดได้ดีมากๆๆ ปีนี้ลูกชายสอบได้เกรด สามจุดห้า....

ตั้งแต่นั้นมาเขาไม่เคยเอาเกรดลูกของเขามาให้ภรรยาผมดูอีกเลย

กุศโลบาย เอาคะแคนสองเทอมมาโม้ใส่

เทอมแรก หนึ่งจุดแปด

เทอมสอง หนึ่งจุดเจ็ด

ผมรวมรวมบอกเขาไปเป็นปี ได้ สามจุดห้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ได้มันรู้เสียบ้าง ไผเป็นเป็นไผ

จากนั้นมาผมก็ไม่ถูกกดดัน

ลูกชายก็มีความสุข

สุดท้ายลูกชายผมก็จบ วิศวอิเลคทรอนิคโทรคมนาคม...

เรื่องนี้ผมมักเล่าเป็นประจำในวงการสนทนา

* คุณพ่อคิดถูกแล้วค่ะ ที่ไม่กดดันซ้ำเติมลูกอีก..ภาพหลานทิมดาบบุคคลิกดีมากค่ะ

* ปัจจัยมากมายรอบตัวเด็กที่ทำให้ผลการเรียนไม่เท่ากัน ไม่ได้วัดความเก่งอย่างแท้จริง

* กำลังใจจากผู้ปกครอง มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของเด็กมาก

* หากจับเข่าคุยกันแล้ว เด็กจะเล่าถึงช่องว่างที่จะร่วมกันเติมเต็มได้ดี..ได้ความอบอุ่นด้วย

* ป้าใหญ่กับหลานรักปฎิบัติต่อกันเช่นนี้ตั้งแต่ต้นเด็กจนโตเป็นหนุ่ม..เราต่างซึมซับประสบการณ์ดีๆของคนสองวัยอย่างราบรื่นค่ะ

พี่อิฐได้ที่ 35 ของห้อง ที่มี 35 คน
ได้ที่ 185 จากนักเรียน ม.3 360 คน

 

แม่ไม่ได้เสียใจเลย  เพราะลูกยังเป็นเด็กดีเสมอ

ผมคิดว่าผลการเรียนไม่ได้เป็นตัววัดอนาคตของคนครับ โดยเฉพาะสำหรับรูปแบบการศึกษาในปัจจุบันครับ เราได้เห็นลูกเติบโตเป็นคนดีมีความสุขนั่นย่อมดีกว่าแน่นอนครับ

รู้สึกดีใจที่น้องทิมดาบมีคุณพ่อที่ให้กำลังใจเสมอ..เติมกำลังใจให้อีกคนค่ะ ^^

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ;)

ดีใจแทนเด็กๆค่ะ

เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราคิดและตัดสินใจเอง

การเลี้ยงลูก

สมัยลูกยังเล็ก เราสอนจากการกระทำร่วมกันระหว่างครอบครัว

ส่วนการเรียน เราจะมีการช่วยตรวจการบ้าน ใกล้สอบก็ลองเปิดหนังสือลูกแล้วลองสุ่มถามดูถ้าตอบได้ ลูกจะได้คะแนนดี ลำดับที่ เราไม่ค่อยนำมาพิจารณา ส่วนใหญ่จะดูว่า ลูกเข้าใจไหม

ตอนลูกโต เนื้อหายากๆ พี่จะไม่สามารถสอนลูกได้ ก็ให้เรียนพิเศษบ้าง บางครั้งที่ลูกได้คะแนนไม่ดี ลูกเสียใจ เราได้แต่ให้กำลังใจลูกว่า ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเสียใจ

เราเรียนเพื่อรู้ และนำมาใช้ในชีวิตได้ ไม่ใช่เรียนเพื่อจะแข่งกับใคร

นี่หลักการเลี้ยงลูกของพี่แก้วค่ะ

พี่ไม่เคยคาดหวังให้ลูกแข่งขันกับใคร

พี่ปล่อยลูกใช้ชีวิตสนุกและมีชีวิตชีวาซะด้วยซ้ำ เพียงคอยเตือนให้อ่านหนังสือบ้าง และรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ก็ต้องดูอยู่ห่างๆเหมือนกันเพราะวัยรุ่นจะเผลอสนุกจนลืมรับผิดชอบ และเพื่อนวัยรุ่นจะชวนเที่ยว ต้องเลือกว่าอะไรยอมได้ อะไรยอมไม่ได้ 

แต่พี่มีข้อเสียคือพี่ทำงานบ้านเอง เพราะพี่ขี้เกียจบ่น... ทำให้บรรยากาศในบ้านดี แต่ลูกช่วยงานบ้านน้อย ฮาๆๆๆ 

...ลูกพี่ไม่ได้เป็นคนโดดเด่นมากในเรื่องเรียน ซึ่งพี่ก็ดีใจเพราะพี่เห็นคนเก่งมากๆหลายคนพูด(ภาษาคน)กับคนอื่นๆไม่เป็น แถมบางคนมีชีวิตคู่ล้มเหลวเพราะความเก่งของตน

สำหรับน้องทิมดาบ... มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ก้าวเล็กของลูกค่ะ... น้องเป็นคุณพ่อที่ดีที่ใส่ใจการดูแลลูกด้วยหัวใจ

เพียงเข้าใจ ยืนเคียงข้าง ให้อภัยและให้กำลังใจเขาเสมอแค่นี้ลูกก็มีพลังแล้วค่ะ

Cheer!

ดีใจกับทิมดาบที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจนะคะ

Ico128
 
 

- พี่ เปิ้น... ดีใจมาก กับ...คำที่น้องได้กล่าวเช่นนี้.... "ผมจะตายทั้งเป็น...ขณะมีชีวิตอยู่ ... ถ้าลูกไม่เป็นคนดี" ..... พี่เปิ้นคิดว่า...ถ้า.... คนที่เรียนเก่ง..นำมาบวก(+) ความใหญ่ + ความโต+ความมีอำนาจ + มีบารมี...แล้วละก้อ...????... และ... คนเก่ง...อาจจะไม่ใช่คนดีเสมอไป ...และ.....ในความเป็นคนเก่ง ... ถ้าไม่ใช่คนดี .... ยิ่งจะทำให้. ... สังคมมีปัญหาที่รุนแรง+เลวร้ายมากขึ้น.... โดยเฉพาะ ... สังคมคนที่ "เคยเป็นคนดี"....อาจ จะถูกกลืน...แล้วกลายพันธ์...เป็นคน..ไม่ดี....น่ากลัวมากกว่า+น่ากลัวสุดๆๆ...ค่ะ

- ดังนั้น...จะผิดมาก...ที่พ่อแม่... "สอนให้แต่ลูก...เป็นคนเก่งก่อนที่จะสอนให้เป็นคนดี"   ....  ถ้าสอนลูกเป็นเก่งก่อน ... แล้วเขา....เอาความเ่ก่ง..นั้น...ไปทำร้าย..คนในสังคม ..... เขาเอา "ความเลว+ความชั่ว" .... นั้นไปทำร้าย... "ระบบเศรษฐกิจ + ระบบการเมือง+ ระบบสังคม" ... อย่างที่เคยเป็นข่าว....แล้วหอบเอา..เงินคนไทย...ออกไป...ไปอยู่ต่างประเทศ...เช่น..เสี่ย....ส?..+ ลา..ก?.....น่ากลัวที่สุด...ของที่สุดเลย .... นะคะ (ในความคิดส่วนตัวของ พี่เปิ้น...ไม่ได้ว่าใครๆๆนะคะ..แต่กำลัง  เอาความจริงที่ปรากฎ  มาวิเคราะห์)

- สังคมไทย....กำลัง...ให้ความสำคัญ...เรื่อง...ความเก่งของลูก....มาทำให้ คนในสังคมเรา...เลี้ยงลูก...  "ผิดทาง" ... พ่อแม่... ยังขาดการยกย่องชมเชย...ถ้าลูกทำดี ... แทนที่จะถามว่าลูก.... "ทำอะไรดีบ้าง" ... วันนี้ท่านทำความดีหรือยัง? .... ทำกับใคร....ทำอะไร...ทำอย่างไร...ทำที่ไหน... แบบนี้ไม่คอยจะมี ... อยากให้..คุณพ่อ....เป็นแบบอย่าง (Role Model) ในการทำความดี และสอนเขาด้วย+อธิบายด้วยนะคะ....เด็กต้องอธิบาย...เขาจะเริ่มเรียนรู้...ซึมซับและรับไว้ในสมอง...ค่อยๆๆๆเพิ่มพูลๆๆ.....พี่เปิ้น...อยากให้มี โรงเรียน.... "สอนความดี" ... วัด KPI เรื่องความดี ....และที่เป็นรูปธรรม...วัดค่าได้ ... สังเกตุเห็นได้จังเลย...แทนการวัดเกรดหรือคะแนนที่ได้อะไรออกมา? ... คนจะมักว่า...พี่เปิ้นคิด...ไม่เหมือน  "คนอื่น...เราบ้า...คิดไม่ค่อยเหมือนใคร"

- ความดี ... ต้องเริ่มต้นจาก....  พ่อ+แม่..สอนลูก ....ลูกเขา....เป็น "เสมืนผ้าขาว" ....ใส่ความดี +ความงาน...เข้าไป เรื่อยๆๆ อย่ารีบร้อนนัก... พี่เปิ้นคิดว่า...Outputของทินดาบ ... ต้องได้ผลผลิต(Output)ออกมาดีแน่นอนค่ะ.... แล้วดูต่อไปที่ผลลัพธ์ ... ไปดู...นานๆๆ...ให้เกิดที่Outcome (ผลลัพธ์สุดท้าย) .... แม้นว่า ... ความดีจะเป็นนามธรรม ... พี่เปิ้น.....เชื่อว่า....อดิเรก...ต้องสอนทินดาบได้ดีค่ะ....เริ่มจากการสอนให้เขา.....แต่ตอนนี้พี้เปิ้น..ก็เห็น.."ความดีที่ ปรากฎ..ของทินดาบแล้ว" ..... ที่เขาถามอดิเรกกว่า... "พ่อและแม่..จะเสียใจไหม?".... แค่นี้ก็มีตัวชี้วัด(KPI)...แล้วว่า.. ทินดาบเขา..Care (ใส่ใจ+สนใจ+ห่วงใย..ในพ่อ+แม่)  .... ทินดาบเขา...Share (แบ่งปันความทุกข์ใจ...ที่เขาได้ลำดับที่ ...ที่ไม่ดีเท่าที่ควร (ความคิดของเขา).... ทินดาบConcern (มีความกังวลใจ..เป็นผะวงในใจของเขา) ... พี่เปิ้น....ขอยกย่องทินดาบนะค่ะ.....อายุแค่นี้....ยังแสดงออก...ได้ถึง ..."พัฒนาการความดี" ....ที่งอกงามขึ้นในใจ...ในสมอง..ในปัญญา...ของ...ทินดาบ..แล้วหละ...อดิเรก...ต้องดีใจ(Must...ไม่ใช่ควร(Should)...และภูมิใจ(Proud)...ในตัวเขา ... เขาเป็นเด็กดี/คนดี....เป็นคนดีในดวงใจของท่านทั้งสอง....และพี่เปิ้นเชื่อว่า... "ทินดาบ"... จะเป็น ... คนดีของสังคม... อย่างแน่นอนค่ะ....วัดจาก..วันนี้ที่ท่านได้เล่า...พฤติกรรมที่ดี....ของ  "ทินดาบ"....และวัดจาก

  - การแบ่งปัน...ขนม..ให้เพื่อน

  - การพูดกับเพื่อน...ดีๆๆ....พูดไพเราะ

  - ไม่เกเร + นักเลง

  - ไม่ใช่ ... ความรุนแรงกับผู้ที่อ่อนแอ กว่า (ผู้หญิง)

  - ยิ้มให้เพื่อนก่อน...และทำอยู่เสมอๆ

  - ไม่อิจฉา...ของเพื่อน....ตามวัยวุฒิ...ของเขา

  - ฯลฯ....พี่เปิ้น...ไม่แน่ใจว่าจะถูกมากน้อยแค่ไหน...หรือไม่.....ลืมไปแล้ว...การเลี้ยงลูกตอนเด็กๆๆ.....ตอนนี้คนเล็ก..อายุ 25 ปีแล้ว


สรุปแล้ว....การสอนความดี.... "ตามบริบทและตามวัยวุฒิ...ของทินดาบ" ....นั้นคือ ความดี ณ.วันนี้ .... แล้วในวันข้างหน้าอีกยาวไกล....พอควร ... ถ้าทินดาบ ... เติบโตขึ้น .... (ถ้าป้าเปิ้น...ยังมีชีวิตอยู่ ...ได้นานพอ ... เชื่อว่าจะได้เห็นอนาคตที่ดีของทิมดาบ...และ...จะเป็นคนดีศรีสังคม...แน่นอนค่ะ) .....ที่ป้าเปิ้นเชื่อว่า... ทินดาบ.....จะทำได้และทำได้ดี...อย่างแน่นอนค่ะ"


- คงไม่ลืม...หนังเรื่อง...ตี่ใหญ่.....ที่พ่อเขาทุกข์...ทรมารมาก....ที่ตี๋ใหญ่...ไปปล้น  ฆ่า  ชาวบ้าน....นั้น...ทุกข์ของพ่อของตี๋ใหญ่....ไม่รู้...รุ่นของน้องอดิเรก...ได้ดูหนังเรื่องนี้หรือไม่นะค่ะ

 


 ....วันก่อน...พี่เปิ้น...ได้ไปอ่าน..."รักแม่...แค่เป็นคนดี" .... อ่านแล้วชื่นใจจัง... สังคม.....ควรส่งเสิม...ให้เป็น "คนดี" .... "แสดงออก"... ของการเป็น "คนดี"....ช่วยกันดูแล..คนที่เป็นคนดี.....ในมิติต่างๆๆๆ....ทำดี....อย่างยั่งยืนด้วยนะคะ....

สวัสดีค่ะน้องอดิเรก

อ่านจากหลายๆบันทึกเกี่ยวกับครอบครัวของน้อง พี่อุ้มชื่นชมนะคะ ชื่นชมในความเป็นพ่อแม่ที่ประสริฐ ชื่นชมในความน่ารักของทิมดาบด้วยค่ะ     

ในห้องเรียนเป็นเพียงบทเรียนหนึ่งภาคบังคับ บทเรียนมากมายนอกห้องเรียนสำคัญไม่แพ้กันค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ ลูกชายพี่อุ้มก็ต้องย้ายโรงเรียนไปเข้าในเมืองเพราะเกรดไม่ถึงที่จะเข้าสาธิตม.ปลาย สมัยนี้การแข่งขันสูงนะคะ น่าห่วงคุณภาพชีวิตเด็กๆค่ะ

มาเชียร์คุณทิมดาบ ที่เด็กน้อยสอบได้เลขมากไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิต สมัยเรียนคนเก่งๆ ตอนนี้ไม่ได้ไปไหนเลย ขณะที่เราเรียนอยู่ระดับกลางๆไปได้ไกลว่า

มาให้กำลังใจเด็กน้อย

มาให้กำลังใจและได้แลกเปลี่ยนต่ะ เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนลูกชายคนเล็ก ม.2 บอกว่าแม่หนูติด 0 วิชาภูมิศาสตร์เพราะส่งงานไม่ครบ พอได้ยินก็บอกกับตัวเองว่าเนี่ยะนะเราคงต้องดูแลเขาให้มากกว่านี้แม้ไม่เคยหวังว่าลูกต้องเรียนเก่ง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะละเลยความรับผิดชอบเรื่องส่งงาน พี่เลยลาพักผ่อนพาลูกไปพบครูพร้อมนำงานไปส่งแต่ครูบอกว่าต้องลงทะเบียนสอบซ่อมใหม่ด้วยก็เอานะ เข้าไปนั่งสอบใหม่ ครูก็ตรวจข้อสอบให้เลยวันนั้น สรุปลูกผ่านและส่งงานจนครบ กลับบ้าน นั่งคุยกับลูกให้เขาทบทวนตัวเองเขาบอกเหตุผลของเขาได้เพราะอะไรถึงติด 0 แต่เราเองยังหาคำตอบจะสอนลูกอย่างไรให้เขามีความรับผิดชอบในตัวเองเพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ผู้เป็นพ่อ กับ แม่ เพราะพี่เองก็เรียนไม่เก่งเช่นกันค่ะ

เรียนเก่งแล้วไง เรียนสูงแล้วไง ถ้าไม่เป็นคนดี ใช่ไหมคะ สังคมเรามีคนเรียนเก่ง คนเรียนสูงอยู่มากมายแล้วค่ะ แต่เรายังขาดคนดี ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวนี้ค่ะ เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อเป็นคนดีแล้ว เรียนดีก็จะตามมาเอง...ชื่นชมในการสอนของคุณพ่อเหลือเกิน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท