เมื่อคืน ผมนอนฟังเสียงฟ้าคำรามลั่นอยู่กลางเทือกเขาภูพานอย่างเปลี่ยวเหงา และเมื่อเดินทางกลับมาถึงมหาสารคาม ผมยังคงได้ยินเสียงฟ้าคำรามลั่นอยู่เหมือนเดิม และกำลังเฝ้ารอดูว่า นอกจากเสียงฟ้าแล้ว จะมีฝนโปรยเม็ดตามมาอีกหรือเปล่า
ครับ-บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมระยะนี้หัวใจของผมถึงได้ถวิลหาความเป็นบ้านอย่างไม่รู้จบ
รู้สึกว่าตัวเอง เหมือนทารกน้อยที่โหยหาอ้อมกอดจากอกอุ่นๆ ของแม่ยังไงยังงั้น
หรืออีกนัยหนึ่ง ผมกำลังคิดถึงบ้านอย่างมากมาย มหาศาล
ในความเป็นบ้าน ผมคิดถึงภาพของพ่อกับแม่ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมชายทุ่งท้ายหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉากชีวิตล่าสุดเมื่อเย็นย่ำวันศุกร์ที่ผมเดินทางไปรับสองหนุ่มน้อยกลับมายังมหาสารคาม...
ปู่-ดูจะเก็บอาการได้อย่างชัดเจน ไม่มีริ้วรอยใดที่จะบ่งชี้ได้ว่า กำลังถูกความเหงาเข้าเกาะกุม ซึ่งต่างกันลิบลับกับผู้เป็นย่าที่ดูเงียบและซึมเหงาอย่างเห็นได้ชัด...
ส่วนหลานชายสองคนนั้น ดูจะเข้าใจความรู้สึกของปู่และย่ามากเป็นพิเศษ เพราะเขาทั้งสองย้ำนักย้ำหนาว่าจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนปู่กับย่าบ่อยๆ ...มิหนำซ้ำยังหันมากำชับผมอย่างเข้มข้นว่า ทุกวันศุกร์ ผมต้องพาพวกเขากลับมานอนที่เถียงนาหลังน้อยนี้ให้จงได้-
ทันที่ที่เราเคลื่อนรถออกจากหมู่บ้าน เราเองก็ได้รู้ว่า คนเป็นย่านั้นนั่งซึมและน้ำตาหยาดไหล
ด้วยความคิดถึงหลาน
ขณะที่เจ้านักเลงลูกทุ่งอย่างน้องแดนก็ไม่วายพูดพร่ำในรถว่า “แดนกะสิไห่ (ร้องไห้)
คือกัน...แดนคึดฮอดพ่อปู่..แม่ย่า...”
ไม่รู้สิ ความรู้สึกอันไร้เดียงสาของลูก มันคล้ายกับกำลังตั้งคำถามกับผมเองว่า ผมรักพ่อกับแม่ เทียบเท่ากับหัวใจอันเล็กๆ ของลูกชายตัวเองที่รักปู่และย่าหรือไม่...
แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่า ทั้งผมและลูกๆ คือแรงบันดาลใจของท่าน เพราะมันช่วยให้ท่านมีแรงพลังที่จะใช้ชีวิตในห้วงวัยที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด และที่สำคัญก็คือ ท่านพร้อมที่จะสานความฝันของผมให้เป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ท่านจะทำได้
ในยามที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านจากร้อนเข้าสู่ต้นฝนเช่นนี้ ผมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ปีนี้ฟ้าฝนจะเป็นเช่นใดบ้าง ท้องทุ่งจะมีโอกาสได้เจิ่งนองด้วยน้ำฝนอีกหรือเปล่า และความฝันในบางเรื่องของผม จะผลิบานขึ้นในผืนนาที่รอฝนนั้นได้สักกี่ฝัน
ทั้งผมและลูกๆ ให้สัญญากันว่า หน้าฝนปีนี้ เราจะกลับมาดำนากันอีกรอบ น้องดินและน้องแดน จะกลับมาดูแลต้นไม้ที่พวกเขาปลูกไว้รายรอบกระท่อมหลังเล็กๆ ...
ไม่เพียงเท่านั้น น้องดินยังประกาศย้ำเจตนารมณ์ว่า ยังไงเสีย เขาก็จะกลับไป
ก่อกองไฟให้วัว, ไปช่วยคุณปู่เลี้ยงวัว และต้อนวัวเข้าคอก...
ส่วนน้องแดนนั้น ได้แต่ยืนยันว่า “สิไปอยู่เป็นหมู่ (เป็นเพื่อน) แม่ย่า...”
นี่คือเรื่องเล่าเล็กๆ ที่ผมส่งลูกไปเรียนพิเศษที่บ้านนอก
ลูกๆ ไปใช้ชีวิตในกระท่อมชายทุ่งแบบไม่ต้องดูทีวี...พวกเขาได้เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
และก่อนนอน ยังได้นั่งนับดาวบนระเบียงกระท่อมอย่างเพลิดเพลิน โดยมีคุณปู่เล่านิทานให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ
มิหนำซ้ำ ยังได้ตื่นแต่เช้าๆ ช่วยปู่จูงวัวออกไปผูกไว้ที่กลางทุ่ง
สิ่งเหล่านี้ เป็นการเรียนพิเศษที่ผมคิดว่ามันมีค่ามากมายนักต่อการเติบโตของเด็กทั้งสองคน
ถึงแม้ตอนนี้ พวกเขาจะดูมอมแมม เลอะเทอะ...เกรียมแดดไปบ้างก็เถอะ และเมื่อต้องไปโรงเรียนในวันแรกของการเปิดเทอมนั้น พวกเขาก็คงไม่อายเพื่อนหรอกกระมัง เพราะ ณ ที่ๆ เขาไปเรียนพิเศษมานั้น มันล้วนเป็นพื้นที่แห่งคุณภาพที่เขาพึงได้สัมผัสมากที่สุด และคุณครูของพวกเขา ก็เต็มไปด้วยความดีงาม และมีความเป็นครูอยู่เต็มล้นอย่างไม่ต้องสงสัย
รวมถึง เขาคงไม่เขินอายที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ที่สัมผัสพบที่ทุ่งนาให้เพื่อนๆ ได้ฟังกระมัง
ถึงแม้มันจะต่างจากเรื่องเล่าในห้างใหญ่ เรื่องเล่าในจอทีวี เรื่องเล่าในตลาดนัด เรื่องเล่าในสวนสาธารณะกลางเมือง เรื่องเล่าจากของเล่นชิ้นใหม่ๆ ...หรือแม้แต่เรื่องเล่าในสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เพื่อนของพวกเขาสัญจรไปตากอากาศมากับครอบครัว...
ถึงตอนนี้ ฟ้ายังคงคำรามก้องอยู่ไม่ขาด กระนั้น ก็ไม่มีทีท่าการมาเยือนของสายฝนเลยสักนิด
ผมกำลังหวนคิดถึงบ้านเกิดว่า ตอนนี้ฟ้ายังคำรามร้องเหมือนที่มหาสารคามหรือเปล่า...และมีเค้าแห่งสายฝนบ้างหรือไม่
ตอนนี้ ผมรู้แต่เพียงว่า เสียงของหัวใจที่คิดถึงบ้านนั้น มันก้องดังไม่ต่างไปจากเสียงคำรามลั่นของฟ้า...
เช่นเดียวกับเสียงแห่งสัญญาของผมกับลูกที่บอกว่า “จะกลับไปดำนา” นั้น ก็ยิ่งดูเหมือนจะกระหึ่มดังขึ้นทุกที และทุกที
หมายเหตุ...
หลังเขียนบันทึกเสร็จ ผมโทรกลับไปหาพ่อ...
พ่อยืนยันว่า..ลมแรง ฟ้าคำรามเล็กน้อย
ยังไม่มีวี่แววว่า ฝนจะโปรยเม็ด
อ่านแล้ว อิ่มเอม และรู้สึกดีๆ มากเลยค่ะคุณแผ่นดิน
ได้เห็นภาพสองหนุ่มน้อย โตขึ้นมากมายน้องลูกทุ่งแดน ท่าทางขี้เล่นน่าดูเลยนะคะ ส่วนน้องดินยังดูนิ่ง ตามสไตล์พี่คนโต
ขอบคุณเรื่องราวช่วงปิดเทอมที่มีคุณค่ามากๆ ชื่นชม เป็นกำลังใจ อีกไม่นานกับฝันที่ยั่งยืนนะคะ ;)
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
มาชม สัญญาหน้าฝน >>> คนรักบ้านเกิด
ขอบคุณค่ะ
เอาใจช่วยให้ฝนลงเม็ดโปรยปรายโดยเร็วค่ะ...บรรยากาศทุ่งนา ท้องนายังมีมนต์เสน่ห์เหมือนเดิม...คนไม่มีนาทำนั่งทำตาปริบๆนะเนี่ย...
พี่พนัสคะ..
สวัสดี ครับ คุณแผ่นดิน
อ่านด้วยความรู้สึกร่วม
รู้สึกถึงจิตวิญญาณของผู้เขียนเป็นยิ่งนัก
...
อบอุ่น และจรุงจิต ในไอรัก ของบ้านเกิด
มีมหาวิทยาลัยมากมายในเมืองไทยที่ให้เด็กเลือกเรียน แต่มหาวิทยาลัยชีวิต น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ร่ำเรียน ดีใจกับลูก ๆ อาจารย์ที่หยิบยื่น "มหาวิทยาลัยชีวิต" ให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้
คิดถึงบ้านค่ะเวลาแวะมาที่เถียงนา ที่กว้างอย่าลืมปลูกต้นไม้มงคลของไทย 9 ชนิด ด้วยนะคะ 1.ราชพฤกษ์(คูณ) 2. ทองหลาง 3.ชัยพฤกษ์ 4. พยูง 5. กันเกรา 6. ไผ่สีสุก 7. ขนุน 8. ชัยบาดาล (ขึ้เหล็กหวาน)9. สัก
สัญญาดำนากันเดือนไหน ตอนหน้าฝนไช่ไหมค่ะ
จะรอชมภาพแห่งความสุขค่ะ
สวัสดีค่ะ
อ่านบันทึกนี้เเล้วรู้สึกมีความสุขจังค่ะ อาจารย์พนัส
พี่ดามาเยี่ยม นาอีกครั้ง ไม้มงคล บอกชื่อผิดไปต้นหนึ่งนะคะ ต้นที่ 8 ต้องชื่อ "ทรงบาดาล"นะคะ ไม่ใช่ ช้ยบาดาล เดี๋ยวผู้เชี่ยวชาญมาอ่านว่า. แย่เลย ใกล้เปิดเทอมแล้ว มีความสุขกับการทำงานนะคะ
สวัสดีช่วงเปิดเทอมค่ะคุณแผ่นดิน
มีความสุขกับการงานเช่นเคย เป็นกำลังใจค่ะ
มีโอกาสได้อ่านบันทึกของอาจารย์โดยบังเอิญค่ะ ชอบแนวคิดในการสอนลูกชายมาก
ขอชื่นชมในความตั้งใจจริงที่จะปลูกฝั่งให้รู้คุณค่าของชนบทที่งดงาม
การเล่าเรื่องผ่านตัวอักษรที่สวยงามทั้งเนื้อหาและความรู้สึก
รู้สึกเหมือนได้ไปอยู่ในท้องทุ่งและเถียงนา
เด็กน้อยได้เรียนพิเศษที่พิเศษจริงๆค่ะ
สวัสดีครับ คุณปู poo
ตอนนี้น้องดินกับน้องแดน โตเท่ากันแล้วครับ สูงเคียงบ่าเคียงไหล่ แต่น้องแดนจะออกอวบล่ำกว่าคนพี่...
ภาพเหล่านี้เป็นภาพช่วงปิดเรียนที่ฝากให้ไปเรียนพิเศษที่บ้านนอกกับปู่ย่า...
ดูพวกเขาสนุกกับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายท่ามกลางท้องทุ่ง มีลานดินลานทุ่งเป็นห้างใหญ่ให้โลดแล่น แดดร้อนก็ไม่กลัว จนย่าต้องพยายามรบเร้าให้หยุดเล่น...
ก็ดีครับ, หวังแต่เพียงว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีสำหรับเขาสองคน
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณชาดา ~natadee
ปีนี้อากาศร้อน คล้ายจะแห้งแล้งยังไงยังงั้น...
ฝนตกไม่สม่ำเสมอ นานทีตกมาที ยังไม่ได้ลงแปลงหว่านกล้าเลย...
พ่อบอก สงสัยปีนี้แล้งน่าดู...
...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณอ้อยเล็ก
ถึงแม้วันนี้ท้องทุ่งจะดูแห้งแล้งไปหน่อย กระนั้นก็ยังเชื่อและศรัทธาว่า ท้องทุ่งยังคงเป็นห้องเรียนอันกว้างใหญ่ของชีวิตอยู่วันยังค่ำ...
ตั้งใจมาตลอดว่า ถึงแม้ยากจนข้นแค้นสักแค่ไหน เราพี่น้องสายเลือดเดียวกันก็จะไม่ยอมขายที่นาเป็นอันขาด...
ทุกวันนี้ พี่ๆ น้องๆ ก็ยังทำนาในผืนนาแปลงเดียวกัน...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณน้องพิชชา
นอนฟังเสียงฝนตกต่อเนื่องมาสองวัน คิดถึงเลยต้องพลิกบันทึกว่าด้วยเรื่องราวที่บ้านมาอ่านเสริมพลังให้ตัวเอง..
ช่วงนี้ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะภารกิจรัดตัวและการเดินทางก็ทอดตัวมาประกบชิดตัวและหัวใจ...
สวัสดีครับ คุณแสงแห่งความดี
การเขียนบันทึกที่เกี่ยวกับบ้าน เสมือนการได้เขียนบันทึกในโลกเนร้นลับภายในตัวตนของเราเอง...เป็นการชำระและบำบัดจิตวิญญาณตัวเราเองด้วยเช่นกัน ครับ
สวัสดีครับ พี่นิภารัตน์
ท้องไร่ท้องนา ..บ้านเกิดเมืองนอน เป็นหโรงเรียนและห้องเรียนที่กว้างใหญ่ไร้อาณาเขต ท่องเล่น ได้เริงร่า ท้าทายการเรียนรู้อย่างยิ่งใหญ่ครับ