เที่ยวจริง: ชมสวน
4 เมษายน 2553 เป็นวันอาทิตย์ที่ระอุด้วยไอร้อนอย่างแสนสาหัส หลังจากออกจากที่ทำงานราวเที่ยงครึ่ง ก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ซึ่งถ้าใครก็ตามที่ติดตามเรื่องราวของผมมาตลอดก็จะทราบว่า ปัญหาเดียวของบ้านเราในช่วงเที่ยวก็คือ “เรื่องกิน” คุณสองสาวเธอกินน้อยถึงไม่กินเลยก็ได้ เที่ยงวันนี้ผมกินข้าวแถวๆที่ทำงาน ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ผมสั่งไข่เจียวและผัดเผ็ดมานั่งกินกับข้าว น้องจ้ากินข้าวเพียง 3 คำ ส่วนพี่แป้งกินเพียงเสี้ยวหนึ่งของจาน ผมก็เลยคาดโทษว่า จะไม่ให้กินขนมในรถตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ใครจะหิวจนไส้ขาดก็ไม่ให้กินจนกว่าจะถึงเวลาของมื้อเย็น
คุณจ้าหลับไปในเวลาไม่นานหลังจากที่เราเริ่มออกรถมาราวบ่ายโมงตรง พี่แป้งจองที่นั่งคู่กับผม เธอสามารถนั่งมองสิ่งรอบตัวและถามคำถามผมไปได้ตลอดทาง หลายครั้งผมก็สอนวิธีการกางแผนที่ให้ลูกสาว สอนให้ดูต้นไม้บ้าง เบื่อๆก็นั่งบวกเลขจากป้ายทะเบียนรถแก้ง่วง
การเที่ยวครั้งนี้เป็นช่วงเมษายน ฤดูร้อนที่กำลังร้อนได้ที่ แต่ท่ามกลางความอบอ้าวนั้น เรากลับได้สิ่งตอบแทนจากธรรมชาติเป็นการบานเบ่งของเหล่าบรรดาดอกไม้ชนิดต่างๆ เริ่มต้นจากบ้านเราเอง ช่วงเกาะกลางถนนทางวิ่งแถวๆบางกล่ำเป็นต้นไป เขาจะปลูกต้นตะแบกหรืออินทนินผมก็ไม่แน่ใจนัก เพราะแยกไม่ออกแยกไม่เป็น รู้แต่ว่า ดอกมันบานส่งสีม่วงแซมขาวไปตลอดทาง ต้นที่ดอกร่วงหมดแล้วก็จะแตกใบอ่อน (เอ๊ะ...หรือว่ามันใบร่วงก่อนออกดอกก็ไม่แน่ใจนะครับ) ใบอ่อนสีน้ำตาลทองแดงทั้งต้น เหมือนต้นไม้ประดิษฐ์ไม่ผิดเพี้ยน
ผมแวะหากาแฟกินที่สถานีน้ำมันปตท.ที่แยกพัทลุง ต้องขอบอกว่าที่แห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีสุดยอด จากปั๊มน้ำมันห่วยๆสกปรกๆ มาตอนนี้เป็นปั๊มน้ำมันที่สะอาดสะอ้าน มีร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟอะเมซอน (ที่ผมชอบมากๆ) ที่สำคัญนั้น เขาชงกาแฟได้อร่อยครับ และหลังจากได้เติมกาแฟเป็นที่เรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดตรัง และก็เป็นครั้งหนึ่งที่ได้ขับรถไป ดูดอกเฟื่องฟ้าหลากสีไปเกือบตลอดทาง โดยปกตินั้นผมไม่ชอบเฟื่องฟ้า ไม่ชอบไม้หนาม แต่คราวนี้กลับรู้สึกสดชื่น คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาปลูกได้สวยงาม ดอกสะพรั่ง และโทนสีของเฟื่องฟ้ามันจัดจ้านถึงใจจริงๆ
คุณจ้าเธอหลับไปได้แค่ 20 นาทีกว่าๆเท่านั้นเองครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความหิว แต่พ่อเธอยังคงใจแข็งไม่ยอมให้กินขนมเป็นอันขาด ตราบจนล่วงเข้าเขตตรังไปแล้วจึงหย่อนลงนิดหน่อยโดยต่อรองว่า หากดื่มนมหมดกล่องจะอนุญาตให้กินอย่างอื่นได้ ซึ่งเธอก็ยอมดูดนมไปโดยดี ฮ่า ฮ่า แต่นั่นยังไม่จบเรื่องกินนะครับ โปรดติดตามไปอีกนิด
การเดินทาง 250 กิโลเมตรจากหาดใหญ่ เราใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงครึ่งจึงถึงท่าเรือข้ามเกาะ ลุ้นครับ ผมลุ้นว่าเราจะได้ข้ามแพตอนกี่โมง เพราะนี่ก็ 4 โมงครึ่งเข้าไปแล้ว ปีที่แล้วเราต้องรอนานเป็นชั่วโมง แต่ดีใจมากที่ไม่มีรถเข้าคิวเลยสักคัน นั่นก็หมายความว่าเราจะได้ลงแพเลย และแล้วระหว่างที่รอลงแพขนานยนต์อยู่นั้น คุณจ้าก็โวยขึ้นมาว่า “จะอ๊วก” ฮั่นแน่ ลูกพ่อเริ่มเมารถเสียแล้ว นั่นคงเป็นเพราะหิวและหิวและหิวนั่นเอง ว่าแล้วเธอก็อ๊วกออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล จนหมดพุงก็ได้เวลาลงแพทันใด โชคดีที่ผมมีหมากฝรั่งอยู่ เธอจึงได้เคี้ยวๆ เผ็ดๆซ่าๆ จึงทำให้ลูกสาวผมสดชื่นขึ้น เราจึงพากันดับเครื่องรถแล้วลงไปยืดเส้นยืดสายกัน ลงไปถ่ายรูปสักหน่อย รับลมโชยสดชื่น คุณจ้าก็เลยหายสนิท
เราถึงโรงแรมราว 5 โมงครึ่งครับ ทางเข้าโรงแรมจะเป็นเนินเขา ฉะนั้นคงต้องระวังสักนิดหากจะเลี้ยวเข้าไป บรรยากาศภายในดูร่มรื่น เราได้รับการต้อนรับจากพนักงานด้วยน้ำมะนาวเย็นเฉียบ ถึงตอนนี้เด็กๆชักตื่นเต้น เพราะเห็นสระน้ำกว้างใหญ่ ว่าแล้วเราก็รีบเข้าห้องพักในทันที โดยระหว่างทางเดินไปห้องพักนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ ผมเริ่มตะลึงเมื่อได้เห็นหมากหลายชนิดขึ้นอยู่รกครึ้มแต่ไม่รกสายตา หอมกลิ่นดอกโมกและดอกปีบแทรกจมูกเข้ามาพร้อมๆกัน เพียงเท่านี้ความเหนื่อยก็ทุเลา
เรานอนห้อง 1011 ห้องที่มีสระน้ำอยู่หลังห้องพัก อยู่ชิดชนิดที่เรียกว่าก้าวออกจากประตูห้องก็กระโดดลงน้ำได้เลยเชียวครับ และในเวลานั้นพี่เปิ้ลกับต้นข้าวเธอแช่น้ำอยู่ก่อนแล้ว ส่วนลูกสาวของผมน่ะเหรอครับ ไม่ทันได้สัมผัสพื้นห้องเธอก็เต้นเร่าๆ เปลี่ยนชุดว่ายน้ำไปเรียบร้อยในเวลาแป๊บเดียว
ห้องพักของที่นี่ classic ครับ สวยเรียบ แบ่งสัดส่วนห้องนอนกับส่วนห้องน้ำด้วยประตูเลื่อนบานใหญ่ และส่วนหลังของห้องก็เป็นที่นั่งพักผ่อน ไม่ติดแอร์แต่มีพัดลมเพดาน และพื้นตรงส่วนนี้เขาปูพื้นส่วนหนึ่งด้วยไม้ท่อนใหญ่ๆพอให้รู้สึกนุ่มเท้าเวลาเดินออกไปหลังห้องเพื่อกระโดดน้ำ และแน่นอนครับ ถึงตอนนี้พ่อลูกทั้ง 3 คนก็กระโดดตู้มมมมม....ไปเสียแล้ว
เราเล่นน้ำในสระกันได้ราวเกือบครึ่งชั่วโมง จึงออกจากที่พักย้ายถิ่นไปริมทะเล ความประทับใจครั้งต่อไปก็คือสวนสวยร่มรื่นในโรงแรมแห่งนี้ครับ ปาล์มเจ้าเมืองถลางต้นยักษ์ที่โคนต้นมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา (ผมก็ไม่ใจในตัวเองเท่าไหร่นักนะครับ ว่าตัวเองเห็นปาล์มมากมากเพียงไหน ฮ่า ฮ่า)
หาดทราย ท้องฟ้า น้ำทะเล มันยังน่าประทับใจเหมือนเดิม ทรายละเอียดนวดเท้าดังซึกๆ ไม่มีเศษขยะเกลื่อนกลาด คลื่นลมสงบสงัด สมาชิก 2 ครอบครัว นับหัวได้ 8 หัวจึงพร้อมใจกันลงไปแช่ตูดในน้ำทะเลลันตาทันที
เล่นน้ำได้ราวเกือบครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าก็เริ่มซาแดด จ้ากับต้นข้าวเริ่มหิว จ้าน่าจะหิวจนหูตาลาย ผมจึงพาเธอขึ้นไปยังห้องอาหารทั้งชุดเปียกๆนั่นแหละ ข้าวราดหน้าด้วยไข่ดาว 2 ฟองขนาดฝรั่งกินจึงเกือบหมดภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที ส่วนต้นข้าวก็ซัดข้าวผัดกุ้งเกือบเกลี้ยงจานไปเหมือนกัน และเมื่อท้องอิ่ม แรงจ้าจึงเกิด สองเราพ่อลูกจึงค่อยๆเดินกลับห้องพักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวกัน
มื้อค่ำของคืนแรกนี้พี่แป้งกินสปาเก็ตตี้ พ่อกับแม่กินข้าวผัด พี่สมศักดิ์ไม่ได้มากินเพราะต้องดูแลต้นข้าวกับน้องจ้าที่ท้องหนักไปเรียบร้อยก่อนใครเพื่อน เมื่อกินเสร็จก็กลับห้องพักกัน ผมกับพี่เปิ้ลมีนัดดื่มไวน์ใต้แสงจันทร์กันครับ แต่ทำไปทำมา คนอยากกินกลับหลับไปพร้อมลูก พี่สมศักดิ์เสียอีกที่อยากดื่มกับผมจนต้องแอบไปกินกาแฟเพื่อถ่างตาเสียก่อน บ้านพี่เปิ้ลเขาหลับเร็วมากครับ เวลาที่เขานอนนั้นลูกผมตื่นตาโต ดังนั้นเมื่อพ่อแม่ดื่มไวน์ เธอทั้งคู่ก็กระโดดน้ำตูมอีกรอบ เป็นอันว่าวันนี้เล่นไปหลายตู้มครับ
ลูกๆ ผมกำลังรอวันให้ผมพาไปเที่ยวอยู่ครับ คาดว่าหลังสงกรานต์คงได้เดินทาง แต่รอบนี้รีสอร์ทบ้านปู่ครับ ฮิฮิ
อย่าคาดนานนักนะครับอาจารย์จารุวิจน์ เดี๋ยวลูกจะโตเสียก่อน
สัปดาห์หน้าลูกสาวทั้งสองก็จะไปอยู่ที่รีสอร์ทบ้านย่าครับ
เที่ยวให้สนุกครับคุณหมอ
เอาอากาศสมุยอัดใส่กระป๋องมาฝากด้วยหน่ะครับ หรือเอาแบบผสมก็ได้
เที่ยวลันตา สนุกสุดตัวเลยพี่หนึ่ง
ว่าแต่ว่า บ้านย่าลูกสาวอยู่บ้านดอนครับ ไม่ถึงสมุยครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึกดีๆ นี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ^__^
ขอบคุณครับ ต้นเฟิร์น
โอโหคุณหมอครับ น่าไปเที่ยวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่สาวน้อยคุณหมอสองคนโตไวมาก เมื่อก่อนยังตัวเล็กอยู่เลย เห็นน้องแป้งอีกครั้ง โอโหโตขึ้นมากๆๆๆๆ
อาจารน์ขจิตสุดคนึง
ก็ลูกสาวผมไม่ใช่ตุ๊กตานี่นา ที่จะตัวกะเปี๊ยกไปตลอด ฮ่า ฮ่า
อย่าว่าแต่อาจารย์ที่รู้สึกเลย ผมกับภรรยาก็รู้สึกเหมือนกันว่า เธอทั้งคู่โตเร็วจนใจหาย
พี่แป้งสู้ๆ น้องจ้าสู้ๆ อากาศร้อนๆ ลงสระว่ายน้ำสดชื่นดีนะค่ะ
ป้าเห็นน้องแป้ง กับ น้องจ้า อยู่ในสระแล้วรู้สึกสดชื่นตามไปด้วยค่ะ
แล้วร้องเพลงนี่กันหรือเปล่าค่ะ ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ฯ
อ้าว! แล้วนั่นหอยอะไรอีกล่ะค่ะ ตัวใหญ่ๆ สวยดีค่ะ
แล้วป้าก็จะสู้ๆ ตามน้องแป้ง กับ น้องจ้า นะค่ะ จุ๊บ จุ๊บ
สวัสดีค่ะคุณหมอ อ่านแล้วนึกถึงความร้อนเดือนเมษายน (รวมก่อนหน้าและหลังด้วยค่ะ)ปีนี้ร้อนมหาโหด อยู่ภาคใต้เที่ยวทะเล เล่นน้ำสระเย็นสบาย ครอบครัวอบอุ่นคะได้ไปไหนๆด้วยกันเช่นนี้
ขอบคุณที่ไปแวะทักทายชมดอกไม้ไกลถึงอยุธยา(โกทูโนว์ดีมากๆอย่างนี้แหละนะคะ ไปเที่ยวได้ทั่วไทยแค่ปลายนิ้ว) เลยทราบว่าคุณหมอกลัวหนอน ^___^
สวัสดีครับคุณนายดอกเตอร์
เรื่องดอกไม้อยู่ในความสนใจของผมมาโดยตลอดครับ เสียอย่างเดียวดันกลัวหนอนไปเสียนี่
เรื่องเที่ยวก็อยู่ในหัวมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน อยู่ภาคใต้ก็เที่ยวทะเลนี่แหละครับ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าก็ขับรถขึ้นมาเที่ยวหัวหินอีกแล้ว
มาชวนอาจารย์แปร๊ะไปให้ความเห็นเรื่องที่ท่านชอบ ที่นี่ครับ
แวะมาชมภาพสวย ๆ
ลูกสาวน่ารักค่ะ
อ๊ะ พึ่งรู้ว่าคอไวน์เหมือนกันรึนี่ หึ หึ เป็นข้อมูลที่น่าสนใจครับ