บ้าน (10) : กลับไปดำนา (คำสัญญาหน้าฝนของผมกับลูกๆ...)


ผมและลูกๆ ให้สัญญากันว่า หน้าฝนปีนี้ เราจะกลับมาดำนากันอีกรอบ

 

 

เมื่อคืน ผมนอนฟังเสียงฟ้าคำรามลั่นอยู่กลางเทือกเขาภูพานอย่างเปลี่ยวเหงา  และเมื่อเดินทางกลับมาถึงมหาสารคาม  ผมยังคงได้ยินเสียงฟ้าคำรามลั่นอยู่เหมือนเดิม  และกำลังเฝ้ารอดูว่า  นอกจากเสียงฟ้าแล้ว  จะมีฝนโปรยเม็ดตามมาอีกหรือเปล่า            
        ครับ-บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมระยะนี้หัวใจของผมถึงได้ถวิลหาความเป็นบ้านอย่างไม่รู้จบ  
        รู้สึกว่าตัวเอง เหมือนทารกน้อยที่โหยหาอ้อมกอดจากอกอุ่นๆ ของแม่ยังไงยังงั้น
        หรืออีกนัยหนึ่ง  ผมกำลังคิดถึงบ้านอย่างมากมาย มหาศาล 

 

 

ในความเป็นบ้าน  ผมคิดถึงภาพของพ่อกับแม่ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมชายทุ่งท้ายหมู่บ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ฉากชีวิตล่าสุดเมื่อเย็นย่ำวันศุกร์ที่ผมเดินทางไปรับสองหนุ่มน้อยกลับมายังมหาสารคาม...

          ปู่-ดูจะเก็บอาการได้อย่างชัดเจน  ไม่มีริ้วรอยใดที่จะบ่งชี้ได้ว่า กำลังถูกความเหงาเข้าเกาะกุม  ซึ่งต่างกันลิบลับกับผู้เป็นย่าที่ดูเงียบและซึมเหงาอย่างเห็นได้ชัด...

          ส่วนหลานชายสองคนนั้น  ดูจะเข้าใจความรู้สึกของปู่และย่ามากเป็นพิเศษ  เพราะเขาทั้งสองย้ำนักย้ำหนาว่าจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนปู่กับย่าบ่อยๆ ...มิหนำซ้ำยังหันมากำชับผมอย่างเข้มข้นว่า  ทุกวันศุกร์ ผมต้องพาพวกเขากลับมานอนที่เถียงนาหลังน้อยนี้ให้จงได้-

 


ทันที่ที่เราเคลื่อนรถออกจากหมู่บ้าน  เราเองก็ได้รู้ว่า  คนเป็นย่านั้นนั่งซึมและน้ำตาหยาดไหล
ด้วยความคิดถึงหลาน 
         ขณะที่เจ้านักเลงลูกทุ่งอย่างน้องแดนก็ไม่วายพูดพร่ำในรถว่า “แดนกะสิไห่ (ร้องไห้)
คือกัน...แดนคึดฮอดพ่อปู่..แม่ย่า...”

          ไม่รู้สิ  ความรู้สึกอันไร้เดียงสาของลูก  มันคล้ายกับกำลังตั้งคำถามกับผมเองว่า  ผมรักพ่อกับแม่ เทียบเท่ากับหัวใจอันเล็กๆ ของลูกชายตัวเองที่รักปู่และย่าหรือไม่...

          แต่ที่แน่ๆ  ผมรู้ว่า ทั้งผมและลูกๆ คือแรงบันดาลใจของท่าน  เพราะมันช่วยให้ท่านมีแรงพลังที่จะใช้ชีวิตในห้วงวัยที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด และที่สำคัญก็คือ ท่านพร้อมที่จะสานความฝันของผมให้เป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ท่านจะทำได้

 

 

ในยามที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านจากร้อนเข้าสู่ต้นฝนเช่นนี้  ผมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า  ปีนี้ฟ้าฝนจะเป็นเช่นใดบ้าง  ท้องทุ่งจะมีโอกาสได้เจิ่งนองด้วยน้ำฝนอีกหรือเปล่า  และความฝันในบางเรื่องของผม  จะผลิบานขึ้นในผืนนาที่รอฝนนั้นได้สักกี่ฝัน

          ทั้งผมและลูกๆ ให้สัญญากันว่า  หน้าฝนปีนี้ เราจะกลับมาดำนากันอีกรอบ  น้องดินและน้องแดน  จะกลับมาดูแลต้นไม้ที่พวกเขาปลูกไว้รายรอบกระท่อมหลังเล็กๆ ...
          ไม่เพียงเท่านั้น  น้องดินยังประกาศย้ำเจตนารมณ์ว่า  ยังไงเสีย  เขาก็จะกลับไป
ก่อกองไฟให้วัว, ไปช่วยคุณปู่เลี้ยงวัว และต้อนวัวเข้าคอก...
          ส่วนน้องแดนนั้น ได้แต่ยืนยันว่า
“สิไปอยู่เป็นหมู่ (เป็นเพื่อน) แม่ย่า...”

 

 

นี่คือเรื่องเล่าเล็กๆ ที่ผมส่งลูกไปเรียนพิเศษที่บ้านนอก 
         ลูกๆ ไปใช้ชีวิตในกระท่อมชายทุ่งแบบไม่ต้องดูทีวี...พวกเขาได้เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ 
และก่อนนอน ยังได้นั่งนับดาวบนระเบียงกระท่อมอย่างเพลิดเพลิน  โดยมีคุณปู่เล่านิทานให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ 
         มิหนำซ้ำ  ยังได้ตื่นแต่เช้าๆ  ช่วยปู่จูงวัวออกไปผูกไว้ที่กลางทุ่ง
         สิ่งเหล่านี้ เป็นการเรียนพิเศษที่ผมคิดว่ามันมีค่ามากมายนักต่อการเติบโตของเด็กทั้งสองคน

         ถึงแม้ตอนนี้ พวกเขาจะดูมอมแมม  เลอะเทอะ...เกรียมแดดไปบ้างก็เถอะ และเมื่อต้องไปโรงเรียนในวันแรกของการเปิดเทอมนั้น  พวกเขาก็คงไม่อายเพื่อนหรอกกระมัง  เพราะ ณ ที่ๆ เขาไปเรียนพิเศษมานั้น มันล้วนเป็นพื้นที่แห่งคุณภาพที่เขาพึงได้สัมผัสมากที่สุด และคุณครูของพวกเขา ก็เต็มไปด้วยความดีงาม และมีความเป็นครูอยู่เต็มล้นอย่างไม่ต้องสงสัย
         รวมถึง เขาคงไม่เขินอายที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ที่สัมผัสพบที่ทุ่งนาให้เพื่อนๆ ได้ฟังกระมัง 
ถึงแม้มันจะต่างจากเรื่องเล่าในห้างใหญ่ เรื่องเล่าในจอทีวี เรื่องเล่าในตลาดนัด เรื่องเล่าในสวนสาธารณะกลางเมือง  เรื่องเล่าจากของเล่นชิ้นใหม่ๆ  ...หรือแม้แต่เรื่องเล่าในสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เพื่อนของพวกเขาสัญจรไปตากอากาศมากับครอบครัว...

 

 

ถึงตอนนี้  ฟ้ายังคงคำรามก้องอยู่ไม่ขาด  กระนั้น ก็ไม่มีทีท่าการมาเยือนของสายฝนเลยสักนิด

        ผมกำลังหวนคิดถึงบ้านเกิดว่า ตอนนี้ฟ้ายังคำรามร้องเหมือนที่มหาสารคามหรือเปล่า...และมีเค้าแห่งสายฝนบ้างหรือไม่  
         ตอนนี้  ผมรู้แต่เพียงว่า  เสียงของหัวใจที่คิดถึงบ้านนั้น  มันก้องดังไม่ต่างไปจากเสียงคำรามลั่นของฟ้า...

         เช่นเดียวกับเสียงแห่งสัญญาของผมกับลูกที่บอกว่า “จะกลับไปดำนา” นั้น  ก็ยิ่งดูเหมือนจะกระหึ่มดังขึ้นทุกที และทุกที

         

 

หมายเหตุ...

หลังเขียนบันทึกเสร็จ  ผมโทรกลับไปหาพ่อ...
พ่อยืนยันว่า..ลมแรง ฟ้าคำรามเล็กน้อย
ยังไม่มีวี่แววว่า ฝนจะโปรยเม็ด

 

 

หมายเลขบันทึก: 359147เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2010 16:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

อ่านแล้ว อิ่มเอม และรู้สึกดีๆ มากเลยค่ะคุณแผ่นดิน

ได้เห็นภาพสองหนุ่มน้อย โตขึ้นมากมายน้องลูกทุ่งแดน ท่าทางขี้เล่นน่าดูเลยนะคะ ส่วนน้องดินยังดูนิ่ง ตามสไตล์พี่คนโต  

ขอบคุณเรื่องราวช่วงปิดเทอมที่มีคุณค่ามากๆ ชื่นชม เป็นกำลังใจ อีกไม่นานกับฝันที่ยั่งยืนนะคะ ;)

 

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

มาชม สัญญาหน้าฝน  >>> คนรักบ้านเกิด 

ขอบคุณค่ะ

เอาใจช่วยให้ฝนลงเม็ดโปรยปรายโดยเร็วค่ะ...บรรยากาศทุ่งนา ท้องนายังมีมนต์เสน่ห์เหมือนเดิม...คนไม่มีนาทำนั่งทำตาปริบๆนะเนี่ย...

 

พี่พนัสคะ..

  • เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วนะคะ สัญญานี้ไม่ไกลเกิน...
  • เป็นสัญญาใจของคนรักกัน ^^

สวัสดี ครับ คุณแผ่นดิน

อ่านด้วยความรู้สึกร่วม

รู้สึกถึงจิตวิญญาณของผู้เขียนเป็นยิ่งนัก

...

อบอุ่น และจรุงจิต ในไอรัก ของบ้านเกิด

 

           มีมหาวิทยาลัยมากมายในเมืองไทยที่ให้เด็กเลือกเรียน แต่มหาวิทยาลัยชีวิต น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ร่ำเรียน ดีใจกับลูก ๆ อาจารย์ที่หยิบยื่น "มหาวิทยาลัยชีวิต" ให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้

          คิดถึงบ้านค่ะเวลาแวะมาที่เถียงนา ที่กว้างอย่าลืมปลูกต้นไม้มงคลของไทย 9 ชนิด ด้วยนะคะ 1.ราชพฤกษ์(คูณ) 2. ทองหลาง 3.ชัยพฤกษ์ 4. พยูง 5. กันเกรา 6. ไผ่สีสุก 7. ขนุน 8. ชัยบาดาล (ขึ้เหล็กหวาน)9. สัก

           สัญญาดำนากันเดือนไหน ตอนหน้าฝนไช่ไหมค่ะ

                      จะรอชมภาพแห่งความสุขค่ะ

            

สวัสดีค่ะ

  • ชอบติดตามมาอ่านเรื่องที่อาจารย์เขียนมากเพราะใกล้เคียงกับเรื่องของพี่ในอดีตที่ยายและตารอคอยหลานๆ..ปิดเทอมปุ๊บเราต้องถึงบ้านกันในวันรุ่งขึ้น..บ้านที่กทม.เป็นเหมือนหอพัก..แต่บ้านจริงๆของเราอยู่ที่บ้านเดิมของพ่อและแม่ที่ปู่ย่า..ตายายคอยอยู่
  • ขอบคุณที่ทำให้ได้คิดถึงบ้านอยู่เสมอ...บรรยากาศคล้ายกันจัง...คนละทิศนะคะที่บ้านอยู่ทางใต้ค่ะ...
  • ขอส่งกำลังใจมาให้คนรักบ้านและครอบครัวที่น่ารักนะคะ

อ่านบันทึกนี้เเล้วรู้สึกมีความสุขจังค่ะ อาจารย์พนัส

       พี่ดามาเยี่ยม นาอีกครั้ง ไม้มงคล บอกชื่อผิดไปต้นหนึ่งนะคะ  ต้นที่ 8 ต้องชื่อ "ทรงบาดาล"นะคะ ไม่ใช่ ช้ยบาดาล เดี๋ยวผู้เชี่ยวชาญมาอ่านว่า. แย่เลย ใกล้เปิดเทอมแล้ว มีความสุขกับการทำงานนะคะ      

           

        

สวัสดีช่วงเปิดเทอมค่ะคุณแผ่นดิน

มีความสุขกับการงานเช่นเคย เป็นกำลังใจค่ะ

มีโอกาสได้อ่านบันทึกของอาจารย์โดยบังเอิญค่ะ ชอบแนวคิดในการสอนลูกชายมาก

ขอชื่นชมในความตั้งใจจริงที่จะปลูกฝั่งให้รู้คุณค่าของชนบทที่งดงาม

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมเยียนกันค่ะ สบายดีนะค่ะ  พร้อมกับมาเชิญชวนไปชม "สุดยอดส้วม...โรงพยาบาลพะโต๊ะ"
  • ขอบคุณค่ะ
  • การเล่าเรื่องผ่านตัวอักษรที่สวยงามทั้งเนื้อหาและความรู้สึก

    รู้สึกเหมือนได้ไปอยู่ในท้องทุ่งและเถียงนา

    เด็กน้อยได้เรียนพิเศษที่พิเศษจริงๆค่ะ

    สวัสดีครับ คุณปู poo

    ตอนนี้น้องดินกับน้องแดน โตเท่ากันแล้วครับ  สูงเคียงบ่าเคียงไหล่ แต่น้องแดนจะออกอวบล่ำกว่าคนพี่...

    ภาพเหล่านี้เป็นภาพช่วงปิดเรียนที่ฝากให้ไปเรียนพิเศษที่บ้านนอกกับปู่ย่า...
    ดูพวกเขาสนุกกับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายท่ามกลางท้องทุ่ง  มีลานดินลานทุ่งเป็นห้างใหญ่ให้โลดแล่น  แดดร้อนก็ไม่กลัว จนย่าต้องพยายามรบเร้าให้หยุดเล่น...

    ก็ดีครับ,  หวังแต่เพียงว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีสำหรับเขาสองคน

    ขอบคุณครับ

     

    สวัสดีครับ คุณชาดา ~natadee

    ปีนี้อากาศร้อน คล้ายจะแห้งแล้งยังไงยังงั้น...
    ฝนตกไม่สม่ำเสมอ  นานทีตกมาที ยังไม่ได้ลงแปลงหว่านกล้าเลย...

    พ่อบอก สงสัยปีนี้แล้งน่าดู...

    ...

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีครับ คุณอ้อยเล็ก

    ถึงแม้วันนี้ท้องทุ่งจะดูแห้งแล้งไปหน่อย  กระนั้นก็ยังเชื่อและศรัทธาว่า ท้องทุ่งยังคงเป็นห้องเรียนอันกว้างใหญ่ของชีวิตอยู่วันยังค่ำ...

    ตั้งใจมาตลอดว่า  ถึงแม้ยากจนข้นแค้นสักแค่ไหน  เราพี่น้องสายเลือดเดียวกันก็จะไม่ยอมขายที่นาเป็นอันขาด...

    ทุกวันนี้  พี่ๆ น้องๆ ก็ยังทำนาในผืนนาแปลงเดียวกัน...

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีครับ  คุณน้องพิชชา

    นอนฟังเสียงฝนตกต่อเนื่องมาสองวัน คิดถึงเลยต้องพลิกบันทึกว่าด้วยเรื่องราวที่บ้านมาอ่านเสริมพลังให้ตัวเอง..

    ช่วงนี้ยังไม่ได้กลับบ้าน  เพราะภารกิจรัดตัวและการเดินทางก็ทอดตัวมาประกบชิดตัวและหัวใจ...

    สวัสดีครับ คุณแสงแห่งความดี

    การเขียนบันทึกที่เกี่ยวกับบ้าน  เสมือนการได้เขียนบันทึกในโลกเนร้นลับภายในตัวตนของเราเอง...เป็นการชำระและบำบัดจิตวิญญาณตัวเราเองด้วยเช่นกัน ครับ

    สวัสดีครับ พี่นิภารัตน์

    ท้องไร่ท้องนา ..บ้านเกิดเมืองนอน เป็นหโรงเรียนและห้องเรียนที่กว้างใหญ่ไร้อาณาเขต ท่องเล่น ได้เริงร่า ท้าทายการเรียนรู้อย่างยิ่งใหญ่ครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท