เอาใจนำพาเอาศรัทธานำทาง (6) : ปลูกฝังความเป็นชาติผ่านวิถีของการรักท้องถิ่น


ความเป็นชาติบ้านเมืองนั้น มีความเป็นครอบครัว หมู่บ้าน หรือชุมชนและท้องถิ่นป็นรากฐาน หรือองค์ประกอบอันสำคัญอย่างไม่ผิดเพี้ยน

ช่วงเย็นของวันอังคารที่ผ่านมา (11 สิงหาคม 2552)  ผมนั่งคุยกับทีมงานแบบไม่เครียด-
ย้ำชัดๆ ว่าไม่เครียด  โดยหลักๆ คือการติดตามถามข่าวความเป็นไปของกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีขึ้นในรอบเดือนนี้

 

และที่สำคัญเลยก็คือ  การไถ่ถามถึงกิจกรรมเนื่องในวันแม่ที่กำลังจะมีขึ้นว่าขยับเคลื่อนกันไปถึงไหนแล้ว
 

 

 

 

สารภาพตามตรงเลยว่า  เจ้าหน้าที่ในทีมงานของผมเกือบทุกคน  ไม่มีโอกาสได้กลับไปกราบตักแม่เลยก็ว่าได้  เพราะต่างก็มีภารกิจหลักที่ต้องปฏิบัติร่วมกับนิสิต  เป็นต้นว่า  การทอดเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติในวัดต่างๆ  รวมถึงการนำพานิสิตไปร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรที่จังหวัดและที่ชุมชนท่าขอนยาง...

เกี่ยวกับเรื่องนี้  ผมรู้สึกเกรงใจพวกเขาอยู่มากโขเลยทีเดียว  จึงได้แต่บอกเล่าอย่างสัตย์จริงในทำนองว่า ...นี่คือสภาพจริงของพวกเราที่ต้องทำความเข้าใจให้หน่วงหนัก  การไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้หมายถึงความบกพร่องที่มีต่อแม่  แต่ภารกิจราชการเช่นนี้ คือภารกิจแห่งใจและเป็นภารกิจแห่งสังคมที่เราพึงกระทำและมอบเป็นของขวัญให้กับแม่ของเราไปในตัว

และในขณะเดียวกันนั้น  ผมเองก็บอกย้ำอีกรอบว่า  ในวันแม่เช่นนี้  หลายปีแล้วที่ผมไม่อาจกลับไปหาแม่ได้  เพราะไม่อาจละวางจากงานเหล่านี้ไปได้เลย  แต่อย่างน้อยก็จะบอกให้ท่านได้รับรู้ว่า  ผมอยู่ที่ไหน...กำลังทำอะไร...และสิ่งที่ทำนั้นมีความหมายใดกับใครบ้าง...

 

 

 

 

 

ดังนั้น  ผมจึงไม่ลืมที่จะสรุปความให้ทีมงานได้รับรู้ว่า  งาน หรือภารกิจที่หน่วงรั้งให้เราไม่สามารถพกพาหัวใจไปกราบแม่ได้นั้น  ถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่  เพราะเป็นภารกิจที่เราทำเพื่อคนอื่น  ทำเพื่อสังคม...และที่สำคัญ ขอให้ถือว่าภารกิจเหล่านี้ คือกิจกรรมที่เราทำขึ้นเพื่อ แม่ ของเราเองด้วยเช่นกัน

 

เช้ารุ่งของวันนี้ (12 สิงหาคม 2552)  ผมออกไปร่วมกิจกรรมทอดเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติกับน้องนิสิตคณะเทคโนโลยี ณ วัดบ้านหนองแข้  อากาศในยามเช้าสดชื่นเย็นสบาย  ท้องทุ่งริมถนนเขียวงามบ่งบอกถึงการเติบโตอย่างมีชีวิต  ทั้งของข้าวกล้าและชีวิตของชาวบ้าน

 

 

 

 

 

ผมไปถึงศาลาวัดช้ากว่าคนอื่นอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ถึงกลับมากมายและน่าเกลียดนัก  เพราะทุกอย่างก็เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่ถึงสิบนาที  ภายใต้ตัวศาลาวัดอัดแน่นไปด้วยนิสิตจำนวนมาก  ประมาณด้วยสายตาน่าจะมีจำนวนเกือบๆ จะ 80 คน  ส่วนชาวบ้านนั้นเข้ามาร่วมกระบวนการในศาลาเพียงไม่ถึง 10 คน  โดยส่วนหนึ่งกระจายอยู่ตามโรงครัวเพื่อตระเตรียมข้าวปลาอาหาร  และอีกส่วนก็เตรียมการต้อนรับคณะทอดเทียนจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่กำลังสัญจรมาร่วมทอดเทียนกันในวันนี้

 

พิธีของการทอดเทียนในเช้านี้เป็นไปอย่างเงียบง่าย  ไม่แต่เฉพาะเทียนพรรษาเท่านั้นที่ถูกนำมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์  แต่ยังรวมถึงผ้าอาบน้ำฝน  ยาสามัญประจำบ้าน  และปัจจัยในรูปของการเอาใจนำพา เอาศรัทธานำทางอีก 8,199 บาท  ซึ่งผมเองก็นำเงินจำนวนเล็กๆ ที่ได้จากการขายหนังสือ เรียนนอกฤดู ของตัวเองต่อยอดเข้าไปกับผ้าป่าในครั้งนี้ด้วย

 

การทอดเทียนครั้งนี้  ยังคงจะขับเคลื่อนอีกต่อไป  โดยนิสิตคณะเทคโนโลยีจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง  เพื่อลงแรงใจกันหล่อพระพุทธรูปกันอีกหน  ซึ่งผมเองก็รับปากว่า  จะเป็นอีกแรงของการหนุนนำและเคียงข้างอยู่กับพวกเขา  โดยจะไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างลำพัง  เพราะเมื่อผมเป็นเสมือนคนต้นเรื่องของเรื่องนี้  ผมก็ต้องอยู่กับเรื่องนี้ให้จบตอน  ไม่ใช่สร้างแรงจูงใจให้กับนิสิตแล้วก็ปล่อยปละให้พวกเขาขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปกันเองแต่เพียงลำพัง

 

 

 

 

ถัดจากนั้น  ผมและทีมงานก็รีบตะบึงออกจากหมู่บ้านหนองแข้เพื่อไปยังวัดป่าวังเลิง  ซึ่งอยู่ห่างกันในราวๆ 10 กิโลเมตรได้


วัดป่าวังเลิง     เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เรายึดมั่นเป็นพื้นที่ของการทอดเทียนพรรษาในครั้งนี้     ซึ่งกลุ่มนิสิตพรรคชาวดิน  ขันอาสาเป็นเจ้าภาพของการทอดเทียนเอง  โดยล่าสุดก็พยายามจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อเข้าสู่กระบวนการแห่งการทอดเทียนในวันนี้อย่างน่าชื่นชม
  เฉพาะปัจจัยที่นำมาถวายเป็นผ้าป่ารวมแล้วก็ได้จำนวน 4,019 บาทพอดิบพอดี

 

การไปทอดเทียนในแต่ละวัด  ผมชัดเจนแล้วตั้งแต่แรกแล้วว่า  จำนวนคนและจำนวนเงินจะไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จของกิจกรรมนี้ทั้งหมด  เพราะ ณ วันที่ผมคิดและชวนให้เจ้าหน้าที่และนิสิตได้ร่วมใจกันทำกิจกรรมเหล่านี้นั้น  หลักๆ คือการอยากให้มหาวิทยาลัยกับชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้และผูกสัมพันธ์กันให้มากขึ้น  และเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วาระแห่งปีที่ผมต้องการที่จะทำกิจกรรมตามแนวคิดโมเดล หนึ่งคณะต่อหนึ่งหมู่บ้าน หรือ ลูกในบ้าน...ว่านในสวน นั่นเอง 

 

และที่สำคัญก็คือ การผูกโยงแนวคิดความเป็นชาติผ่านความเป็นชุมชน หรือท้องถิ่นไปในตัว  ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น  ก็ยังไม่อาจละวางไปจากกรอบแนวคิดหลัก อันหมายถึงจุดประสงค์ในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม  และการส่งเสริมให้นิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งกับสังคม  โดยมุ่งที่จะบอกกล่าวกับเขาว่า สองมือและหนึ่งสมองอันน้อยนิดของแต่ละคนนั้นมีค่าและมีความหมายเสมอ 

 

 

 

 

 

ถึงตรงนี้  ผมคงไม่หาญกล้าที่จะบอกกับพวกเขาว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้  คือกิจกรรมที่มีค่าและยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติได้ทั้งหมด  เพราะมันคือกิจกรรมเล็กๆ ที่เกิดจากวิธีคิดที่ว่า เอาใจนำพา เอาศรัทธานำทาง  ล้วนๆ  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ กิจกรรมที่ว่านี้  เป็นกิจกรรมในวาระพิเศษที่จัดขึ้นเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาและวันแม่ของเราทุกคนเท่านั้นเอง  ส่วนแต่ละคนจะเรียนรู้ความเป็นชุมชนและความเป็นลูกที่ดีผ่านกิจกรรมเหล่านี้ได้แค่ไหนนั้น  ผมคงยังไม่ด่วนสรุป หรือบางทีอาจไม่จำเป็นต้องสรุปเลยก็ได้ 

 

แต่อย่างไรก็ดี  ผมก็ยังกล้าพอที่จะบอกกับทีมงานและนิสิตอยู่ดีแหละว่า  การสร้างสังคม หรือสร้างความเป็นชาตินั้น  ล้วนมีรากฐานจากหมู่บ้าน ชุมชน หรือท้องถิ่นเสมอ

 

ดังนั้น  การทำกิจกรรมในทำนองนี้  ก็คงบอกได้บ้างกระมังว่า  ความเป็นชาติบ้านเมืองนั้น  มีความเป็นครอบครัว หมู่บ้าน หรือชุมชนและท้องถิ่นป็นรากฐาน หรือองค์ประกอบอันสำคัญอย่างไม่ผิดเพี้ยน 

 

ด้วยเหตุนี้  ผมจึงอยากให้นิสิตและทีมงานได้ตระหนักว่า เราอาจไม่จำเป็นต้องป้องปากประกาศปาวๆ เหมือนใครหลายหลุ่มที่นิยมชอบชอบสร้างภาพด้วยวาทกรรมแสนหรูว่า รักชาติ อย่างเหลือหลาย แต่วิธีการของการสมานฉันท์กลับเดินสวนทางอย่างน่าหยิก  รวมถึงการไม่เคยลงพื้นที่เพื่อรับรู้ หรือรับฟังถึงสภาพปัญหาที่แท้จริงที่กำลังเกาะกุมและกัดกร่อนชาวบ้านอยู่อย่างน่าเวทนา...

 

ไม่รู้สิ...
การหันกลับมาทำอะไรๆ ในระดับชุมชน หรือท้องถิ่นกันให้มากขึ้นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีและง่ายสุดแล้ว (กระมัง)  กระตุ้นให้คนแต่ละคนรักและผูกพันกับท้องถิ่นให้มากที่สุด  ชวนให้ทุกคนบอกรักท้องถิ่นของตัวเองด้วยวิธีของตัวเองให้มากขึ้น  พร้อมๆ กับการเทใจให้กับการพัฒนาท้องถิ่นกันอย่างจริงจัง  บางทีความเป็นชาติของเราก็จะกลับมาเป็นหนึ่งเดียว เข้มแข็งเป็นปึกแผ่นและก้าวไปข้างหน้าได้มากกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้

 

นั่นแหละคือสิ่งที่ผมเชื่อและศรัทธา  พร้อมๆ กับการเชื่อว่าในบริบทของความเป็นเรา ซึ่งหมายถึง
นิสิตในมหาวิทยาลัยนั้นก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะแบกรับความเป็นชาติในเวลานี้ได้  พวกเขายังต้องเรียนให้จบ  และก้าวออกไปสู่ความเป็นพลเมืองของชาติในวันหน้า  หากแต่กิจกรรมเหล่านี้  คือกลไกอันสำคัญของการเตรียมความพร้อมให้กับพวกเขา - สอนให้เขารู้ความเป็นชาติผ่านความเป็นท้องถิ่นนี่แหละ...

 

แน่นอนครับ  มันคือการสอนในมุมมองของผมเพราะการเรียนรู้ที่ดีก็น่าจะมาจากเรื่องใกล้ตัวนี่แหละ  
การปลูกฝังความเป็นชาติที่ดูเหมือนไกลโพ้นนั้น  ก็น่าจะเริ่มต้นจาการสอนให้ผู้คนรักและหวงแหนในท้องถิ่นอย่างจริงจังให้มากขึ้น  เพราะผมเชื่อว่า
มันง่ายและใกล้ตัวดี บางทีวิธีนี้คงช่วยให้เรามองความเป็น ชาติ แจ่มชัดขึ้นได้บ้างกระมัง

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 286719เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 09:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

มาให้กำลังใจคนทำงาน ไม่เคยไปวัดนี้เข้าใจว่านิสิตคงมีความสุขนะครับ สบายดีไหม

สวัสดีค่ะอาจารย์

สำนึกรักบ้านเกิด...การทุ่มเททำงานเพื่อชุมชนของอาจารย์ ขอยกย่องจากใจ...

การที่ทำให้นิสิตมีความรัก หวงแหนแผ่นดินของตัวเอง....

ขออนุโมทนา...สาธุ...สาธุ...สาธุ...

พี่แดงก็คิดๆ นะคะจะทำอะไรให้บ้านเกิดของตัวเอง....

# ผมเชื่อว่า มมส. มีความแข็งแรงทางวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งเป็นทุนเดิมอยู่ น่าปลื่มใจที่นิสิตฯ มีจิตมีใจในการทำกิจกรรมดีๆ และการได้รับการส่งเสริมจากสถาบันเอง ในทางที่สะท้อนความเป็น มหาวิทยาลัยชุมชนได้ดีเสมอมา นีอาจเป็นจุดลงตัวใหม่ของสังคม+สถาบันการศึกษา หรือลงตัวมานานแล้วเพียงแต่เป็นการสร้างการลงตัวให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปและตลอดไป จาก"เรียนนอกฤดู" อาจจะพัฒนาเป็น "เรียนทุกฤดู" ก็ได้นะครับพี่

แก้มเจ้าจุกยังปริ..ย้วย น่าชังเหมือนเดิม

เหน่งครับ

 ร่วมชื่นชมความดีเพื่อสังคมค่ะ

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ

ขอบคุณที่มีหัวใจอย่างนี้

รู้สึกอุ่นใจแทนประเทศไทย

กำลังใจให้คนทำงานสำคัญมากที่สุดต่อกิจการงานที่ทำ พูดจริงและทำจริงครับผม

..มีศรัทธานำใจมาช่วยด้วยคน..ยายธี

  • ทำบุญเพื่อปลูกฝังความเป็นชาติ..
  • ลึกซึ้งจังครับ
  • ฮิฮิ..ท่ากรวดน้ำ..ยกมือตนเอง..แทนการพนมมือข้างเดียว..น่าเอ็นดูเชียวครับ

บางปีโทรศัพท์มือถือก็ทำให้วันสำคัญต่างๆ ไม่บกพร่องคะคุณแผ่นดิน

ขอบคุณกองกิจการนิสิตของทุกมหาวิทยาลัยที่ช่วยสร้างนักศึกษานิสิตให้เป็นบัณฑิตที่พึงประวงค์ มีรากเหง้าพร้อมใบปริญญา

 

สำหรับคนนี้เป็นหลานในบ้าน ว่านในสวนหรือเปล่าคะ

ในฐานะที่เป็นคนสารคาม สิริพร มีโปรเจคเขียนบันทึกแนะนำจังหวัดมหาสารคาม ในลักษณะของเมืองน่าอยู่น่าค้นหา..ในวิถีแนะนำที่กิน ที่เที่ยว ที่พักและมุมมองที่แตกต่าง..เชิญชวนร่วมด้วยช่วยกันนะคะ...

  • สวัสดีครับ
  • ยอดเยี่ยมเลยครับ
  • มาให้กำลังใจกับกิจกรรมดีๆ สำหรับปลูกฝังปัญญาชน
  • ทำบุญเพื่อปลูกฝังความเป็นชาติ..
  • ลึกซึ้งจังครับ
  • ฮิฮิ..ท่ากรวดน้ำ..ยกมือตนเอง..แทนการพนมมือข้างเดียว..น่าเอ็นดูเชียวครับ

ขอชื่นชมกิจกรรมดีๆ แบบนี้นะคะ

สวัสดีค่ะ พี่แผ่นดิน

  • ช่างตรงกับใจแป๋มเหลือเกินในการปลูกฝังความรักชาติ
  • ให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน เป้าหมายเดียวหลายวิธีทำ
  • ดังที่ได้เคยเสนอในบันทึกท่านวอญ่าฯไปด้วยวิธีการง่ายๆ
  • นั่นคือการนำเพลงปลุกใจอาทิ "ความฝันอันสูงสุด"
  • "วอลส์นาวี" "หนักแผ่นดิน" "มาร์ชราชสีมา" ประมาณนี้
  • มาให้นักเรียนฝึกร้องแต่ยังเล็ก ทำให้ฮึกเหิมเกิดรักชาติขึ้น
  • เห็นได้ชัดค่ะ  ตนเองพิสูจน์มาแล้ว วิธีง่ายที่นำมาลปรรค่ะ

ขอบคุณค่ะ (อยากอ่านหนังสือของพี่มากๆค่ะ แต่ยังไม่ถึงมือเลย..)

สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง

วัดที่กล่าวถึงในบันทึกนี้ มีหลายวัด  แต่ทุกวัดก็ล้วนเป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งนั้น...

การทอดเทียนพรรษา  คงไม่ได้หมายถึงเฉพาะเรื่องประเพณีในทางพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียว  แต่ผมและทีมงานวางโจทย์ให้เป็นการเรียนรู้สถานที่และเรื่องราวของวัดนั้นๆ ไปในตัวด้วยเหมือนกัน

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ พี่แดง

ตอนนี้ผมก็เตรียมตัวกลับสู่บ้านเกิดแล้วครับ ดูจากภาพนี้ก็แล้วกัน

Dsc_jpg-18

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ สัญญา ผาลี..

มาพบเจอกันอีกครั้งในวันนี้...วันที่น้องจากหายลับกายไปจากโลก
แต่ในความทรงจำ..ยังแจ่มชัด...
สักวัน จะพาทีมงาน ไปทำบุญนะครับ..

...

หลับพักผ่อนให้เป็นสุข นะน้องรัก

 

สวัสดีครับ พี่นงนาท สนธิสุวรรณ

แท้จริงแล้ว เรารู้ดีว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ..ในรั้วมหาวิทยาลัย
ล้วนเป็นความหวังของผมและทีมงานว่าจะเป็นกระบวนการหนึ่งของการปลูกฝังทัศนคติแก่นิสิตให้รู้ว่า ตัวเขาเป็นองค์ประกอบของสังคม และมีคามรับผิดชอบต่อสังคม...

ขอบคุณครับ



สวัสดีครับ คุณอัญชัน

เช่นกันครับ
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ

และขอบคุณที่รักเมืองไทยดุจเดียวกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท