(๓)
“มา ผมบ้าง...”
เบิ้มลงมาผลัดผมขุดดินเพื่อเอาไปถมเป็นคันฝาย
เพิ่งจะขุดดินได้ไม่ถึงสิบบุ้งกี๋ แรงก็เริ่มหมด คาดว่าคงเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่เบิ้มเลยมาขอผลัด
พวกเราเริ่มลงมือทำฝายหลังอาหารกลางวันพักใหญ่
สถานที่ทำฝายเป็นบริเวณตาน้ำข้างสวนผักของนะปาย
จะเคาะกับน้องเยาวชนสองสามคนเดินขึ้นไปบนเขาข้าง ๆ ตัดไม้ไผ่ลำย่อม ๆ มาสามสี่ลำ จะบูและจำปาเอาไม้ไผ่พาดขวางกับคันดินสองข้าง สองท่านห่างกันราว ๗๐ ซ.ม. แล้วก็ตัดไม้ไผ่เป็นท่อนสั้น ๆ ราว ๑ เมตร นำไปวางพาดกับไม้ไผ่ท่อนยาว โดยให้ปลายด้านบนป้านออก มีพื้นที่ตรงกลางที่จะนำหินและดินมาถมกั้นเป็นคันฝาย
ผมเริ่มต้นด้วยการขุดดินต่อจากนะปาย
เพื่อน ๆ ที่เหลือช่วยกันขนหินไปถมทับเป็นคันฝาย
พื้นที่เหนือคันฝายเดิมที่ดูรก และไม่มีทีท่าว่าจะมีน้ำ สักพักพอคันฝายเริ่มเป็นรูปร่าง ก็เริ่มมีน้ำขังอย่างน่าประหลาด
เพื่อนเราบางคนแซวจำปาว่าไปแอบเปิดก๊อกน้ำมาหรือเปล่า...
จำปาบอกกับพวกเราว่า บริเวณนี้เป็นตาน้ำ ปกติแล้วถ้าไม่มีอะไรมากั้น น้ำจะค่อย ๆ ไหลซึมลงดินลงไปตามร่องห้วย ถ้าเราทำคันกั้นไว้ก็จะมีน้ำขัง ชะลอการไหลซึมของน้ำลงไปเบื้องล่าง ฝายที่ทำอยู่นี้เป็นฝายชะลอน้ำ
ชาวลาหู่บ้านห้วยปลาหลดจัดการน้ำโดยสร้างฝายหลายประเภท หลายวัตถุประสงค์
ฝายในป่าต้นน้ำ เป็นฝายชะลอน้ำที่สร้างความชุ่มชื่นให้ผืนป่า ฝายตามลำธารที่อยู่เหนือที่ราบชายเขาไม่สูงนักจะถูกกั้นเพื่อใช้ในการเพาะปลูก และที่อยู่สูงขึ้นไปจะถูกกั้นต่อเป็นปะปาภูเขาลงมาที่หมู่บ้าน สำหรับลำธารที่ไหลผ่านไหมู่บ้านก็จะถูกกั้นเพื่อนำน้ำมาปั่นเป็นกระอสไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
พวกเราใช้เวลาราวสองชั่วโมงในการสร้างฝายลูกนี้
เหนื่อยน้อยกว่าที่คาดไว้มาก...
...
(๔)
การทำฝายร่วมกับชาวบ้านห้วยปลาหลดในคราวนี้ เป็นกิจกรรมทดลองนำร่องการจัดท่องเที่ยวของชุมชนห้วยปลาหลด หลังจากที่หมู่บ้านนี้ได้รับการส่งเสริมให้จัดการท่องเที่ยวแบบ “โฮมสเตย์” จากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก
ผมสนิทกับแกนนำหมู่บ้านนี้หลายคน เคยร่วมงานกันมาบ้างแล้ว เห็นแกนนำชาวบ้านกังวลใจเกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวของหมู่บ้านแล้วผมก็อยากยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วม ว่ากันตามตรงก็คือ ไม่ค่อยจะไว้เนื้อเชื่อใจหน่วยงานที่เข้ามาส่งเสริมสักเท่าไร ไม่อยากเห็นหมู่บ้านได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการท่องเที่ยว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือของชุมชน เป็นสะพานเชื่อมให้คนเมืองเข้ามาเรียนรู้ซึมซับเรื่องราวดี ๆ ของชุมชนแห่งนี้
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ปฏิเสธการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวมีแง่มุมดีงามอยู่หลายประการ แต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะมีด้านที่เป็นพิษภัยอยู่ด้วย คล้ายกับดาบสองคม
แกนนำชาวบ้านที่นี่เกือบสิบคนเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยว แล้วเดินทางไปดูงานโฮมสเตย์ที่ จ.เชียงราย แต่กลับมาแล้วความกังวลก็มิได้หายไป หนำซ้ำดูเหมือนว่าจะหนักหนากว่าเก่า ความเข้าใจ ความมั่นใจก็มิได้เพิ่มมากขึ้น
ในช่วงที่มิตรสหายมาร่วมกิจกรรมเลี้ยงผีต้นน้ำที่ de’Musoi C&L ผมได้เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟัง ได้รับคำแนะนำว่าน่าจะจัดทริปนำร่องสักทริปให้ชาวบ้านทดลองต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบ “โฮมสเตย์”
เบิ้มเพื่อนผม ซึ่งอยู่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รับผิดชอบงานด้านประชาสังคม ที่ช่วยมาขับเคลื่อนงานพัฒนาในพื้นที่ดอยมูเซอร่วมกับผมมาพักใหญ่ ก็ช่วยออกแรงงานนี้มิใช่น้อย ทั้งช่วยหาสมาชิกมาร่วม ให้คำแนะนำก่อนเริ่มงาน เดินทางมาร่วมงาน สะท้อนความเห็นเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการของชาวบ้าน ฯลฯ
...
สวัสดีค่ะคุณหนานเกียรติ
แวะมาชมกิจกรรมดีๆแต่เช้่าค่ะ น่าสนุกจัง ได้บุญได้กุศลกันถ้วนหน้านะคะ
อาจารย์..งานนี้หมอโดนทากกัดด้วย..
มารู้ตัวตอนถึงบ้านแล้ว..น่องข้างซ้าย
นึกว่าจะพ้นซะอีก..ตอนนี้คันที่รอยทากกัดมาก ๆ
พัฒนาชุมชน เยี่ยมค่ะ
เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
สวัสดีค่ะ
น่าสนุก ฮาหมอเอโดนทาก
สวัสดีค่ะหนานมาเยี่ยมชมกิจกรรมที่ดีมีประโยชน์กับการทำฝายกั้นน้ำ..แต่ก็นากลัวที่มีทากเยอะค่ะ..
เคยไปสร้างฝายลักษณะนี้เหมือนกันครับ ที่เชียงราย แต่ไม่นานน้ำมา ฝายก้เสียดาย ต้องพากันกลับไปซ่อมอีก จริงๆ แล้วผมคิดว่า ประชาชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจะเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้ อะไรหลายๆ อย่างจะยั่งยืนมากขึ้น (พูดถึงบางทีนะครับ อิอิ)
ไปนั่งให้กำลังใจไม่ออกแรงน่ะ
ลางานไว้แล้ว ถ้าไม่มีอุปสรรคพบกันครับน้องหนาน
สวัสดีครับ คุณยาย
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ...
สวัสดีครับ หมอเอ หมออนามัย
ฮะฮ่า... โดนทากกัน แสดงว่าถึงที่แล้วหมอ ถึงที่...
ผมเคยโดนทากเกาะกินเลือดคราวนึงเป็นสิบตัวเมื่อขึ้นเขาเจ็ดยอดปีก่อน
กำลังจัดทริปเดินป่าสักสองวัน หมอสนใจไหม..
สวัสดีครับ คุณศิรินทร มีวงศ์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
มีโอกาสคราวหน้ามาร่วมแจมด้วยกันนะครับ
สวัสดีครับ พี่ครูคิม
ทริปนี้สนุกมากครับพี่...
ประสบความสำเร็จสูงมากครับ
สวัสดีเจ้า คุณครูrinda
ทากมีไม่มากเท่าไรครับ ไม่มีใครโดนดูดเลือดนอกจากหมอเอ สงสัยเลือดหวาน
สวัสดีครับ คุณบีเวอร์
การสร้างฝายแบบภูมิปัญญาชาวบ้านนี้ โดยมากเป็นการสร้างในลักษณะชั่วคราวครับ ต้องมีการซ่อมแซมเป็นประจำทุก ๑- ๓ ปี ครับ
สวัสดีครับ คุณบุษรา
คารวะท่านผู้เฒ่า วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
อยากให้บังมเที่ยวห้วยปลาหลดสักรอบ คาดว่าจะได้มาช่วงเข้าพรรษาใช่ไหมครับ
งานสร้างฝายต้องใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมากค่ะ..ขอบคุณที่ไปเยี่ยมสนับสนุน "โครงการเธอคือแรงบันดาลใจปี ๒" นะคะ..
ตามอ่าน ตามชม ตามชื่นชมงานคุณหนานเกียรติอยู่เป็นระยะๆ งานหนักนะคะ แต่เห็นความสุขที่สมดุลทั้งการทำงานจิตอาสา งานวิชาการ และการดูแลครอบครัว ขอให้มีพลังมากมายเช่นนี้ไปอีกนานๆค่ะ
ร่วมแรงร่วมใจ งานก็เสร็จเร็วนะคะ อากาศเย็นสบายนะคะ มีแต่ต้นไม้ พี่ดาได้ชื่อและหมายเลขโทร.มาแล้วนะคะ แต่ยังไม่โทร. ใช่ไหม ถามเองตอบเอง เพราะคุณพ่อดีขึ้นแล้ว ๆได้โทรไปหาคุณ ปานเทพหรือเปล่าค่ะพี่ดาบอกคุณปานเทพไว้แล้วนะ ท่านยินดี ส่วน คุณตาชั้น แย้มขยาย ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก กำลังถูกเชิญไประยองไปแสดงตนว่าหายได้ด้วยน้ำมันมะพร้าว โดยทางคุณไพฑูรย์ที่หายจากโรคเบาหวานด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าว แล้วอุทิศตนเผยแพร่น้ำมันมะพร้าวที่ระยอง จะออกค่าเดินทางเครื่องบินให้หมด ก็ไม่ทราบว่าท่านจะไปหรือไม่ อยู่ที่เชียงใหม่นี่เองพี่ดาพึ่งทราบ เข้าใจว่าอยู่ระยอง ตามที่ดร.ณรงค์บอกสงสัยสับสน เบอร์คุณตาชั้น โทร.หาพี่ดาแล้วกันนะคะ จดเบอร์พี่ดาไว้แล้วใช่ไหม
สวัสดีค่ะ
มาชวนไปเยี่ยมบันทึกที่พี่น้องGTKได้เจอกันค่ะที่นี่นะคะ...http://gotoknow.org/blog/0815444794/373325
มาตายี
หนานเกียรติ์ครับ ฝายคือทางเลือกสำคัญ ยินดีและเป็นแรงใจด้วยนะครับ