เยียวยาตนด้วยการ์ดขอบคุณ


บางครั้ง แรงจูงใจส่งผลต่อพฤติกรรม ถึงขั้น"เปลี่ยนชีวิต" ก็มาจากข้อความสั้นๆ
..การรู้สึกขอบคุณแต่ไม่แสดงออก เหมือน การห่อของขวัญแต่ไม่ได้ให้
ตัวอย่าง จากชีวิตจริงคนธรรมดา มีเลือดเนื้อ

###
 ภาพจาก http://www.goodreads.com/
 
หนังสือเล่มนี้ข้าพเจ้ายังไม่มีโอกาสได้อ่าน 
แต่เพียงอ่านรีวิว ก็สร้างแรงบันดาลใจข้าพเจ้าให้เปลี่ยนแปลงบางอย่าง
โดยย่อๆ คือ..
ผู้เขียนเรื่องนี้ (John Kralik)
เป็นทนายความวัย 50 เศษ
ที่ตกใน "จุดต่ำสุด"ของชีวิต
สำนักงานทนายความถูกปิด
ภรรยาเก่ากีดกันไม่ให้พบลูก
คนรักใหม่ขอแยกทาง
ต้องอยู่ห้องเช่าถูกๆ สิ่งแวดล้อมแย่
ความฝัน ที่จะสอบเป็นผู้พิพากษา เลือนลางเต็มที
..
จนช่วงปีใหม่
ขณะเขาเดินเล่น ตามลำพัง 
หวนระลึกไปถึง ตอนเป็นเด็ก
เมื่อปู่เขาให้เหรียญเงินเป็นของขวันคริสตมาสต์
เขาเขียนการด์ขอบคุณ (Thank you note)ส่งให้คุณปู่
ต่อมาคุณปู่ก็ส่งเหรียญให้เขาอีกอัน
..
John ยังได้รับ การ์ดจากคนรักเก่า
ขอบคุณของขวัญคริสตมาสต์ที่ผ่านมา
เขาตระหนักถึงคุณค่า
ของข้อความที่เขียนด้วยลายมือ สั้นๆ แสดงน้ำใจไมตรี
นานเพียงใดแล้ว..ที่เขาจมในความเกลียด คนที่ไม่ให้
แล้วลืมขอบคุณคนที่ให้
..
เขาจึงตั้งเป้าเขียนการ์ดขอบคุณ อย่างน้อยวันละ 1 คน
ใน 1 ปี 365 วัน เขาจะเขียนให้ครบ 365 คน
ทั้งคนที่เคยให้ของขวัญเขา
และคนที่เคยให้ "ความรู้สึกดีๆ" ต่อเขา
ไม่ว่าจะเป็น อดีตภรรยา อดีตคนรัก
เพื่อนสมัยมัธยม
หุ้นส่วนในอดีต (ที่ปัจจุบันมองหน้ากันไม่ติด)
การเขียน การ์ดขอบคุณฉบับแรกๆ 
John ยอมรับว่า การเขียนการ์ดใบแรกๆ ทำไปแบบ "หวังผล"
คล้ายการเขียนการ์ดขอบคุณถึงคุณปู่ตอนเด็ก
...
แล้วก็ได้ผลจริงๆ
เมื่อหุ้นส่วนในอดีต เริ่มกลับมาคุยกับเขา
อย่างมนุษย์ มิใช่แบบสัตว์เศรษฐกิจ
เขาได้โอกาส ทำสำนักงานอีกครั้งและประสบความสำเร็จ
..
สิ่งที่ John เรียนรู้คือ
มิใช่เพราะโชค หรือเพราะเขาเลือกส่งการ์ดขอบคุณถูกจังหวะ ถูกคน
แต่เพราะ  ตัวตนภายในของเขาเปลี่ยนไป
หลังจากเขียนการ์ดขอบคุณไประยะหนึ่ง
แรงจูงใจในการเขียนกลายเป็น 
ความสุขในขณะเขียน..โดยไม่ต้องรอการตอบกลับ 
เขาเขียนถึง ครูสอนเปียโนของลูกสาว
หมอที่ช่วยตรวจสุขภาพให้เขา
ไปจนพนักงานสตาร์บัคส์ ที่พยายามจะจำและเรียกชื่อเขาให้ถูก
..
ในวัยใกล้ 60 
John สอบเป็นผู้พิพากษาได้ในที่สุด
พร้อมกับหนังสือของเขาที่สร้างปรากฎการณ์
###
ในมุมมองข้าพเจ้า
John สอบผ่านผู้พิพากษา ก็เพราะเขาสอบผ่านบทเรียนชีวิต
จากคนที่หมกมุ่นคิดถึงแต่ตัวเอง (self absorbed) 
เป็นคนที่สามารถซึบซับความดีงามของเพื่อนมนุษย์
..
.
ข้าพเจ้าตั้งเป้า จะส่งการ์ดขอบคุณให้ครบ 50 ใบในปีนี้
เขียนด้วยลายมือตนเอง
พร้อม การรำลึกเรื่องราว ที่ดีต่อผู้รับ อย่างเฉพาะเจาะจง
..
ภายใต้กรอบจำกัดของหน้ากระดาษ
ภายใต้ข้อจำกัด ของสังคม ที่ผลักดัน ให้เราต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
ยังมีพื้นที่ให้หยุดพักซึมซับความดีของเพื่อนมนุษย์

 

###

ข้าพเจ้าขออนุญาตแนะนำบล็อกนี้
6 ขั้นตอนการเขียน Thank you note ให้ผู้รับประทับใจ ได้แก่
- Greet the giver
- Express gratitude (wide)
- Discuss use (specific)
- Mention the pass and the future
- Say thanks again
- Regards

ท่านละ เขียนการ์ดขอบคุณแบบไหนกันบ้างค่ะ 

หมายเลขบันทึก: 470223เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2011 02:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 16:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

สวัสดีครับคุณหมอปัทมา

น่าประทับใจมากๆครับคุณหมอ..

ผมว่าคนเรามองข้ามคนดีๆ คนที่รักเราครับ..

พอขอบคุณมันเหมือนปลดพันธนาการออกไปจริงๆ..

..

สวัสดีครับ อาจารย์ หมอ ป.

การ์ดไม่ค่อยได้เขียน

แต่จดหมายยังเขียนเวียนส่งกัน

ล่าสุดได้รับจดหมายลายเซ็นต์จาก อาจารย์ที่จุดประกายให้มาได้เขียน ในบันทึก

(..การรู้สึกขอบคุณแต่ไม่แสดงออก เหมือน การห่อของขวัญแต่ไม่ได้ให้)เพราะรูสึกนึกคิด ตัดสินความจากความคิดของเรา...และเพราะหวังจึงรั้งรอในการให่สิ่งดีๆต่อกัน

เพราะ จอห์นก้าวพ้นความหวังจึงพบความสำเร็จ....

การ์ดชื่นชม

ในวาระวันครอบครัว

ขอให้คุณหมอ ป.มีความสุข ประสบความสำเร็จ ก้าวพ้นข้อจำกัด ทางความคิด

"สูงสุด คืนสู่สามัญ ในการเป็นอยู่

และเป็นผู้นำทางด้านอาหารสมองมาให้ผองเพื่อนผ่านบันทึก

ด้วยระลึกถีงเสมอ....

วอญ่า ผ็เฒ่า

4 ธค.54

สวัสดีค่ะคุณหมอ

.....อ่านบันทึกของคุณหมอไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยซักครั้ง

.....กลับชวนให้หัวใจนึกถึงและคอยติดตาม..ว่าต่อไปจะได้

.....เปิดมุมมองหัวใจกับสิ่งใหม่ๆอะอีกนะ! ในบันทึกของคุณหมอ

.....บันทึกฉบับนี้กับมุมมองใหม่ๆสำหรับหัวใจ.ที่ได้เพิ่มขึ้น...

...ปกติส่ง จดหมายหรือส่งข้อความเล็กๆถึงเพือนในโอกาสต่างๆ...

...ส่วนความรู้สึกดีๆประทับใจเขียนเก็บไว้กับไดอารี่(อ่านคนเดียว)...

.....วันนี้หลังจากได้อ่านบันทึกจากคุณหมอทำให้นึกถึงการ์ดปีใหม่

จากนายทหาร(พันโท)ชมรมผู้สูงอายุ จ.นครปฐม ที่ส่งถึงสวนผักหวานหลายครั้ง.

(จากการรู้จักกันเพราะผักหวานป่าเป็นสื่อกลางทำให้ดั้นด้นตามหาถึง อ.น้ำพอง

...แปลกตรงที่คนไม่เคยรู้จักกันแต่ท่านเล่าว่าฝันเห็นป้าย อุฑยานผักหวานป่า 3คืน

ติดต่อกัน.อยู่ไม่ได้ต้องตามหา)

.....หลังจากได้อ่านบันทึกจากคุณหมอ จากวันนี้และในปี2555 คงได้เชื่อมใจส่งผ่านความปราถนาดีถึงผู้มีใจรักผักหวานที่มาเยี่ยมเยือนกัน. หัวใจแนวทางปลูกผักหวานป่าสร้างป่าเช่นกัน ให้ต่อติดยิ่งขึ้น ให้ปลูกผักหวานป่าเป็นผลสำเร็จยิ่งขึ้น ก้วไปด้วยกัน...รวมถึงบุคคลที่ปราถนาดีต่อกัน ทางเดินชีวิตทางเดียวกันอีกหลายๆคน..

*****ขอบพระคุณค่ะคุณหมอ กับมุมมองใหม่นึกถึงหัวใจด้วยการแสดงออก*****

***นึกถึงคนอื่นให้มากกว่าตัวเอง มองออกไปให้ไกลๆกว้างๆจากตัวเองให้มากๆ***

***จากแรงบันดาลใจในบันทึก คงได้เวลาสำรวจค้นหาปรับปรุงตัวเองครั้งใหญ่***

คำเพียงหนึ่งคำ สามารถจดจำ(ซาบซึ้งใจ)รู้สึกดีๆไม่มีวันลืม!...

ชอบบันทึกนี้ครับ ...

"จุดตกต่ำ" ที่สุดของชีวิตที่คนทุกคนในโลกนี้ต้องได้รับสักครั้งในชีวิต "มี" แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเล่า หรือ "อยากจะเล่า" ก็คงต้องเล่ากับคนที่อยู่ข้าง ๆ เราเท่านั้น

หากมนุษย์ไม่รู้จักความทุกข์ มนุษย์มักจะไม่ทบทวนชีวิตตนเอง

ยังคงเป็นสัจธรรมเสมอ

ขอบคุณครับคุณหมอบางเวลา ;)...

ว้าว ๆ โดนและถูกใจจังค่ะคุณหมอ

การเขียน คือการเยียวยา ชอบๆ หมดไม่ว่า เขียนการ์ด จดหมาย บัตรอวยพร ต่างๆ

เลยได้ไอเดีย เตรียมเขียนให้ บัดดี้ ช่วงเทศกาลพอดีเลย ขอบคุณค่ะ

-สิบกว่าปีแล้ว ที่ผมไม่เคยส่ง ส.ค.ส.หรือการ์ดวันเกิด ให้กับใครเลย

หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เคยส่งให้ใครต่อใครปีละหลายสิบคน

อาจจะเป็นเพราะวัยที่เปลี่ยนไป หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ได้นะครับ

-อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผมจะไม่ได้ส่ง ส.ค.ส.หรือการ์ดวันเกิดให้ใครอีกเลยก็จริง

แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะเขียนข้อความไปอวยพรให้กับเขาทาง e-mail หรือโทรศัพท์ไปอวยพรให้เขาด้วยตนเอง

-ไม่แน่ใจว่า แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ?

เห็นด้วยกับ "การขอบคุณเป็นการปลดพันธนาการ" ค่ะ
การแสดงความขอบคุณ ต่อคนไกลตัว เพราะหวังให้เขาชอบ แล้วช่วยเรา
ขณะที่คนใกล้ตัว เรามักลิมอาจเพราะคิดว่า อย่างไรเขาก็ช่วยเรา

การขอบคุณ คนรอบตัว 
จึงเป็นการปลดพันธนาการ "ความเห็นแก่ตัว" ได้ระดับหนึ่งนะคะ

สุขสันต์วันพ่อล่วงหน้าหนึ่งวันค่ะ :-) 

ลึกซึ้ง..

เพราะหวังจึงรั้งรอในการให่สิ่งดีๆต่อกัน

การคาดหวัง ทำให้เรากลัวผิดหวัง 
เมื่อกลัวผิดหวัง จึงเลือกแสดงความรู้สึกดีเฉพาะต่อคนที่ "หวังได้"
..

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำอวยพรค่ะ
เป็นกำลังใจให้บังวอญ่าเป็นผู้นำทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม เช่นกันค่ะ

ขอบคุณที่เล่าความอัศจรรย์ของโลกใบนี้ ที่ดึงดูดให้คนซึ่งมีศรัทธาตรงกัน -"ปลูกผักหวานสร้างป่า" มาเป็นกัลยาณมิตรค่ะ..
 เชื่อว่า ท่านน่าจะยินดี ที่ได้รับการ์ดที่มีถ้อยคำให้กำลังใจเหมือนที่คุณน้อยเขียนฝากไว้ในที่นี้..  

สุขสันต์วันพ่อแห่งชาติค่ะ :-)

 

การหมั่นสื่อสารกันด้วยใจไมตรีเป็นน้ำเลี้ยงมิตรภาพให้งอกงามนะคะ หากเป็นฝ่ายรับแต่ฝ่ายเดียวไม่เป็นผู้ให้บ้าง ความสัมพันธ์ดีๆมักเลือนหายไปในที่สุด

เช่นกัน เหมือนดังคำโบราณที่กล่าวทำนองว่า " ให้รักได้รักบ้าง ให้ชังได้ชังเป็นการตอบ"

เมื่อมองเห็น "จุดต่ำสุด" นั่่นหมายถึงได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว 
แม้ ณ จุดที่อยู่ปัจจุบัน อาจไม่ใช่จุดสูงสุด (เรายังไม่รู้อนาคต)
ก็เป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง..

มีอีกหลายคนยังจมอยู่กับจุดนั้นเพราะ
มัวแต่โกรธโชคชะตา สังคมรอบข้าม
แล้วละทิ้งโอกาสทบทวนบทเรียนชีวิตตนเอง
เพื่อเตรียมสอบอีกครั้ง

สวัสดีค่ะ Ico48 ขอบคุณบันทึกที่ให้ความรู้สึกดีมากนะคะ...เป็นคนหนึ่งที่ชอบส่ง ส.ค.ส.  การ์ดอวยพรวันเกิด และการ์ดที่ระลึกมาก...โดยเฉพาะการ์ดที่ระลึกเมื่อตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่จะส่งให้เป็นประจำทุกครั้งเมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศ...มีความสุขที่ได้ส่งค่ะ...และไม่รอการตอบกลับ  เพราะผู้รับส่วนมากจะเป็นญาติผู้ใหญ่ และครูอาจารย์ ส่วนเพื่อนๆ ก็จะส่งการ์ดอวยพรให้กันทาง e-mail ...เมื่อเรื่องราวจบ ...คงต้องส่งให้ใครต่อใครอีกหลายคน...ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ ป.

อ่านแล้วแล้วประทับใจประโยคนี้

"จากคนที่หมกมุ่นคิดถึงแต่ตัวเอง (self absorbed)

เป็นคนที่สามารถซึบซับความดีงามของเพื่อนมนุษย์"

ครูนกเองก็ชอบเขียนมากกว่าชอบพูด การเขียนเป็นการเยียวยาตนเองเพื่อที่จะระลึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองค่ะ และการเขียนเหมือนกับการบันทึกชีวิตผ่านตัวอักษรที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด คุณค่าของตัวอักษรไม่เคยเปลี่ยนแปลงหากเราสื่อสารชัดเจน มีจิตใจมุ่งผดุงความดีงามของเพื่อนมนุษย์

ขอบคุณค่ะคุณ poo 
การ์ด จดหมาย บัตรอวยพร ที่เขียนด้วยลายมือ
นับวันยิ่งเป็นของมีค่านะคะ 
นอกจากเยียวยาคนเขียนเองแล้ว
ผู้รับยังรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ cut & past  ไม่ได้ :-)

ไม่ว่าจะเป็น สคส. กระดาษ โทรศัพท์ หรืออีเมล์ ต่างก็สื่อความปรารถนาดี ที่แสดงให้เห็นความระลึกถึงทั้งสิ้นค่ะ

ประสบการณ์ส่วนตัว อาจารย์ที่เราเคารพ ศรัทธา ท่านได้ให้ของขวัญพร้อมการ์ดที่มีลายมือท่านเขียนมุมมองท่านที่มีต่อเรา สำหรับตัวเองแล้วสิ่งมีค่าสูงสุดคือการ์ดที่มีลายมือ มีรอยแก้ แบบฉบับท่าน..ได้ถูกเก็บไว้ในกรอบ เวลาท้อใจก็จะเอาออกมาดู เป็นคุณค่าที่ไม่แน่ใจว่าจดหมายอิเล็คโทรนิคส์จะทดแทนได้หรือเปล่าคะ

ดูแค่หัวข้อที่รีวิว น่าสนใจ ประหลาดใจ ได้ลุ้นคล้ายมีปาฏิหารย์ทำนองนั้นนะครับ นี่เป็นเรื่องราวของฝรั่ง แบบของคนไทยแบบนี้ก็มีเยอะเหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะเปิดเผย ต้องรอจนประสบความสำเร็จในระดับฮีโร่ก่อน เราจึงจะได้เห็นน่ะครับ สุดท้าย..ทุกคนถวิลหาสิ่งนี้ ปาฏิหารที่สร้างด้วยมือเรา นะครับ

อ่านบันทึกของคุณหมอแล้วย้อนกลับมาพิจารณาตัวเอง

ที่ทำเวลาแห่งความผูกพันหล่นหายไปหลายชั่วยาม

 

เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก แต่คุณหมอจะทำได้หรือเปล่า บางคนเราเขียนไปเท่าไร มันก็หายไปเหมือนกับโยนก้อนหินลงในแม่น้ำ

คนส่วนมากติดต่อแต่ไม่ได้สื่อสาร  คนไทยส่วนมากได้แต่ส่งต่อ Forward อีแมล แต่ไม่ยอมที่จะเสียเวลาแม้แต่จะเขียนข้อความแม้แต่คำเดียว  คนรับอยากจะรู้เรื่องราวที่เกี่ยวขึ้นกับผู้ส่งมากกว่าข้อความในอีแมล  

ได้รับอีแมลจากเพื่อนร่วมทำงานซึ่งลาออกจากงานเมื่อเดือนเมษายน  เธอคนนี้เป็นคนที่แนะนำผมให้ซื้อกล้องดีๆมาใช้  เพราะเป็นนักถ่ายรูปด้วยกัน  ได้รับจดหมายแล้วดีใจ เพราะความคิดที่ผมเคยเขียนมา เป็นความจริงสำหรับผม  ถ้าเธอเพียงแต่ forward email มาให้ ผมก็คงจะรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร ข้างล่างเป็นข้อความของอีแมลเธอครับ

 

Hi,
 
Last night we were watching a travel show about Thailand.  It really made me miss you.  I realized that I didn't even know what part of Thailand you are from.
 
So how is everything with you?  How is work?
 
All is well here.  Every day is a joy.  Every hour is a joy.  We're in the middle of a huge home project now -- we're having painters paint almost all the interior walls of our house.  So there are tarps and paint pails and disruption everywhere.  But it's going to be beautiful when it's done.
 
We had a great time camping a couple weeks ago.  The temperature got down to 26 degrees the first night, which I think is the coldest night we have ever spent in a tent.  But we were cozy warm wrapped in all our sheepskins.
 
I miss my Company family, but I sure don't miss the work.  I'll stop by the office sometime this summer and I'll be sure to stop by your cube.  Until then... take good care of yourself.
 
Judy

 

ขอบคุณค่ะ..เมื่อมาถึงวันนี้ หลายความสัมพันธ์ได้เลือนลางไปจริงๆ เพื่อนสนิทมากสมัยมัธยม ตอนนี้อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบได้..คงต้องอยู่กับปัจจุบัน แล้วรักษากัลยาณมิตรที่มี ให้ดีที่สุดค่ะ

การ์ดที่ระลึกเมื่อตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่จะส่งให้เป็นประจำทุกครั้งเมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในต่างประเทศ..

ประทับใจความรักของอาจารย์ต่อคุณแม่มากค่ะ
เคยเห็นคุณพยาบาล แนะนำให้ญาติเขียนจดหมายถึงผู้เสียชีวิต แล้วนำไปวางไว้ที่หลุมศพ เป็นการเยียวยาความเศร้าอาลัยอย่างหนึ่งคะ

 

ขอบคุณค่ะครูนก 
"..การเขียนเป็นการเยียวยาตนเองเพื่อที่จะระลึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง|
และการเขียนเหมือนกับการบันทึกชีวิตผ่านตัวอักษรที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด.."

เวลาเขียนการ์ด เมื่อนึกถึงประโยคเหล่านี้ ทำให้รู้สึกทำสิ่งที่มีความหมาย..ไม่เสียเวลาเลยค่ะ :-)

 สุดท้าย..ทุกคนถวิลหาสิ่งนี้ ปาฏิหารที่สร้างด้วยมือเรา

.

คงจะจริงค่ะ

หนังสือนิยาย ละคร ก็มักขึ้นต้นด้วยความลำบากของตัวเอก
แล้ว ประสบความสำเร็จในตอนท้าย 

ตัวเราเองก็หวังให้ชีวิตจริงเป็นเช่นนั้น
ตราบใดยังมีลมหายใจ ก็ยังมีสิทธิพยายามสร้างปาฎิหารย์นะคะ 

ความผูกพันหล่นหาย..

ทำให้นึกถึง คนที่รับเด็กกำพร้ามาอุปการะ
ถามเขาว่า เกิดความผูกพันตอนไหน
เขาตอบ "ตอนที่เด็กโอบรอบคอ -- เมื่อเขาแสดงว่าต้องการเรา.."
..

หรือ ความผูกพันระหว่างมนุษย์ เกิดเมื่อ "ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน" 

น่าคิดค่ะ..

คนส่วนมากติดต่อแต่ไม่ได้สื่อสาร  

การ cc. email คำอวยพร บางคนรู้สึกเหมือนที่ช่วงหนึ่งพนักงาน top supermarket ยกมือไหว้ลูกค้าทุกคนที่เคาน์เตอร์..
อ่านในอีเมล์ คุณ Judy แล้ว รู้สึกเขากันเองแต่ให้เกียรติ ประทับใจประโยคนี้ค่ะ..

 miss my Company family, but I sure don't miss the work.  I'll stop by the office sometime this summer and I'll be sure to stop by your cube.  Until then... take good care of yourself.

สวัสดีครับท่าน อาจารย์ ป.

ความเร่งๆรีบๆ ในการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยหนึ่งที่ปิดกั้นการนำความดีงามในตนเองออกมาใช้ อีกทั้งยังทำให้เราไม่สามารถรับรู้คุณค่าความดีงามในสิ่งต่างๆได้

ผมมองว่าการเขียนเป็นทักษะที่สำคัญยิ่ง และยังเป็นหัวใจนักปราชญ์ในลำดับท้ายสุด ที่ต้องถูกสั่งสมอย่างเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน

แค่หลักการสื่อสารด้วยการเขียนก็ยากอยู่แล้ว นี่ยังไม่ร่วมถึงการเขียนในทักษะที่รับรู้ในคุณค่าความดีงามของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ

วันนี้ได้มาอ่านบันทึกของท่านอาจารย์ทำให้ผมเห็นแนวทางบางอย่าง ขออนุญาตนำไปต่อยอดองค์ความรู้นะครับ ขอบพระคุณในการแบ่งปันสิ่งที่ดีและมีคุณค่าครับผม

ขอบคุณความเห็น ต่อยอดความคิดซึ่งกันและกันค่ะอาจารย์
สุ-จิ-ปุ-ลิ  ตัวสุดท้ายของหัวใจนักปราชญ์คือการเขียน
เพราะเป็นวิธีส่งทอดต่ออนาคต

ในขณะที่ธรรมชาติ คนเรามักคิดถึงคุณความดีของตนเองก่อน
บางครั้งก็เผลอแสดงออกมาในงานเขียน

เมื่อเอาตนเป็นที่ตั้งน้อยลง ความเบาสบายก็เพิ่มขึ้นค่ะ
เพราะการเขียนการ์ดขอบคุณ เป็นภาคบังคับ ให้ผู้เขียนพิจารณาสิ่งดีของผู้อื่น  

พูดคำว่า "ขอบคุณ" ให้มาก ๆ

(1 ใน 36 ประการ...พระบรมราโชวาทของในหลวง)

ยิ่งอาจารย์เขียนขอบคุณถึงคนที่อาจารย์รัก

ต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขมากครับ

อยากเป็น 1 ใน 50 ท่าน ที่อาจารย์เขียนถึง

(ล้อเล่นนะครับอาจารย์)

รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

ที่บ้านผมอากาศเริ่มหนาวแล้วครับ

อยากกล่าวเช่นกันค่ะว่า

..

ขอบคุณทุกๆ ประสบการณ์

ที่ทำให้ได้มาพบกัลยาณมิตรหลายท่านใน gotoknow
รวมทั้งคุณหญ้าแสนฝน คนช่างคิดช่างทำ :-)

พูดเหมือนรู้ใจเลยค่ะ ;-)

สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่เข้ามาอ่านบันทึกของคุณหมอ รู้สึกว่าได้เจอขุมทรัพย์ดีดีในชีวิต

อากาศที่เชียงใหม่คงหนาวแล้ว ขอให้มีความสุขกับสายลมเย็นที่โน่นค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดร.ปริม
หากว่างเว้นจากงานที่สิงคโปร์
ขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่บ้างนะคะ
ตอนนี้มีเที่ยวบินตรงเชียงใหม่ สิงคโปร์
แอบโปรโมท อิๆ :-)

สวัสดีอีกรอบค่ะคุณหมอ

จริงๆแล้วข้าเจ้ามีบ้านที่เชียงใหม่ค่ะ... อิอิ

ต้องขอบคุณ Air Asia ที่เลือกบินไปเชียงใหม่ค่ะ

เลยได้กลับบ้านบ่อยๆได้

มิงั้นสุขภาพกระเป๋าคงแย่กว่านี้ค่ะ... :)

ทบทวนตัวเอง เยียวยาด้วยการเขียน

เคยเขียนบันทึก...ขอบคุณคนใกล้ตัว เหตุการณ์รอบใจ

รู้สึกดีมาก ๆ

ชอบเขียนโปสการ์ดกลับมาหาคนรอบตัว...แต่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน

เผื่อแผ่ความสุขและบอกว่าเราคิดถึงเขา

แต่เขียนการ์ดขอบคุณด้วยลายมือ...จะหาโอกาสลอง

ยิ่งดีเลยค่ะ คนบ้านเดียวกัน :)

คุณหมอธิรัมภา ก่อให้เกิดไอเดีย ส่งการ์ดถึงคนใกล้ตัว(มาก) ด้วยคนค่ะ..จริงด้วยว่าเรามักนึกถึงคนไกลๆ กว่าเสมอ

อ่านไปหนึ่งรอบ และเมื่อเดินผ่านที่ทำการไปรษณีย์ ทำให้คิดขึ้นมาว่า ซื้อและลงมือเขียนส่งให้คนแห่งความคิดถึงทุก ๆ คน คนละสัปห์ดา อาทิเช่น แฟนคลับรุ่นเก๋า คุณลุงท่านหนึ่งซึ่งเขียนจดหมายมาคุยกับพี่ จนรู้จักกันดี เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นแฟนคลับเก๋าสุด เพราะคุณลุงอายุไม่มากไม่น้อย เจ็ดสิบสี่ขวบเมื่อห้าปีก่อน ตอนนี้ก็เจ็ดสิบเก้าแล้ว คุณลุงเป็นนักเรียนอังกฤษรุ่นนู้น..สมัยเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ นั่นค่ะ

ขอบคุณน้องปัทมา ประกายไฟ ที่จุดให้ความคิดเราวาบต่อเนื่องไปได้อีกหนึ่งเรื่องดี ๆ ค่ะ

 

พี่หมอเล็กน่ารักอย่างนี้เองจึงมีแฟนคลับทุกเพศวัย เรื่องของคุณลุงนักเรียนอังกฤษสมัยเจ้าฟ้าจักรพงษ์..ทำให้นึกถึงหนังสือของคุณปู่ เรื่อง "เกิดวังปารุศก์" และจดหมายที่พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เขียนถึงหม่อมซีริล :-)

...

วันนี้ มีเรื่องดีเช่นกันค่ะ ได้ส่งการ์ดปีใหม่ส่งจาก Anchorage
พร้อมจดหมาย "probe" วันนี้มาถึง ก็แสดงว่าไปถึงที่อื่นเช่นกัน..ซึ่งก็เป็นจริง เช้ามามีอีเมล์จากเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันนาน ว่า เขาอาจช่วยให้ได้พบบุคคลที่เราปลื้มมานาน :-)

 

 

มาอ่านบันทึกนี้เลยได้ทราบว่าคุณปริมก็มีบ้านที่เชียงใหม่ ว้าว พอพี่ขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ คงได้มีโอกาสพบบล็อกเกอร์หลายคน ณ เมืองเหนือ

ความรู้สึกขอบคุณผู้อื่นเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตในทางหนึ่งนะคะเพราะมันหมายถึงเรารู้ค่า ชื่นชมสิ่งดีๆที่เราได้รับจากผู้อื่น และได้บอกให้เขารับรู้ นั่นคือการมีชีวิตที่มีกัลยาณมิตร ไม่เดียวดาย

ความรู้สึกขอบคุณนี่ดีจริงๆค่ะ ทำให้เราเต็มจากข้างใน เบิกบาน ยิ้มน้อยๆในใจได้เสมอ พี่ไม่ค่อยได้เขียนการ์ดขอบคุณ แต่พบว่าการเจริญเมตตาบ่อยๆ ความรู้สึกขอบคุณต่อคนและสิ่งรอบตัวค่อยๆเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้เป็นสุขกับชีวิตได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ

ดีใจเช่นกันค่ะ ว่าเชียงใหม่ เป็นบ้านของบล็อกเกอร์มือโปรหลายท่าน เช่น อ.วิรัตน์, อ.wasawat, อ.อักขณิช, และคุณปริม

การแสดงออก สังคมตะวันตก กับบ้านเรา คงแตกต่างกันไปตามบริบทค่ะ ในขณะที่เขาต้องแสดงออกให้ชัดเจน  ของเราการแผ่เมตตาจากภายในก็เป็นวิธีสื่อที่ให้ความสุขทั้งผู้ให้ผู้รับไม่แพ้กัน

 

ว้าว ๆ ตามมามอบการ์ดที่ส่งเพลง ดอกไม้ให้คุณ

ชอบทุกเพลงของพี่แจ้   เช่นกันค่ะ

ไม่ได้ฟังนาน มาฟังอีกครั้ง แจ่มๆ มีพลัง ขอบคุณค่ะ

เพิ่งทราบว่า เพลงดอกไม้ให้คุณ ต้นฉบับมาจากวงคาราวานค่ะ
อารมณ์ตอนนั้น คงเป็นแนวเพื่อมวลชน
ตอนหลัง ดูจะเป็นเพลงร้องบ่อยในวงข้าราชการ :-) 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท