การกลับมาบ้านเกิดครั้งนี้เเม้ว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เเต่ก็มีคุณค่า ได้พบมิตรเก่าหลายท่านที่พบกันโดยบังเอิญ และหลายท่านพบในร้านกาแฟไม่น่าเชื่อว่าร้านกาแฟที่ปายมีร้อยพันเเต่เจาะจงมานั่งจิบ พักผ่อนในร้านเดียวกัน
ปายวันนี้หลังจากไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเสียนาน ก็เปลี่ยนไปตามที่คาดการณ์ไว้ กระเเสความเจริญข้างนอกที่ถาโถมคงฉุดรั้งได้ยาก ในขณะที่แผ่นดินเท่าเดิม แต่ทุกตารางนิ้วก็ถูกกระทำชำเราเสียจนชอกช้ำ...
มีคำถามหนึ่งในหลายคำถามของผู้ยอมรับจำนนกับโชคชะตาว่า เราจะตั้งรับสถานการณ์นี้อย่างไร? ณ วันนี้เราคนปายยังต้องหวังพึ่งพาใครอีกจะได้ไหม หากไม่ช่วยตัวเอง ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของคนปายที่พึงจะมี
แต่ท่ามกลางความชลมุนของความเป็นสมัยใหม่ เรากลับพบอีกมุมหนึ่งที่เเสนงาม และผมคิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นทางออกของสังคมปายเเละสังคมของประเทศเราด้วย
ในวันที่สองก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ ได้รับเชิญจากคุณหมอสุพัฒน์ ใจงาม จากโรงพยาบาลปาย ไปร่วมรับประทานอาหารกับชมรมวิถีพุทธที่โรงพยาบาล ...จึงตกปากรับคำทั้งๆที่ยังไม่ทราบว่า ชมรมวิถีพุทธคือใคร ทำอะไร ผมทิ้งคำถามไว้ในใจ เเต่ก็ตามคุณหมอไปร่วมกิจกรรมดีๆกับกลุ่มนี้อย่างว่าง่าย เพราะกัลยาณมิตรของผมท่านนี้ผมถือว่าเป็นผู้ชักนำสิ่งดีๆมาให้ตลอดเวลา
เราเดินขึ้นไปยังห้องกายภาพบำบัด ด้านหลังของตึกผู้ป่วย เปิดประตูเข้าไป พบเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปายกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารแบบล้อมวง ผมถูกเชื้อเชิญเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ถูกเตรียมไว้พร้อมเเล้ว
คุณแหลมทอง วงศ์ใหญ่ -ประธานชมรมวิถีพุทธ
คนหน้าใหม่อย่างผม หลังจากเเนะนำเสร็จ ก็นั่งทานข้าวพร้อมกับฟังเรื่องราวจาก พี่แหลม (คุณแหลมทอง วงศ์ใหญ่) ทราบภายหลังว่า พี่แแหลมเป็นประธานชมรมวิถีพุทธ ของโรงพยาบาลปาย เนื้อหาที่พุดคุยกันในวงทานข้าว เป็นเรื่องของการเดินทางไปเรียนรู้ธรรมะ ผ่านวัดวาอารามแถบทางเหนือ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของชมรมวิถีพุทธ ผมก็ฟังไปด้วย ทานอาหารไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน ในใจนึกชื่นชมผู้ก่อการท่านนี้ รวมถึงสมาชิกชมรมวิถีพุทธของโรงพยาบาลปายที่มานั่งล้อมวงฟังอย่างตั้งใจ
ด้วยที่ผมมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของ การถอดบทเรียน SHA ของ สถาบันรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ผมจึงสนใจที่มาของชมรมดังกล่าว ผมคิดว่าพื้นที่ที่คนกลุ่มหนึ่งในโรงพยาบาลผลักดันให้เกิดขึ้น เป็น Healing environment สำหรับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล นอกจากเป็นการชำระจิต ขัดเกลาตัวเองเเล้ว พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีการผ่อนพักโดยเเท้จริง
ชมรมวิถีพุทธของโรงพยาบาล ก่อเกิดมาก่อนหน้านี้ในปี ๔๘ ในชื่อของ ชมรม "แสงทองส่องธรรม" เป็นส่วนหนึ่งของชมรมที่เกิดจากเเนวคิดของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เดิมมีสมาชิกประมาณ ๒๐ ท่าน โดยการรวมตัวของกลุ่มคนที่่มีจริตร่วมกันทางด้านนี้
ต่อมาในปี ๕๑ ชมรมแสงทองส่องธรรม ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ชมรมวิถีพุทธ" กิจกรรมในชมรมก็เป็นการเรียนรู้ตนเอง ผ่านธรรมะ สร้างกิจกรรมที่หลากหลายในเเนวทางของการเจริญสติให้กับบุคลากรของโรงพยาบาล และกิจกรรมที่ชมรมสร้างให้เป็นกิจกรรมประจำคือ การรับประทานอาหารร่วมกัน สนทนาธรรมไปด้วย ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงของวันทำงาน จากนั้นมีการไหว้พระสวดมนต์ และเจริญสติโดยการเดินจงกรมและนั่งสมาธิ สร้างเสริมสุขภาพคนทำงานทั้งกายและใจ
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้นั่งทานข้าวและพูดคุยของผมกับชมรมวิถีพุทธ ก็เพียงได้เรียนรู้ จุดเริ่มต้นของกิจกรรมดีงาม และผมคิดว่าการก่อเกิดของชมรมเล็กๆนี้ เป็นความงามโดยธรรมชาติของการรวมตัวกัน พลังของมิตรภาพและการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างกัลยาณมิตรธรรม ๗ คือองค์คุณของกัลยาณมิตร สังคหวัตถุ ๔ มีธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว คือยึดเหนี่ยวใจบุคคลและประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี พัฒนาด้านจิตวิญญาณเพื่อดุลยภาพของชีวิต
เรื่องดีๆที่ผมได้พบเเละเรียนรู้ช่วงสั้นๆนี้ ถือว่าเป็นความภูมิใจในฐานะผมเป็นคนในพื้นที่ ที่มีโอกาสได้รับรู้ว่าโรงพยาบาลที่บ้านเรา มีเรื่องราวดีงาม ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆแต่ทว่างดงาม
ขอบันทึกเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปาย พร้อมด้วย คุณแหลมทอง วงศ์ใหญ่ ประธานชมรมวิถีพุทธและคุณหมอสุพัฒน์ ใจงาม ที่ท่านเป็นผู้ผลักดันที่สำคัญ
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ปาย,เเม่ฮ่องสอน
๑๙ กพ.๕๓
ส่งดี ๆที่น่าชื่นชมนะคะ
ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวให้ได้เรียนรู้
ขอบคุณครับผม... พี่ไก่ - ประกาย
เป็นเรื่องราวหนึ่งที่ได้เรียนรู้ ครากลับไปเยือนบ้านครับผม :) สิ่งดีๆเหล่านี้เป็นความภูมิใจหนึ่งของคนบ้านเรา..
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณเอก
มาชื่นชมกิจกรรมดี ๆ ของโรงพยาบาลปาย
พระพุทธศาสนาเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยอย่างแท้จริงนะคะ
ชอบจังเลยค่ะคำนี้ ....พัฒนาด้านจิตวิญญาณเพื่อดุลยภาพของชีวิต
สุขสันต์วันหยุด มีความสุขทุกวันนะคะ
ขอบคุณค่ะ...^_^
สวัสดีค่ะ
น่าชื่นชมกิจกรรมจังค่ะ
เป็นที่ยอมรับแล้วว่าศาสนาพุทธนำมาใช้แก้ปัญหา ส่งเสริมพัฒนาการมนุษย์ได้ในทุกเรื่อง
มีเรื่องนึงค่ะ น้องสาวที่เป็นพยาบาลอยู่ที่ ร.พ. วิชพยาบาลเล่าให้ฟัง ว่าที่ ร.พ. มีพยาบาลท่านหนึ่ง เป็นผู้ให้ความสนใจกับผู้ป่วยระยะสุดท้ายมาก (ท่านเป็นพยาบาลคนเดียวที่ได้ถือคบเพลิงโอลิมปิก)
ท่านว่าพอเริ่มรู้ว่าคนไข้จะไม่รอด เรามักให้ความสนใจกับบุคคลรอบข้างคนไข้ ว่าเค้าจะอยู่อย่างไรเมื่อคนไข้จากไป จึงให้ความสนใจกับคนไข้น้อยลง คนไข้จึงมักนอนรอความตายด้วยความกลัว ด้วยความเศร้า
หากในทางพุทธศาสนา ชวนจิตดวงสุดท้ายสำคัญมาก เราจะไปเกิดในภพภูมิใดก็อยู่ที่ชวนจิตดวงสุดท้ายนี้ จึงควรให้คนไข้เตรียมรับการละจากโลกนี้ไปด้วยจิตที่ผ่องใส ท่านจึงทุ่มเทเวลาเพื่อการรี้โดยเฉพาะ
ดูซีคะ จากความประทับใจเรื่องที่คุณเอกนำมาเล่าให้ฟัง ไปออกเรื่องไหนแล้วก็ไม่รุ้ อิอิ
วิถีของศาสนาความเชื่อนอกจากต้องการจะพบความสงบสุขแล้วยังมีอะไรอีกที่เป็นแก่น...คือในศาสนาอื่นๆ สามารถที่จะนำพาไปพบความสงบสุข ทางใจได้เหมือนศาสนาพุทธหรือป่าวคะ...
ป้าเหมียวครับ
ทุกศาสนามี แก่น เเละแก่นเหล่านั้น นำพามนุษย์เราเข้าสู่สมดุลได้
เอาไว้ผมกลับไปถึง กทม. ขอเขียนแสดงข้อเเลกเปลี่ยนอีกครั้ง
ขอบคุณมากนะครับ
สวัสดีค่ะคุณเอกมาชื่นชม รพ. ปาย ที่มีชมรมวิถีพุทธเพราะการรักษาต้องเริ่มที่จิตใจเป็นพื้นฐานทั้งมวลจึงเสริมกันไป..ขอบคุณที่มีสิ่งดีๆมาฝากเสมอค่ะ
-สวัสดีครับคุณเอก
-แวะมา"ชื่นชม ชมรมวิถีพุทธ" ครับ
-ไม่เคยไป "ปาย"..แต่ก็ยังติดตามเรื่องราวของ "ปาย" หวังไว้ว่า สักวันจะไปเที่ยว "ปาย" ครับ...