เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2554 ผมได้ไป O.D. หรือสัมมนาพัฒนาองค์กร ไปทั้งเครือข่ายบริการสุขภาพระดับอำเภอ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ทุกสายงานครับ รุ่นที่ผมไปเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วครับ รุ่นที่ 3 มีจำนวนถึงร้อยกว่าชีวิต
หลังจากตอนบ่ายแก่ ๆ ก็เดินทางมาถึงจังหวัดระยอง ได้ไปแวะที่สุภัทราแลนด์ กินบุปเฟต์ผลไม้แล้ว ได้เข้าพักที่อมรพันธ์วิลล่า สัมผัสกับกลิ่นอายทะเลหาดแม่พิมพ์ที่อยู่ใกล้กับที่พักมาก
รุ่งเช้าวันที่ 16 พฤษภาคม 2554 ผมตื่นเช้ามาก เพราะอยากเห็นทะเล ท้องฟ้า และหาดทรายเวลาตอนเช้า ๆ ผมเดินเลาะริมชายหาดคนเดียว และเมื่อถึงที่ทานอาหารเช้า พนักงานก็จัดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงทานข้าวเช้าเลยครับ
ผมชอบสังเกตผู้คนครับ ไมว่าใครก็ตาม เมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว การพูดคุยล้วนมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ชอบนินทาผู้อื่นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม ปัญหาการทำงาน พร่ำบ่นว่าตนเองมีงานรับผิดชอบหนัก ข่าวคาวดารา และการเมือง ผู้คนในที่นี้ก็รวมถึงคณะของผมด้วยเช่นกัน ซึ่งผมได้ยินการพูดคุยจากโต๊ะอาหารเช้าเช่นนี้
ตอนแรกผมก็นั่งคนเดียว สักพักก็มีพี่ ๆ น้องจากสถานีอนามัย และโรงพยาบาลเข้ามาสมทบ จนเก้าอี้นั่งเต็ม เมื่อแต่ละคนได้อาหารที่ตนเองเลือกและพอใจแล้ว ก็ลงมือทาน แต่การพูดคุยของผู้ที่มาสบทบคราวนี้แปลกและแตกต่างกันไป
แต่ละคนมาพูดคุยว่าต้องการพัฒนางานที่ตนเองรับผิดชอบให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผมพอใจมากที่แต่ละคน ได้ใช้ช่วงเวลาตอนเช้าในการรับและเปิดมุมมองความคิดของตนเองในทางสร้างสรรค์ และมีเพื่อน ๆ ในโต๊ะแลกเปลี่ยนและให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม บางท่านได้มุมมองในการพัฒนางานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น งานวิจัย R2R และ CQI เป็นต้น
ยกตัวอย่าง เช่น พี่ที่รับผิดชอบงานเวชระเบียนของโรงพยาบาล ต้องการพัฒนางานระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาและอุปสรรคในเวชระเบียน เช่น การลงข้อมูลไม่ครบถ้วน การไม่มีแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการ ซึ่งพวกเราต่างเชียร์ให้พี่ทำต่อ ทำจากเล็ก ๆ ก่อน สุ่มแฟ้มสัก 5-10 แฟ้มก่อน ได้ข้อมูลแล้วสะท้อนให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบ และร่วมกันขับเคลื่อนต่อ งานเล็ก ๆ อาจจะเป็นนโยบายของหน่วยงานของเราเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ว่า "ผีเสื้อกระพือปีกเล็กน้อย ...อาจจะสามารถก่อให้เกิดการทำงานที่ยิ่งใหญ่ก็ได้....
สำหรับผมแล้ว การสุมหัวกัน เพื่อเกิดความคิดที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์สำหรับผมมากมาย และเป็นศิริมงคลตั้งแต่เช้า แทนที่พวกเราจะเอาเวลาเหล่านั้น ไปนินทาผู้อื่น รำพึงรำพันน้อยใจในโชคชะตา หรือพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องของดารานักร้อง
เพราะสิ่งเหล่านั้น นอกจากจะทำให้เซลล์สมองที่ดีละลายไปกับความคิดไม่พัฒนาแล้ว การว่ากล่าวนินทาผู้อื่นที่ออกรสออกชาติ และการขยับปากเอาลมเข้าท้อง พร้อมกับการรับประทานอาหารเช้า อาจจะทำให้เราได้รับผลกรรมจนเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ด้วย จริงไหมครับ ?
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ทิมดาบ ใน เรื่องเล่า...รอยเท้า...ทางเดิน...เหินฟ้า
ชอบสุมหัวคิด(อาจจะแชท)สร้างสรรค์มากกว่าสุมหัวนินทาคนอื่นเช่นกันค่ะ
คิดเสมอว่าการนินทาคนอื่นไม่ได้ทำให้ตัวเองดีขึ้นมาเลย
ในขณะเดียวกันนินทาคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นด้อยลงไปด้วย
แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความคิดถึงเสมอค่ะ