นิทานภาพ "ทำไมหมาป่าจึงกลายเป็นหมาบ้าน" (ปรับปรุงใหม่)


กาลครั้งหนึ่ง มนุษย์นิยมมีลูกหลายคน ทำให้มนุษย์จึงเพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อที่อยู่อาศัยคับแคบ อึดอัด มนุษย์จึงพากันแผ้วถาง สร้างบ้านเรือนลึกเข้าไปในป่า

สัตว์ป่าจึงขาดแคลนอาหาร เพราะพื้นที่ป่าลดน้อยลงเนื่องจากมนุษย์นอกจากจะรุกพื้นที่ป่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องตัดต้นไม้จำนวนมากเพื่อนำมาสร้างบ้านเรือน และเครื่องใช้ในบ้าน

หมาป่าตัวหนึ่ง หิวมาก มันหาอาหารในป่าไม่ได้ จึงเดินลัดเลาะไปตามชายป่า

 

มันเดินไปมา เหนื่อยจนลิ้นห้อย ในที่สุด ก็พบบ้านของคนเลี้ยงแกะ หมาป่าดีใจที่มองเห็นอาหารจนน้ำลายไหล 

มันกระโจนข้ามรั้วไปไล่จับแกะ ฝูงแกะวิ่งหนีสับสนจนคนเลี้ยงได้ยินเสียง

“ไปให้พ้นนะ” คนเลี้ยงแกะตะโกนไล่

หมาป่าหนีออกมาจากบ้านคนเลี้ยงแกะได้ มันยังหิวอยู่ จึงคิดหาทางที่จะเข้าไปจับแกะเป็นอาหารอีก

แล้วมันก็หันไปเห็นเสื้อคลุมหนังแกะ

“ได้การละ”

มันแอบเข้าไปในรั้วบ้านของคนเลี้ยงแกะอีก คาบเสื้อคลุมมาคลุมตัวจนทำให้มันมองดูเหมือนแกะตัวหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆฝูงแกะ

 ลูกแกะตัวหนึ่งเห็นเข้าก็สงสัย จึงถามว่า

“น้าจ๋า ทำไมเล็บน้าจึงยาวนักจ๊ะ”

หมาป่าได้ทีจึงไล่ตะครุบลูกแกะ แกะตัวอื่นๆเห็นเข้า จึงรีบมาช่วยเหลือและร้องเสียงดัง

คนเลี้ยงแกะได้ยินเสียงร้องจึงออกมาช่วย เขาจับหมาป่าล่ามไว้กับเสา

หมาป่าทนความหิวไม่ไหวจึงบอกคนเลี้ยงแกะว่า มันขออาศัยอยู่ในบ้าน แต่ขอให้คนเลี้ยงแกะให้อาหารมันด้วย

“ให้ฉันทำงานอะไรก็ได้”

มันบอก

ตั้งแต่นั้นมา หมาป่าจึงต้องทำงานหนักตามที่คนเลี้ยงแกะสั่งทั้งวัน

บางครั้งมันก็นึกอยากขโมยกินแกะ จึงแอบน้ำลายไหล

 

คนเลี้ยงแกะเห็น ก็มักไล่ให้มันออกห่างจากแกะ และคอยจับตาดู เมื่อหมาป่าหันหน้าไปทางคนเลี้ยงแกะทีไร ก็มักเห็นคนเลี้ยงแกะมองอยู่เสมอ จนมันคิดว่า แม้มันจะอ้วนท้วนขึ้น แต่ก็อยู่ไม่เป็นสุขเพราะต้องคอยระวังตัว

วันหนึ่งลูกของคนเลี้ยงแกะทำของเล่นหาย ด้วยความเสียดายของเด็กจึงร้องไห้เดินหา หมาป่าสงสาร จึงเข้าไปช่วยปลอบใจ และเล่นกับเด็กลูกคนเลี้ยงแกะ ทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยเล่นจนเหนื่อยและหลับไปบนตัวหมา

 

ตั้งแต่นั้นมา เด็กน้อยจะเล่นกับหมาทุกวัน

คนเลี้ยงแกะเห็นลูกมีความสุขจึงบอกหมาว่า ต่อไปหมาไม่ต้องทำงานบ้านอีกแล้ว

“เธอช่วยเป็นเพื่อนเล่นกับลูกฉันก็แล้วกัน”

เขาบอก

หมาสนุกกับการเล่นกับเด็ก จนไม่นึกถึงแกะ เมื่อมันไม่นึกอยากกินแกะ พอใจแต่อาหารที่ได้ มันก็ไม่คอยมองแกะอย่างน้ำลายไหล เมื่อมันไม่มองแกะอย่างน้ำลายไหล คนเลี้ยงแกะ จึงไม่คอยจับตามองดูมันอย่างหวาดระแวงเหมือนที่เคย

หมาจึงเติบโตขึ้นพร้อมๆกับลูกคนเลี้ยงแกะอย่างมีความสุข หมารักเด็กมาก และเด็กก็รักหมาด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่นั้นมา

หมาป่าจึงกลายเป็นหมาบ้าน และเป็นเพื่อนที่ดีของคน มาจนทุกวันนี้

................................................................

ข้อเสนอสำหรับผู้เล่า

1 ชวนให้เด็กมองหาส่วนต่างๆของเนื้อเรื่อง ที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน คือเพราะสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งจึงเกิดตาม

(เช่น เพราะมนุษย์มีจำนวนมากขึ้น จึงแผ้วถางป่า เพราะพื้นที่น้อยลง สัตว์ป่าจึงหาอาหารยากขึ้น เป็นต้น เพื่อฝึกการคิดหาเหตุผลตามหลักปฏิจจสมุปบาทในแง่ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี)

2 ชวนให้เด็กมองหาเหตุผลที่รวมกันแล้วทำให้เกิดบางสิ่งขึ้นมา

(เช่น หมามีความสุข เพราะไม่คิดอยากขโมยแกะอีก เพราะพอใจในสิ่งที่มี เพราะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีโดยไม่บกพร่อง เพราะรักในสิ่งที่ทำ เพราะรักผู้อื่น จึงได้รับความรักได้รับรักตอบ เป็นต้น เพื่อฝึกการคิดหาเหตุผลตามหลักปฏิจจสมุปบาทในแง่ สิ่งต่างๆเกิดขึ้นเพราะการประชุมรวมกันของเหตุปัจจัยต่างๆ)

2 ชวนเด็กให้พิจารณาเห็นธรรมที่แทรกอยู่ในเรื่อง

(เช่น เหตุที่หมามีความสุขในตอนจบสามารถอธิบายได้ด้วยองค์ธรรมต่างๆในหลักธรรมต่างๆคือ

-เพราะหมามีธรรมหนึ่งคือ กรุณา เช่น เมื่อหมาเห็นเด็กร้องไห้เป็นทุกข์ ก็อยากช่วยให้พ้นทุกข์ เมื่อมีความกรุณาอันเป็นความรู้สึกทางใจแล้ว ก็แสดงออกทางกายด้วยการเข้าไปเล่นด้วยให้คลายทุกข์

การ “คิดอยากช่วย” แล้วจึง “ช่วยจริงๆ” นี้ เป็นการแสดงการเชื่อมโยงกันของธรรม 2 หลักธรรมคือ พรหมวิหาร 4 และสังคหวัตถุ 4 ซึ่งพรหมวิหารเป็นเหตุ สังคหวัตถุเป็นผล ด้วยหลักธรรมที่เป็นเหตุผลต่อกันดังนี้ มนุษย์จึงมีการเจือจานกันในสังคม

พรหมวิหารเป็นความรู้สึกทางใจ มีใจอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ส่วนสังคหวัตถุ 4 เป็นการแสดงออกทางกาย ช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วยการกระทำที่เป็นรูปธรรม เพราะหากมีแต่ความเมตตา หรือ กรุณา แต่ไม่มีการกระทำใดๆตามมา ความหวังที่จะให้ผู้อื่นเป็นสุข หรือพ้นทุกข์ ก็จัดเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ

-เพราะหมาไม่คิดอยากขโมยแกะ จึงไม่ต้องคอยระวังตัว (อันแสดงถึงการมีศีล เพราะ “ศีล” หมายถึง “ปรกติ”  คือเมื่อวิถีชีวิตเป็นปรกติ ไม่ทำเรื่องที่เป็นโทษ เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ เป็นต้น ก็ไม่ต้องเดือดร้อนใจ (อวิปปฏิสาร)ไม่ต้องคอยระวังตัว)

-เพราะหมาทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มใจ และความสามารถ ไม่บกพร่องต่อหน้าที่ จึงได้รับความไว้วางใจ หมาจึงมีความสุขในการทำงาน และทำให้เกิดความภูมิใจในตนเองตามมา

หากจะเทียบกับหลักธรรมในสิงคาลกสูตร อันเป็นพระสูตรเกี่ยวกับวินัยของคฤหัสถ์ ก็อาจเทียบได้ ดังความในพระสูตรนี้ดังนี้

“ทาสกรรมกรผู้เป็นทิศเบื้องล่าง นายบำรุงโดยหน้าที่ ๕ ประการนี้แล ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยหน้าที่ ๕ ประการ คือ

๑.ตื่นขึ้นทำงานก่อนนาย

๒.เลิกงานเข้านอนทีหลังนาย

๓.ถือเอาแต่ของที่นายให้

๔.ทำงานให้ดีขึ้น

๕.นำคุณของนายไปสรรเสริญ”

เหล่านี้เป็นต้น 

หมายเลขบันทึก: 429722เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2011 06:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2013 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

นำนิทานเก่าที่ลูกสาวคนโตแต่งและวาดไว้ตอนประมาณ 5 ขวบ มารวมกับภาพวาดที่ลูกวาดในช่วงที่อายุมากขึ้น แล้วดัดแปลงเนื้อหาใหม่ เพื่อให้สามารถแทรกหลักธรรมต่างๆลงไปได้ค่ะ

นี่เป็นเหตุผลที่หูหมาในตอนต้นเรื่อง กับตอนท้าย ดูราวเป็นหมาคนละพันธุ์กันค่ะ

  • ดีจังเลยครับ
  • แต่เดี๋ยวนี้ หมาบ้าน โดยเฉพาะ สุนัขต่างชาติ กลายเป็น "หมาป่าคอนกรีต หรือ หมาข้างถนน มากมาย"

สวัสดีค่ะ

มาชื่นชมกับจินตนาการค่ะ  ลูกหมากลายพันธุ์ไปทีละน้อย ตามเวลาที่เปลี่ยนแปลงมั้งคะ
Ico48
JJ (ความเห็นล่าสุด)
01 กันยายน 2552 05:42
#1521115

หมาป่า กลายเป็น หมาบ้าน เพราะ บ้าน รุก พื้นที่ ป่า นิ(55)

...................................................................................

สวัสดีค่ะอาจารย์

เพราะความเห็นของอาจารย์ที่ให้ไว้ตอนโพสต์เรื่องนี้ครั้งแรก เลยได้ไอเดีย มาปรับปรุงต้นเรื่องใหม่ค่ะ เรื่องราวเลยกลายเป็นอย่างที่เห็น

ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ

โยมณัฐรดา

เป็นนิทานที่น่ารักดี และมีประโยชน์มาก  เพราะโยมได้พยายามที่บูรณาการนิทานให้สอดรับกับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ถือได้ว่าเป็นการอธิบายและสื่อธรรมได้อย่างประสมกลมกลืน เหมาะที่เด็กๆ  และชาวเราจะได้อ่านและนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป

อนุโมทนาขอบใจมาก

สวัสดีค่ะพี่คิม

คงอย่างพี่ว่าค่ะ ลูกหมาโตขึ้นมาหูยาวเลย

นมัสการพระคุณเจ้า

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ที่แวะมาฝากความเห็นไว้

นิทานเรื่องนี้ ลูกสาวคนโตแต่งและวาดไว้ตอนอายุประมาณ 5 ขวบ (นสพ. พีรดา สุขสุรรมวงศ์) นำมาดัดแปลงใหม่เพื่อให้เพิ่มหลักธรรมในพุทธศาสนาลงไปได้

โดยนำเรื่องเดิม มาเพิ่มภาพวาดของช่วงอายุที่มากขึ้นอีก 2 ช่วง (ภาพวาดเด็กหลับบนตัวหมา เป็นช่วงอายุประมาณ 9 ขวบ และ 2 ภาพสุดท้าย อายุประมาณ 11 ขวบ) จนได้เรื่องราวอย่างที่นำมาเล่าค่ะ

ขอบคุณคุณบีเวอร์ค่ะที่แวะมา

เรื่องราวที่บ้านก็น่าสนใจค่ะ

ขอบคุณ พี่คิม และ ดร.ภิญโญ สำหรับดอกไม้ด้วยนะคะ

เยี่ยมมากเลยค่ะขอชื่นชม

ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และจิตนาการได้อย่างดี

พร้อมทั้งยังแทรกธรรมะเข้าไปอีกเหมาะกับคนสมัยนี้ที่ห่างไกลจากคำว่าคุณธรรมมาก

สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

  • คุณยายชอบเลี้ยงสุนัขค่ะ
  • มาร่วมส่งกำลังใจด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ..เป็นนิทานสอนใจที่น่ารักทั้งเนื้อหาและภาพวาด..ชื่นชมค่ะ..

ภาพจาก internet

สวัสดีค่ะ

เก่งจังค่ะ เป็นผลงานสืบเนื่อง ชอบตรงที่โยงหาหลักธรรมค่ะ  และก็ได้แนวคิดไปใช้กับนิทานอื่นๆ สำหรับสอนเด็กเล็กด้วย ขอบคุณมากค่ะ

        

สวัสดีค่ะ พี่ณัฐรดา : แวะมาอ่านนิทานธรรมะพร้อมภาพประกอบน่ารักๆ ซึ่งเป็นกุศโลบายที่ทำให้เด็กๆ ได้ซึบซับธรรมะไปกับการ์ตูนที่เด็กๆ ชอบนะคะ .. ขอส่งแรงใจเชียร์กลับมาด้วยค่ะ ^^

สวัสดีค่ะคุณครูกุ่ย

ขอบคุณค่ะ ทั้งสำหรับดอกไม้ และการมาเยี่ยมเยียน

สวัสดีค่ะคุณยาย

มีดอกไม้สวยๆมาฝากกันเสมอเลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

มาชม

ทำให้นึกถึงนิทานหนูน้อยหมวกแดงเลยนะนี่...อิ อิ อิ

ว่าง ๆ จะเปิดให้เด็ก ๆ ได้อ่าน...

  • ดีจังนะคะพี่ตุ๊กตา แสดงว่าน้องๆ...ชอบวาดภาพ.....ใช่มั๊ยคะนี่....
  • ชอบจังเลย....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท